“ภูมิธรรม” ลั่น มท.ต้องดีกว่าเดิม งานต้องเป็นรูปธรรม

ก.มหาดไทย 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่น มท.ต้องดีกว่าเดิม วาง KPI 3 เดือน งานต้องเป็นรูปธรรม หากข้าราชการไม่ตอบสนอง ปรับกำลังใหม่ แจงสลายสีสิงห์ หลังสื่อแซวหมายถึงพรรคน้ำเงินหรือไม่ บอกยุค “มท.อ้วน” ข้าราชการไม่ต้องเดินตาม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ กล่าวภายหลังประชุมมอบนโยบายกับหัวหน้าส่วนราชการกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัดว่า วันนี้เข้ากระทรวงมหาดไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งมาพร้อม 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง พร้อมยืนยันว่าพวกเราทั้ง 3 คนจะร่วมกันทำงาน และแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยดี ส่วนการพบกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด รวมถึงนายอำเภอ และข้าราชการ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด ก็ได้ให้นโยบายเบื้องต้นว่า ตนมาทำงานอย่างง่ายๆ ไม่ต้องการผู้ติดตามที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะผลงานต้องสำคัญกว่าหน้าตา ไม่ต้องมาเจอหน้าบ่อย แต่ผลงานต้องเป็นรูปธรรม


นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยต้องดีขึ้นกว่าเดิม และสิ่งที่สำคัญในการวัดประเมินผลตนไม่ต้องการตัวเลขอย่างเดียว แต่สิ่งที่อยากเห็นคือผลงานที่เป็นรูปธรรม เพราะตั้งแต่เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง การแก้ปัญหายาเสพติดตนก็เห็นตัวเลขมาเยอะ แต่ความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ยังไม่รู้สึก จึงบอกไปว่าประชาชนเขารู้หมด แต่ทำไมผู้ว่าฯ ตำรวจจึงไม่รู้ ดังนั้น จึงให้นโยบายยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่ และต้องร่วมมือกัน และสิ่งสำคัญที่ตนได้ให้ที่กระทรวงมหาดไทยคือ มองให้ไกล เพราะวันนี้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไวมาก อะไรที่เป็นปัญหาเรื่องกฎระเบียบขอให้ออกมา หากจะมาแก้ไขปรับปรุงก็มาพูดคุยกัน เพราะประสบการณ์ตนที่เป็นรัฐบาลเห็นมาหลายอย่างแล้ว ว่ากลไกของระบบราชการก็สำคัญ ซึ่งต้องปรับปรุงสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ขับเคลื่อนได้เร็ว ฉะนั้นงานบริการที่กระทรวงมหาดไทยมีต้องเร็ว มีผลงานที่ประชาชนรับรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ส่วนกฎระเบียบที่ขัดขวางการทำงานในการบริการประชาชนก็ต้องรีบแก้ไข และทั้งหมดทั้งปวงเศรษฐกิจฐานรากถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่กระทรวงมหาดไทยต้องช่วยดูแลแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนด้วย

“อยากจะเห็นภายใน 3 เดือนนี้มีรูปธรรมที่จับต้องได้ ถ้าไม่อย่างนั้นจะขออนุญาต ก่อนถึงเดือนก.ย. ผมจะขอปรับกำลังใหม่ เพื่อจะได้ให้คนที่เหมาะกับงาน สามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหาได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทุกระดับ ถ้าอยากจะเห็นอะไรดีขึ้นและคิดว่าเป็นปัญหาให้มาบอก ประตูห้องผมเปิดตลอดเวลา” นายภูมิธรรม กล่าว


นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ได้ฝากไปว่าสิ่งที่ตนเคยทำมา ให้ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการกระทรวง และอธิบดี รวมทั้งผู้ว่าฯทุกคน อยากเห็นกระทรวงมหาดไทยภายใต้ 3 รัฐมนตรีนี้เป็นอย่างไรขอให้บอก อะไรที่รู้สึกอึดอัดติดใจอยากทำแล้วไม่ได้ ขอให้มาบอก เพราะว่าอะไรก็ตามที่มันทำให้เกิดการไร้ประสิทธิภาพขอให้บอก ถ้ามาบอกแล้วกล้าทำผมจึงให้ทำ ทำได้ผมจะสนับสนุนต่อ ทำไม่ได้แล้วได้พิสูจน์กันตามศักยภาพที่มี เพราะฉะนั้นภายใน ก.ย.นี้ได้เห็นแน่ ว่าใครทำอะไรถูกต้องเหมาะสมกับงานของตัวเองเพียงใด

เมื่อถามว่าที่บอกกระทรวงมหาดไทยต้องดีกว่าเดิม แปลว่าที่ผ่านมาไม่ดีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่บอกว่าดีกว่าเดิม ไม่ใช่สมัยก่อนไม่ดี แต่ตนจะทำให้ดีกว่าเดิม

เมื่อถามย้ำว่านโยบายเรื่องปราบยาเสพติดจะเข้มข้นเหมือนสมัยในยุครัฐบาลไทยรักไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เข้มข้นเหมือนเดิมหรือไม่นั้นไม่รู้ แต่การปราบยาเสพติดวันนี้ ต้องทำให้ประชาชนรู้สึกได้ว่าไม่เป็นปัญหาและภัยที่คุกคามเขา เพราะวันนี้มันคุกคามไปทุกชุมชนทุกหมู่บ้าน


เมื่อถามย้ำว่า จะประกาศให้ประชาชนสบายใจได้หรือไม่ว่าจะไม่มียาเสพติดหรือน้อยลง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยืนยันจะทำอย่างเต็มที่รวดเร็ว และเด็ดขาด ในการแก้ไขปัญหาให้ยาเสพติดมันหมดไป และมีอะไรก็บอกตนได้ซึ่งจะใช้กระบวนการของประชาชน โดยจะใช้กลไกลของ ชรบ. อส. และกำนันผู้ใหญ่บ้าน

เมื่อถามย้ำว่าภายใน 3 เดือนนี้หากเจ้าหน้าที่ไม่มีผลงานจะโยกย้ายหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ต้องทำให้ดีกว่าเดิม ถ้าดีแล้วมีผลงานไม่ว่าเป็นใครเราก็สนับสนุน แต่ถ้ายังไม่ดีก็ขอปรับ ซึ่งอันนี้เป็นการทำให้ทุกคนตื่นตัว และทำงานได้เต็มที่ ซึ่งจะดูความตั้งใจในการทำงานและความยากลำบากของพื้นที่ด้วย

ส่วนกรณีแนวคิดสลายแบ่งสีสิงห์ อย่างสิงห์ดำหรือสิงห์แดง เข้าใจได้ว่าจบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และ ม.ธรรมศาสตร์ แต่สิงห์น้ำเงิน อาจดูเหมือนว่าหมายถึง บางพรรคการเมืองหรือไม่ ว่า ตนเข้ามาและฟังก็เห็นว่ามีทุกสี พร้อมย้ำว่าได้ยินว่ามีสิงห์น้ำเงินนะ แต่ตนคิดว่าสิ่งที่สำคัญอยู่ที่การตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนหรือไม่ ตนไม่อยากให้เวลาทำงานข้าราชการมาเดินตามตน อยากให้มีเวลาทำงาน หากใครมีความจำเป็นที่จะต้องมารายงานค่อยมารายงาน ตนก็อยากจะเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพราะแบบนั้นไม่ใช่ตน.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย