รัฐสภา 2 ก.ค.- “นพ.ตุลย์” ยื่น “ประธานวุฒิสภา” ล่าชื่อ สว. ถอดถอน “แพทองธาร” จากตำแหน่ง “รมว.วัฒนธรรม” ชี้เทียบเคียงกรณี “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ได้ เหตุถูกร้องถึงความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ พร้อมประเมินท่าทีศาล รธน.คาด “อิ๊งค์” น่าจะถูกถอดถอน มอง “นิติสงคราม” ไม่มีผล หาก “นักการเมือง-รัฐบาล” ทำหน้าที่ตัวเอง
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอน น.ส. แพทองธาร ชินวัตร จากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุผลที่ว่า ก่อนหน้านี้วุฒิสภาได้ยื่นคำร้องของสมาชิกต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยถอดถอน น.ส.แพทองธาร จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และศาลก็รับไปพิจารณา พร้อมกับสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นางสาวแพทองธาร ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย จึงมายื่นหนังสืออีกครั้ง ให้ สว.ล่ารายชื่อ อย่างน้อย 1 ใน 10 หรือประมาณ 20 คน เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน นางสาวแพทองธาร ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวด้วย
นพ.ตุลย์ ยังกล่าวด้วยว่า ก่อนที่จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ นายกฯก็ทราบดีอยู่แล้วว่า ตัวเองจะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย ซึ่งตามคุณสมบัติและต้องห้ามของรัฐมนตรี มันมีเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์อยู่ด้วย และตอนนี้ คนทั้งประเทศกำลังตั้งข้อสงสัย จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตามการโปรดเกล้าได้อย่างไร ดังนั้น ตามกลไกแล้วก็จะมีศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้นที่จะดำเนินการได้
“เท่าที่ดูช่องทางขณะนี้พรรคฝ่ายรัฐบาลไม่ยื่นพรรคฝ่ายค้านก็คงไม่ยื่น จึงต้องขอให้สมาชิกวุฒิสภาดำเนินการเพราะเคยทำหน้าที่ของท่านมาแล้วครั้งหนึ่ง ในการยื่นถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทางนี้จึงมาขอให้สมาชิกวุฒิสภาดำเนินการยื่นถอดถอนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย”
ส่วนความเชื่อมโยงของสว.ชุดนี้กับพรรคการเมืองบางพรรค นพ.ตุลย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับที่ สว.ทำหน้าที่ เพราะจริงๆแล้วสิ่งที่ สว. ทำ ก็ตรงกับใจประชาชนทั้งประเทศ เขาจะมีความเกี่ยวโยงอะไร ก็ว่าไป ทาง กกต.และ ดีเอสไอ กำลังสอบสวนอยู่ แต่ขณะนี้ท่านทำหน้าที่แล้ว และก็ควรที่จะทำหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง
นพ.ตุลย์ ยังกล่าวด้วยว่า นายทักษิณ ชินวัตร คงอยากจะให้มีสายอำนาจอยู่ในขณะคณะรัฐมนตรีต่อไป จึงปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ให้มีตำแหน่งรัฐมนตรีจะได้เทียบเคียงกับกรณีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกท่านพอทราบแล้วว่า นายกประยุทธ์ ไม่ได้ถูกถอดถอนในเรื่องของความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แต่ตอนนั้นมีข้อสงสัยเรื่องการดำรงตำแหน่งว่าเกิน 8 ปีแล้วหรือยัง จึงถูกพักงาน แต่ผลสุดท้ายก็ออกมาว่าท่านสามารถดำรงตำแหน่งได้ ดังนั้น กรณีของนางสาวแพทองธารกับพลเอกประยุทธ์ ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ เพราะเป็นการยื่นถอดถอนคนละมาตราของรัฐธรรมนูญ
ส่วนคดีจะเป็นอย่างไร ตนไม่สามารถที่จะก้าวล่วงศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่หากดูตามเสียงที่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ถึง 7 เสียง ทั้งที่สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ต้องมีการเจรจาหลายอย่าง รวมไปถึงเรื่องข้อขัดแย้งกับไทยกัมพูชา แต่ศาลคงพิจารณาแล้ว ว่าคลิปเสียงแม้ อาจจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายถึงขั้นเสียดินแดน แต่มันแสดงออกความมีอะไรส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี ไม่น่าจะมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อประเทศชาติ และมีการประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง แม้วานนี้นายกรัฐมนตรีจะออกมาชี้แจง ว่า มีความหวังดีต่อประเทศชาติ คนทั้งประเทศอาจจะมีบางส่วนที่เห็นด้วย แต่ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยกับท่าน สุดท้ายเมื่อมีความเห็นต่างกัน ก็คงต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และหากดูจากผลคะแนนแล้วตนคิดว่า อาจจะไปในทิศทางน่าจะถูกถอดถอน
เมื่อถามว่า หากนางสาวแพทองธารตัดสินใจลาออก จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป นพ.ตุลย์ กล่าวว่า ให้เป็นไปตามวิถีการประชาธิปไตย เพราะในส่วนของสภาเองยังสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ยังเหลืออยู่ หรือสามารถใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกได้ หากมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากพรรคเพื่อไทยตามเดิม ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามวิถีทาง แต่บังเอิญว่าพรรคฝ่ายค้านหรือพรรคประชาชนไม่ได้อยู่ในลิสต์แล้ว เพราะเขามีการเสนอมาเพียงชื่อเดียว แต่หากสุดท้ายเป็นเหมือนกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เมื่อบริหารราชการไปแล้วมีปัญหา ประชาชนก็จะใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ
“ตอนนี้จะเห็นว่าหลายคนจากพรรคฝ่ายค้านและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งคุณธนาธร คุณปิยบุตร คุณพรรณิการ์ หัวหน้าเท้ง หรือคุณรังสิมันต์ ออกมาพูดคำว่านิติสงครามกันมาก ผมจึงคิดว่า นิติสงครามเป็นเครื่องมือของภาคประชาชน ที่จะดำเนินการกับนักการเมืองที่ทำไม่ถูกต้อง เราก็เหลือแต่เครื่องมีอย่างนี้ ขอบอกว่าหากนักการเมืองหรือรัฐบาลทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวนิติสงครามใดๆ ไม่มีอะไรระคายผิวคุณได้ ถึงยื่นไป ศาล ป.ป.ช. กกต. เขาก็ไม่ลงโทษคุณ เพราะฉะนั้น รัฐบาลหรือนักการเมืองท่านใดก็ตาม กรุณาอย่าห่วงเรื่องนิติสงคราม กรุณาทำหน้าที่ตามที่ท่านได้อาสาเข้ามา รับใช้ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ตามที่คุณกล่าวอ้างตอนหาเสียง คุณไม่ต้องห่วงการที่ประชาชนจะใช้นิติสงครามได้ มีอยู่กรณีเดียวคือคุณทำหน้าที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง” นพ.ตุลย์ กล่าว.312 -สำนักข่าวไทย