รัฐสภา 2 ก.ค.- “หมอเปรม” เสนอ นายกฯ ลาออก ป้องกันสุญญากาศในการบริหารประเทศ ส่งผลกระทบประชาชน เชื่อลดความขัดแย้ง-รักษาเสถียรภาพความมั่นคงชายแดน
นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณีภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ว่า หลังจากนี้ไปนายกฯ มีเวลา 15 วัน ที่จะชี้แจงไปถึงศาลรัฐธรรมนูญและหลังจากนั้นศาลก็จะพิจารณาตัดสินคดี วินิจฉัยว่าจะพ้นจากตำแหน่งหรือไม่
อย่างไรก็ตามระยะเวลาจากนี้ไป ซึ่งน่าจะอยู่ระหว่าง 90 วัน จะเกิดสุญญากาศในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมาก ข้าราชการซึ่งไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีตัวจริงจะกลับมาทำหน้าที่หรือไม่ ก็อาจจะเกิดเกียร์ว่างที่จะทำงานดูแลประชาชน ผลเสียจะเกิดขึ้นอย่างมากต่อการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ หรือเรื่องของความมั่นคงที่กำลังคุกรุ่นอยู่บริเวณชายแดนไทยกัมพูชา
ดังนั้น ตนในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ขอเสนอให้นายกรัฐมนตรี เสียสละโดยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐสภาได้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งการใช้คะแนนเสียงจะมีเพียง สส. เท่านั้น เพราะ สว. ไม่มีอำนาจในการเลือกนายกฯ ดังนั้นตัวเลือกที่มีอยู่ น่าจะมีบุคคลที่เหมาะสม ที่ สส. จะสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปได้อีกซักระยะ และหลังจากนั้น หากได้บริหารราชการแผ่นดินแก้ไขปัญหาในหลายเรื่อง จึงจะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ในโอกาสต่อไป
นายแพทย์เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ที่หลายคนมีข้อเสนอให้ยุบสภานั้น เป็นปัญหาต่อสุญญากาศมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะกว่าจะเลือกตั้ง กกต. จะรับรองผลการเลือกตั้ง และเปิดสภาเพื่อเลือกนายกฯ รวมระยะเวลาไม่น่าจะน้อยกว่า 4-6 เดือน สุญญากาศจะยิ่งยาวนาน ดังนั้นการยุบสภา ไม่น่าจะเป็นคำตอบต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้
“ขณะนี้คิดว่าเป็นโอกาสที่ศาลรัฐธรรมนูญ เอาบันไดมาพาด ให้นายกฯ ลงจากตำแหน่ง โดยไม่เกิดผลกระทบใดๆ หากการตัดสินใจเสียสละครั้งนี้ได้เกิดขึ้น ก็จะทำให้ลดปัญหาการชุมนุม ซึ่งการชุมนุมครั้งที่แล้วก็มีคนจำนวนมาก หากยังอยู่ในตำแหน่งก็จะทำให้การชุมนุมขยายตัวออกไป นอกจากนั้น ไม่รู้ว่า สมเด็จฮุนเซน และ กัมพูชาจะปล่อยคลิปอะไรอีกทำให้ไทยเป็นเครื่องเล่นของกัมพูชาจึงอยากให้ความเสียสละของนายกฯเป็นประโยชน์ต่อประชาชน” นายแพทย์เปรมศักดิ์ กล่าว
นายแพทย์เปรมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องของนายณฐพร โตประยูร จนมีกระแสพูดถึงว่า ศาลรัฐธรรมนูญอยู่ฝ่ายไหน มองว่าเรื่องนี้ทำให้ศาลเกิดความเสียหาย ทางที่ความเป็นจริงต้องดูเนื้อหาเพราะเรื่องดังกล่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากให้ใครมาอ้างผลคำวินิจฉัยว่าเป็นของใคร หรือฝ่ายใดถูก และย้ำว่า ต้องดูเนื้อหาประกอบด้วยไม่ใช่ไปตีความตามผลประโยชน์ของตัวเอง .-315 -สำนักข่าวไทย