รัฐสภา 7 ก.ค.- “เผ่าภูมิ” โว “รัฐบาลแพทองธาร” ทำจีดีพี โตเกิน 3% ทุกไตรมาส เชื่อ สศช.จะปรับอัตราการเจริฐเติบโตในไม่ช้า ย้ำรัฐบาลหาเครื่องยนต์ใหม่ เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ไทยยืนแถวหน้าเวทีโลก
ในการประชุมวุฒิสภาวันนี้ 7 ก.ค.) มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม วาระกระทู้ถามทั่วไป ของนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว.ถามประเด็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งข้อสังเกตต่อมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจที่ไม่เข้าเป้า เช่น อัตราการท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลง จากผลกระทบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการประเมินจีดีพีที่โตต่ำกว่าคาดการณ์เช่นเดียวกับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ส่วนการทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอีก 115,000 ล้านบาท ที่จะกระจายไปยัง 50 หน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้ดำเนินโครงการลงทุนระยะสั้น โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะช่วยสร้างงานและผลักดันจีดีพีให้โตเพิ่มขึ้น 0.4 % ตนคิดว่านโยบายแบบเบี้ยงหัวแตกแบบนี้เป็นการปะผุเล็กๆน้อยๆ และไม่มีผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว
นายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเราไม่ได้แพ้เพราะเราไม่มีทรัพยากร แต่เราแพ้เพราะเราไม่มีทิศทาง ประเทศไทยเราไม่ต้องการนโยบายแบบประชานิยมอีกต่อไป แต่เราต้องการการลงทุนที่สามารถแข่งขันให้ประเทศได้ในระยะยาว ประชาชนมีรายได้และประเทศมีอนาคต ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องกลับมาให้ความสำคัญกับการสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ แทนที่จะเติมน้ำมันปะผุให้เรือลำเก่าและคาดหวังมันจะวิ่งได้เร็วขึ้น
“ตอนนี้เหมือนประเทศไทยเป็นเรือที่ฝ่าพายุ แต่เครื่องยนต์ดับทีละเครื่อง ขณะที่ผู้นำไม่รู้ว่าจะพาไปทิศทางไหน ดังนั้นควรมีเครื่องยนต์ใหม่ เพื่อทำให้จีดีพีและเศรษฐกิจไทยให้พ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง” นายนรเศรษฐ์ กล่าว
โดย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ชี้แจงว่าในการบริหารประเทศของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ นั้น ทำจีพีดีเกิน 3% ทุกไตรมาส และไตรมาสสอง ของปี2568 ทำได้ดีกว่าที่คาด เห็นได้ว่าตลอดการบริหารของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจโตสูงกว่าที่เคยเป็นตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การประมาณการตัวเลขจากสถาบันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เชื่อว่าจะปรับขึ้นอัตราเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในไม่ช้า เพราะเราเริ่มเห็นตัวไตรมาสสอง เป็นตัวเลขดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการผลิต การบริโภค
“ยืนยันว่ารัฐบาลที่มองไปข้างหน้า และกล้าคิดที่แต่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ใช่คิดแค่โครงการระยะสั้นเท่านั้น แต่มองไปข้างหน้าเพื่อให้ประเทศเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรฐกิจได้ นอกจากนั้นแล้วยังดูแลเรื่องกฎหมายให้เอกชนง่ายต่อการประกอบธุรกิจ รวมถึงสร้างเครื่องยนต์ใหม่ทางเศรษฐกิจ” นายเผ่าภูมิ กล่าว
รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นในส่วนเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน มิ.ย. เติบโตขึ้น หลังจากติดลบมา 2 เดือน ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น ฟอร์มูล่าวัน แมนเมด เป็นต้น รวมถึงได้พัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานของประเทศรองรับเศรษฐกิจประเทศได้ เช่น การพัฒนาท่าเรือภูเก็ต เพื่อเทียบเรือสำราญได้ ท่าเรือสงขลา รองรับการขนส่งสินค้ามากขึ้น ด้วยการเพิ่มเครนหน้าท่า รวมท่าเรือบีหนึ่ง กับบีสอง ที่แหลมฉบัง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าได้มากขึ้น
“รัฐบาลพยายามจะสร้างเพื่อให้เกิดเงินใหม่ รายได้ใหม่กับประเทศ ไม่ได้หมกหมุ่นกับเงินงบประมาณ แต่มองเงินที่ลอยในอากาศ และชิงจังหวะดูดเงินจากต่างชาติเพื่อให้ได้เงินพัฒนาประเทศ ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ให้ประเทศไทยยืนอยู่แนวหน้าของเวทีโลก” นายเผ่าภูมิ กล่าว.-312 -สำนักข่าวไทย