“ภูมิธรรม” มอบ 5 นโยบายขับเคลื่อนกรุงเทพฯ

ก.มหาดไทย 15 ก.ค.-“ภูมิธรรม” มอบ 5 นโยบายขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครสู่เมืองแห่งความสุขที่ยั่งยืน พร้อมย้ำแนวทาง “เร่งด่วน-จริงจัง-ตรงจุด-ยั่งยืน” เพื่อแก้ไขปัญหาชาวกรุงอย่างมีประสิทธิภาพ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบายสำคัญเร่งด่วนให้กับกรุงเทพมหานคร ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (หลังเก่า) อาคารสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พญ.วันทนี วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม


นายภูมิธรรม กล่าวว่า กรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบายจำนวนมากในพื้นที่เมืองหลวงแห่งนี้ในฐานะเมืองศูนย์กลางของประเทศ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการบริหารจัดการเมืองที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการจราจรและขนส่งมวลชน ปัญหาสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ไปจนถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชีวิตของประชาชนในระดับพื้นที่

กระทรวงมหาดไทยในฐานะกำกับดูแลการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร จึงขอให้กรุงเทพมหานครนำนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลมาร่วมดำเนินการขับเคลื่อนและพัฒนากรุงเทพมหานครให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม ได้แก่


1.การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่เป็นบ่อเกิดของอาชญากรรม ความรุนแรง และความไม่สงบสุขในชุมชน และเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน ไปจนถึงเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงที่เป็นเป้าหมายสำคัญของการแพร่ระบาดของยาเสพติด จึงต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนท้องถิ่นในการสร้างเครือข่ายป้องกันยาเสพติดในระดับเขตและชุมชนให้มีความเข้มแข็ง พร้อมทั้ง Re X-ray ชุมชนและพื้นที่เสี่ยงทุกแห่ง ทำให้เป็นพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติด และเร่งรัดการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอย่างมีมนุษยธรรมและยั่งยืน มีระบบการติดตามอย่างต่อเนื่อง

2.”การจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิทธิพล ปัญหาการกระทำผิดกฎหมายและปัญหาผู้มีอิทธิพล” ทั้งการลักลอบเปิดสถานบริการที่ผิดกฎหมาย บ่อนการพนัน การค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าว การเก็บส่วย การจัดการพื้นที่ค้าขาย ด้วยการจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะและแหล่งเศรษฐกิจ พื้นที่สถานบันเทิง ตลาดนัด ตลอดจนสถานีขนส่ง ให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ค้าและประชาชนทั่วไป โดยใช้ “สุขุมวิทโมเดล” เป็นพื้นที่ตัวอย่างที่จะทำให้กรุงเทพมทานครเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสำหรับทุกคน มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และปลอดจากสิ่งผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจและใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข

3.”การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน” ด้วยความเข้าใจในบริบทของพื้นที่ และความแตกต่างของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็กยากไร้ และผู้มีรายได้น้อย ให้สามารถเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานอย่างทั่วถึง ส่งเสริมการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและอาชีพผ่านการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจสร้างสรรค์ รวมทั้งขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล ต่อยอด OTOP สู่สินค้าเชิงคุณภาพ ที่ไม่ใช่แค่มีจำนวน แต่ต้องมีคุณค่า ด้วยการยกระดับสู่ THAIWorks and Beyond และส่งเสริมแพลตฟอร์มการค้าสมัยใหม่ การฝึกอาชีพ และการเข้าถึงแหล่งทุนของผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน


4.การบริการภาครัฐ รวดเร็ว ตรงใจ หนึ่งในหัวใจของการบริหารราชการแผ่นดินในยุคปัจจุบัน คือ การเปลี่ยนผ่านจากระบบราชการแบบเดิมไปสู่การให้บริการที่รวดเร็ว ทันสมัย และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ด้วยการปฏิรูประบบราชการในระดับเมืองให้เป็นภาครัฐแบบใหม่ ที่เน้นการให้บริการเชิงรุกเข้าถึงง่าย และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้อย่างแท้จริง และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการ เพื่อประชาชนได้รับความสะดวกในการรับบริการ

5.เรื่องร้องทุกข์ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ด้วยความ “เร่งด่วน – จริงจัง – ตรงจุด – ยั่งยืน” เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนในพื้นที่ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรื่องร้องทุกข์ร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เช่น แพลตฟอร์ม Traffy Fondue (ทราฟฟี่ฟองดูว์) ซึ่งเป็นระบบที่มีการใช้งานแล้วในหลายพื้นที่ สามารถบูรณาการข้อมูลเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์ร้องเรียนกับกระทรวงมหาดไทยได้ต่อไป

นอกจากนี้ ขอให้กรุงเทพมหานครให้การสนับสนุนมาตรการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการ เพื่อเป็นการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะและการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในเขตกรุงเทพมหานครเพื่อรองรับนโยบาย “ค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย” ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน

“กระทรวงมหาดไทยจะคอยประสานและสนับสนุนการทำงานกับกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิดเพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข และขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐมีผลสัมฤทธิ์และเป็นรปธรรม ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด” นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ ได้กล่าวถึงการขับ “สุขุมวิทโมเดล” ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ตัวอย่างที่จะทำให้เห็นถึงความปลอดภัยสำหรับทุกคน มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และปลอดจากสิ่งผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ ด้วยการบูรณาการของ 8 หน่วยงาน โดยหากกรุงเทพมหานครต้องการขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทยขอให้ได้แจ้งเป็นรายกรณี

ด้านนายชัชชาติ ได้หารือแนวทางการขับเคลื่อนงานของกรุงเทพมหานครเพื่อขอรับการสนับสนุนกำกับดูแลจากกระทรวงมหาดไทย 7 ด้าน ได้แก่ 1.งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.สายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3.การเปลี่ยนไฟฟ้าแสงสว่างเป็นแอลอีดี 4.โครงการก่อสร้างและปรับปรุงท่อประปา 5.สุขุมวิทโมเดล 6.ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และ 7.เสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อปรับภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง ภาษียาสูบ และค่าธรรมเนียมบำรุงที่พักในโรงแรม.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]