3 ก.ค.- สืบพยานวันสุดท้าย “ทนายวิญญัติ” ลั่น “ทักษิณ” เป็นเหยื่อทางการเมือง ยัน ไม่หนักใจการทำคดี
ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว เดินทางมาศาลตามนัดสืบพยานโจทก์ นัดแรกในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดฐาน “ดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา ช่วงเวลา 09.15 น. ด้วยรถยนต์ส่วนตัว โรลส์-รอยซ์ ฐฐ 267 ซึ่งได้ขับไปส่งนายทักษิณเข้าด้านข้างอาคารศาลอาญา และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด รวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าด้านข้างตึกศาลอาญารัชดา เช่นเดียวกัน
ด้านนายวิญญัติ เปิดเผยว่าวันนี้เป็นการนัดสืบพยานครั้งที่ 3 ซึ่งถ้าเป็นไปตามกำหนดการ หรือตามแผนที่โจทก์ได้วางไว้น่าจะเป็นการสืบพยานครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ถ้าตามหลักการกระบวนการพิจารณาหากไม่สามารถสืบได้หมดภายในวันนี้ โจทก์อาจจะขอนัดเพิ่ม คือไปใช้นัดเดียวกับทางจำเลย แต่คาดว่าน่าจะสืบพยานฝั่งโจทก์เสร็จสิ้นภายในวันนี้
วันนี้จะสืบพยานฝั่งโจทก์ทั้งหมด 3 ปาก ด้านนายทักษิณ เดินทางมาด้วยตนเองเช่นเดิม เพราะนายทักษิณประสงค์ที่จะเข้ารับฟังการสืบพยานอยู่แล้ว และเป็นหน้าที่ที่จำเลยจะต้องเข้ามารับฟัง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสื่อมวลชนจับตาและรอการให้สัมภาษณ์ นายทักษิณจะปรากฏตัวให้เห็นหรือไม่ นายวิญญัติ ระบุว่า ไม่ทราบจริงๆว่านายทักษิณจะให้สัมภาษณ์หรือไม่ หรือนายทักษิณคิดเห็นประการใด ส่วนเรื่องการขึ้นลงว่าจะขึ้นลงด้านใด ก็เป็นเรื่องของการบริหารจัดการเรื่องความเรียบร้อย เรื่องนี้ตนไม่สามารถที่จะก้าวล่วงได้
เมื่อถามภาพรวมทางคดีว่าเป็นอย่างไร มีความหนักใจในส่วนไหนบ้างหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังเหลือกระบวนการที่ทางจำเลยจะต้องนำพยานเข้าสืบ โดยมีอยู่หลายปาก ถามว่ามีความหนักใจอะไรหรือไม่ ในเรื่องของข้อกล่าวหาเป็นเรื่องที่ชวนสังเกตว่า ข้อกล่าวหานี้เป็นข้อกล่าวหาที่ใช้ในเชิงทางการเมืองไปแล้ว และยืนยันว่านายทักษิณเป็นเหยื่อทางการเมือง ไม่ได้รับความเป็นธรรมตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน การสอบสวน ดังนั้นถ้าถามในมุมมองผู้ทำคดี เมื่อเราได้เห็นหลักฐาน และได้สืบสร้างพิสูจน์บางอย่าง ก็ขอตอบว่าไม่หนักใจ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ให้เป็นเรื่องของดุลพินิจของศาล วินิจฉัยหรือช่างน้ำหนักพยานหลักฐานอย่างไร โจทก์มีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งในอนาคต -สำนักข่าวไทย