ศาลฎีกาฯ 4 ก.ค.-“หมอวรงค์” ตั้งข้อสังเกตเหตุใดส่งตัว “ทักษิณ” ไป รพ.ตำรวจ หากอาการหนัก ใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง “หมอตุลย์” ชี้ชั้น14 กับห้องฉุกเฉิน คนละตึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดี การพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้นำข้อเท็จจริงการเบิกความและการไต่สวนในนัดก่อนๆ ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในลักษณะคำต่อคำ เพราะอาจทำให้ข้อไต่สวนและข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไม่สมบูรณ์ และการนำการเบิกความดังกล่าวไปวิเคราะห์ หรือให้ความเห็นในทางคดีทำให้เกิดความสับสนในสังคม และอาจมีข้อมูลส่วนบุคคล ศาลจึงขอให้คู่ความและผู้เข้าฟังพิจารณาคดีงดเว้นการเผยแพร่การเบิกความพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ศาลไต่สวน
ด้านนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ได้ตั้งข้อสังเกตว่า วันนี้มีความเชื่อมโยงระหว่างพยาบาลเวร แพทย์เวร และแพทย์ผู้ทำการตรวจร่างกาย ซึ่งเป็นผู้ทำหนังสือส่งตัว แต่ในภาพรวมทั้งหมดเป็นการดำเนินการของพยาบาลเวรเป็นหลัก แม้แต่แพทย์เวรไม่ทราบเรื่อง นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกต เรื่องระยะเวลาการส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หากผู้ป่วยมีอันตรายจะทำอย่างไร นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า หากเป็นอะไรไปจะเป็นอย่างไร
นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ย้ำว่า ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลตำรวจอยู่คนละตึกกับชั้น 14 จึงตั้งข้อสังเกตว่าหากฉุกเฉินจริง จะต้องส่งตัวไปที่ห้องฉุกเฉินก่อน และโดยหลักการหากตรวจแล้วไม่ฉุกเฉินจริง สามารถรักษาผู้ป่วยนอกได้ และส่งกลับเรือนจำ หากฉุกเฉินและมีอาการหนักจริงชั้น 14 ก็ไม่เหมาะสม ต้องไปสวนหัวใจหรือ ccu ICU ก็แล้วแต่กรณี เป็นข้อสังเกต ในฐานะตนเป็นหมอคนหนึ่ง ประชาชน และแพทย์ทั่วไปน่าจะเห็นด้วย.-319.-สำนักข่าวไทย