“หมอวรงค์” ระบุคดี “ทักษิณ” ป่วยวิกฤติ ใกล้จบแล้ว

ศาลฎีกา 15 ก.ค.-“ชาญชัย” เผยพบพิรุธหลังไต่สวนพยาน 6 ปาก เตรียมเปิดหลักฐานค่ารักษา “ทักษิณ” ชี้ไม่ควรปิดกั้นสื่อในการทำข่าว ด้าน “หมอวรงค์” ระบุคดีนี้ใกล้จบแล้ว

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี และนายสมชาย แสวงการ อดีต สว. มาฟังศาลไต่สวนคดีนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก แต่ไม่ได้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ และถูกส่งไปพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่าวันนี้มีการไต่สวนมีทั้งหมด 6 ปาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ระดับผู้บัญชาการเรือนจำ ของกรมราชทัณฑ์ มีสิ่งที่ศาลไต่สวนข้อเท็จจริง พบมีพิรุธเยอะมาก รวมทั้งแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งโยงไปถึงโรงพยาบาลตำรวจด้วย ซึ่งตนได้ยื่นเรื่องกับสื่อมวลชนในฐานะที่เป็นผู้นำเรื่องมาเสนอที่มีความปรากฏต่อศาลจนกระทั่งมีการไต่สวน รวมถึงทนายความของนายทักษิณ ที่บอกว่าไม่ได้ติดค้างอะไร แต่ก็พยายามที่จะปิดปากไม่ให้สื่อฯ ลงข่าวข้อเท็จจริง ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องของการขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ให้สื่อมวลชนเสนอข้อเท็จจริง ในวันนี้ก็ขอให้ศาลเปิดเผยข้อมูล คือให้อยู่ในกรอบภาพรวมที่สามารถอธิบายได้ ซึ่งเรื่องนี้หากเป็นตนจะขอให้เปิดข้อมูลทั้งหมดเลย เพื่อพิสูจน์ความจริงที่บอกว่าตนเองไม่ผิด ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจว่าไม่ผิด ซึ่งหากความจริงปรากฏจะเสียวไส้กับคนที่ไปช่วยนายทักษิณ มีโอกาสที่จะติดคุกแทน และตนฟังดูว่าเหมือนเอาคนอื่นไปติดคุกแทน เพราะเป็นคนพานายทักษิณ ไปนอนโรงพยาบาล โดยไม่ใช่นายทักษิณ เป็นคนสั่งไป


ทั้งนี้ในอาทิตย์หน้าจะนำใบเสร็จการรักษาพยาบาลมาเปิดเผย ว่า ทำไมถึงเป็นชื่อของนายทักษิณ ที่จ่ายเงิน และเป็นนายทักษิณ ที่รู้ว่าไม่ได้ป่วย ซึ่งความจริงจะปรากฏอาทิตย์หน้า ตนจะเปิดเผยให้สังคมรับรู้ว่านายทักษิณ โกหกประชาชนอย่างไร และต้นตอของเรื่องนี้ทั้งหมด รวมถึงทำให้เกิดความวุ่นวาย ต้องเป็นขบวนการที่ทำให้เสียเวลา รวมถึงกระบวนการนี้ถ้าไม่ถูกเปิดเผยถึงสังคมการเรียนรู้ของสังคมไม่ครบถ้วนจะขาดตอน เพราะฉะนั้นศาลก็ระมัดระวังให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย วันนี้อาจจะมองไม่อยากให้สื่อนำไปลงรายละเอียดกระบวนการของศาลเวลาสืบพยาน ทำให้พยานคนต่อไปรู้ว่าคนก่อนพูดอะไรไว้ ซึ่งก็ต้องเห็นใจศาลเหมือนกัน

ด้านนายแพทย์วรงค์ เผยว่า เราได้แบ่งออกมาเป็นสองชุด คือชุดแรกที่เกี่ยวกับกรมราชทัณฑ์โดยเฉพาะ คืออธิบดีกรมราชทัณฑ์ รองอธิบดี รวมถึงผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ชุดสองคือเรื่องแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งไฮไลท์ในวันนี้แทบจะน็อคทั้งหมด เพราะเกมทุกอย่างได้รับการเปิดเผย เป็นบทสรุปที่ถูกเปิดเผยว่านักโทษที่ถูกส่งตัวอ้างว่าวิกฤติ ป่วยด้วยโรคหัวใจ ฟังประเมินแล้วประมาณสองวัน อาการทุเลาถือว่าอาการดีขึ้น และโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีเสรีภาพในการรักษา ซึ่งในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 อาการของนายทักษิณ ทุเลาลง รวมถึงยาที่ใช้ในการรักษานายทักษิณ โรงพยาบาลมีศักยภาพพอ


ส่วนของราชทัณฑ์ ศาลได้ซักถามข้อมูลถึงใบรับรองแพทย์ราชทัณฑ์ 30 วัน 60 วัน และ 120 วัน ซึ่งพยายามซักถามว่าคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจให้นักโทษกลับมาอยู่เรือนจำ หรือโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นใคร เพราะฝ่ายหนึ่งได้อ้างว่าเป็นอำนาจของฝ่ายราชทัณฑ์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งเท่าที่ศาลสั่งให้เปิดนั้นก็เป็นอำนาจของแพทย์ กลายเป็นว่าโยนกันไปกันมา แต่มีจุดพิรุธที่สังเกต คือวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ก่อนที่นักโทษจะมีการส่งตัวหรืออาการวิกฤตในเวลาสี่ถึงห้าทุ่ม ช่วงเย็นมีการทราบอยู่แล้วว่ามีเอกสารออกมาให้มีคำสั่งเตรียมพร้อม นั่นหมายความว่ารู้ล่วงหน้าว่าจะมีการส่งตัวนักโทษในคืนนั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการซักถามกัน

และประเด็นที่น่าสนใจคือ ศาลพยามซักว่าการไม่รับนักโทษกลับแสดงว่ามีอาการหนักใช่หรือไม่ และศาลได้สอบถามว่าทำไมจึงป่วยหนักต่อเนื่องกัน 181 วัน และวันรุ่งขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 อาการหายแล้วหรือไม่ ทำให้เดินทางกลับบ้านได้ทันที ซึ่งศาลพยายามสอบถามถึงประเด็นนี้และตนมองว่ากรมราชทัณฑ์น่าจะลำบากใจ

ส่วนนายแพทย์วรงค์ กล่าวอีกว่า ในภาพรวมถือว่าภาพของคดีนี้น่าจะใกล้จบแล้ว และเชื่อว่าสัปดาห์ถัดไป ทั้งนายสมชาย หรือนายชาญชัย อาจจะมีเอกสารหลักฐานที่บอกว่ามีการโกหกให้ข้อมูลเท็จต่อศาลและมีหลักฐานเก็บไว้ ซึ่งถึงเวลาในการเปิดเผย และในวันนี้ศาลได้มีการซักถามอธิบดีราชทัณฑ์ในการรักษาตัวนอกเรือนจำรวมทั้งผู้บริหารทุกระดับว่าใช้กฎหมายข้อไหน


ด้านนายสมชาย เผยว่า การรักษาตัวภายนอกสามารถทำได้ เพราะส่วนใหญ่ไปเช้า เย็นกลับ เกิน 30 วันก็มีบ้าง เกิน 60 วันก็มีบ้าง เกิน 120 วันก็มีบ้าง ซึ่งตามรายงานและที่ส่งมาที่ศาลนั้นชัดเจนว่ามีผู้ป่วยเกิน 120 วันอยู่ 3 ราย ในขณะที่ชี้แจงต่อคณะกรรมการ ซึ่งคือป่วยจิตเวช ส่วนป่วยวิกฤตอาการดีขึ้น หรือทุเลาลงแล้ว ก็ต้องส่งกลับเรือนจำ ซึ่งมีการบอกว่าเป็นคำวินิจฉัยของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ก็ต้องรอฟังคำวินิจฉัยเอง ว่าเหตุใดราชทัณฑ์ ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมบังคับโทษตามที่ศาลออกหมายขัง จึงไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง และอ้างว่าแพทย์ไม่สั่งให้กลับเพราะอำนาจของกรมราชทัณฑ์นั้นไม่มี.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]

คุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

สระแก้ว 26 ส.ค.- ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานประกาศปิด 2 วัน (26-27 ส.ค.) เพื่อความปลอดภัย สถานการณ์บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา และเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อวานนี้ ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานได้ประกาศปิดเรียน 2 วัน ในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อความปลอดภัย ด้านฝ่ายความมั่นคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อยืนยันการรักษาอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชายังคงมีชาวบ้านนอนเฝ้าอยู่บริเวณรั้วตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย