“พริษฐ์” แนะถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ จี้ยุบสภา-เลือกตั้งใหม่

รัฐสภา 2 ก.ค. – “พริษฐ์” จี้ รักษาการนายกฯ ยุบสภา คืนอำนาจปชช. เลือกตั้งใหม่ แนะรัฐบาล ถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ชี้ เป็นบททดสอบเสียงซีกรัฐบาลปริ่มน้ำ โต้ “จตุพร” ยัน ไม่ออมมือให้ใครทำหน้าที่ตรวจสอบเต็มที่ เหน็บไม่เหมือนบางพรรคทำตัวไม่เหมือนฝ่ายค้าน


นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการประชุมวิปฝ่ายค้าน ว่า ประเด็นที่จะพูดคุยกันคงเป็นเรื่องของวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเปิดสมัยประชุมในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) ส่วนของการประชุมสภาสัปดาห์หน้า ที่จะประชุมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งสังคมกำลังจับตามอง ภายใต้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทางคณะรัฐมนตรีไม่ได้มีมติถอนร่างดังกล่าวออกจากระเบียบวาระการประชุม หากรัฐบาลยังจะเดินหน้าแบบนี้โดยไม่ถอนก็จะทำให้ ในวันพุธหน้า ร่างกฎหมายสถานบันเทิงจะเป็นร่างฉบับแรกที่สภาฯ จะพิจารณา ซึ่งการที่เป็นคิวแรกก็ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา เพราะรัฐบาลชุดนี้ลงมติเลื่อนกฎหมายฉบับนี้เมื่อเดือนเมษายน ให้กฎหมายฉบับนี้แซงคิวกฎหมายฉบับอื่นมาอยู่ฉบับแรก ดังนั้น จุดยืนของพรรคประชาชนก็ยังเหมือนเดิม คือไม่เห็นด้วยกับนโยบายและร่างกฎหมายในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน ตัวเลขทางเศรษฐกิจก็ไม่สอดคล้องกับกฎหมายไม่มีรายงานการศึกษาที่รอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นผลกระทบทางสังคมเช่นการติดการพนัน ความเสี่ยงเรื่องการฟอกเงินก็ไม่ได้มีมาตรการป้องกันที่รัดกุมในตัวกฎหมาย และยังไม่ตรงไปตรงมา ในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล

“หากรัฐบาลรับฟังข้อทักท้วงของเรา และประชาชนบางส่วนอย่างจริงใจ ก็ควรจะถอนร่างนี้ออก แต่ผมก็ตั้งข้อสังเกตว่าหากไม่ถอน แล้วสภาเดินหน้าพิจารณาในมุมนึงก็เปรียบเสมือนบททดสอบความไว้วางใจ ของสภาและประชาชน ต่อรัฐบาลเช่นกัน เพราะร่างกฎหมายนี้เป็นของครม.เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล ที่ดูเหมือนรัฐบาลจะเร่งมากกว่านโยบายอื่น ไม่ว่าจะเป็นในมิติที่รัฐบาลคุมเสียงสส. ที่ปริ่มน้ำอยู่แล้วในซีกรัฐบาลได้หรือไม่ รวมไปถึงการทดสอบความเห็นของประชาชนต่อแนวทางและทิศทาง นโยบายของรัฐบาลด้วย” นายพริษฐ์กล่าว


เมื่อถามว่าหากยังดึงดันต่อกฎหมายฉบับนี้จะส่งผลเสียแน่นอนใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในเชิงความรับผิดรับชอบทางการเมือง เมื่อเป็นร่างกฎหมายของครม. โดยธรรมเนียมถ้าร่างกฎหมายไม่ผ่าน หรือถูกคว่ำในที่ประชุมสภา ก็สะท้อนว่ารัฐบาลไม่สามารถคุมเสียงของซีกรัฐบาลได้แล้ว แม้จะเป็นนโยบายที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นเรือธงของตัวเอง ซึ่งคาดหวังว่าจะเห็นความรับผิดรับชอบทางการเมืองของรัฐบาล

“ต้องจับตาดูว่าตกลงครม.จะเดินหน้าต่อใช่หรือไม่ เพราะว่าตอนแรกมีเสียง มาว่าไม่เดินหน้า ผมก็เลยจับตาดูว่าเมื่อวานมีมติให้ถอนหรือไม่ แต่ก็ไม่มีถ้าประชุมครม. สัปดาห์หน้ายังไม่มีอีก และเข้าสู่การพิจารณาของสภาก็ต้องหารือกันในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่ามีมุมมองต่อกฎหมายนี้อย่างไร ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ในที่สาธารณะของพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรค คิดว่าทุกฝ่ายน่าจะเห็นตรงกันว่าไม่เห็นด้วย” นายพริษฐ์กล่าว

เมื่อถามถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 จะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งใช่หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า เป้าหมายของพรรคประชาชนที่มองว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ รัฐบาลที่มีความชอบธรรมทางการเมืองได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และรัฐบาลที่อยู่ในสภาวะที่จัดทีมบริหารแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ ไม่ใช่การจัดทีมบริหารตามโควตาการต่อรอง และถ้าจะมีรัฐบาลที่มีคุณสมบัติแบบนี้ได้ ทางออกเดียวคือเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง


นายพริษฐ์ ระบุว่า การจะไปถึงการเลือกตั้งได้ก็ต้องให้รักษาการนายกฯฟังเสียงพรรคประชาชน และตัดสินใจยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน หรือหากรักษาการนายกฯ ยังไม่ตัดสินใจยุบสภา พรรคประชาชนก็จะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อใช้กลไกสภานำไปสู่การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งในวันพรุ่งนี้หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกัน ว่าจะใช้กลไกดังกล่าวหรือไม่ แต่เมื่อมีคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญออกมา ก็อาจจะเกิดความซับซ้อนเพราะหากยื่นตามมาตรา 151 ทางประธานสภาจะบรรจุวาระหรือไม่ เพราะสุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของประธานสภา

เมื่อถามว่าพรรคประชาชน เรียกร้องยุบสภาเพียงอย่างเดียว แต่เกมการเมืองหลังจากนี้ อาจจะพลิกเกมเปลี่ยนขั้วจับกับพรรคฝ่ายค้านตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายพริษฐ์ ยืนยันว่าพรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาลกับใครในสภาชุดนี้ และคิดว่ารัฐบาลที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ ท่ามกลางสถานการณ์นี้จะต้องเป็นรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง และยืนยันว่าไม่มีสถานการณ์ไหนที่พรรคประชาชนจะร่วมรัฐบาล

ส่วนที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแต่ยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอยู่ จะมีความชอบธรรมในการทำงานหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในเชิงกฎหมายมีการถกเถียงกันอยู่ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง ถ้าทางกฎหมายบอกว่านางสาวแพทองธาร สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ ก็มีความสนใจเวลาตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ที่ผ่านมา 2 ปีไม่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม แสดงว่านางสาวแพทองธาร จะเข้ามาตอบกระทู้สดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมใช่หรือไม่ เพราะไม่สามารถมอบหมายใครได้แล้ว เนื่องจากไม่มีรัฐมนตรีช่วย ซึ่งพรรคประชาชนจะทำงานเต็มที่ในการตรวจสอบ ฝ่ายบริหารทุกคนทุกกระทรวง ดังนั้นต้องรอความชัดเจนว่านางสาวแพทองธารจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้หรือไม่ หากทำได้ก็จะเดินหน้าตรวจสอบ ซึ่งเรื่องซอฟต์พาวเวอร์เป็นสิ่งที่นางสาวแพทองธารพูดเอง

“มีคนบอกว่าเราค้านไม่จริง ออมมือเกรงใจใครบ้าง ผมยืนยันอีกรอบหนึ่ง ว่าพรรคประชาชนทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลทุกคนทุกกระทรวงทุกพรรค สื่อมวลชนมาสัมภาษณ์ผมหน้าห้องวิปฝ่ายค้านก็น่าจะทราบ ว่าพรรคประชาชนเป็นพรรคเดียวที่ยืนอยู่ในซีกนี้มาโดยตลอด ของสภาชุดนี้ที่ทำงานมา เรามีบางพรรคที่ตอนแรกร่วมประชุมฝ่ายค้านด้วย มีท่าทีขึงขังที่จะวิปตรวจสอบบางเรื่องแต่อีกสักพักก็ไปร่วมรัฐบาล ตอนนี้มีเลขาธิการพรรคที่ปกป้องรัฐบาลมากกว่าโฆษกรัฐบาลด้วยซ้ำ เรามีบางพรรคที่อาจจะเคยอยู่ในรัฐบาล และมีบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ในซีกขายค้าน ดังนั้นผมคิดว่าในฐานะพรรคประชาชน เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่แน่นอน และยังคงยืนยันจุดเดิมและ เราใช้อาวุธทุกอาวุธภายใต้กลไกของสภา ที่เรามีในการตรวจสอบรัฐบาล แต่เราต้องระมัดระวังในการไม่เลือกใช้อาวุธ เพราะสุดท้ายจะกลายมาเป็นการหักล้าง เซาะกร่อนประชาธิปไตย” นายพริษฐ์กล่าว

ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาระบุว่าพรรคประชาชนไม่เด็ดขาดในการยื่นตรวจสอบถอดถอนนายกรัฐมนตรีจนทำให้สว.ทำหน้าที่ถอดถอนเอง นายพริษฐ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคประชาชนในเรื่องนี้ ว่า ถ้าเป็นกลไกสภาเราใช้ทุกกลไก กระทู้สด อภิปรายไม่ไว้วางใจ กรรมาธิการ ถ้าในส่วนขององค์กรอิสระเรายินดีใช้หากมีกรณีการทุจริต

ส่วนกรณี ตั๋วสัญญาการใช้เงิน หรือตั๋ว PN นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ก็ดำเนินการผ่านกรมสรรพากรอยู่ในการตรวจสอบ ท้ายที่สุดปลายทางของเรื่องนี้อาจไปจบที่ ป.ป.ช. ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จก็ได้ แต่ถ้าเป็นในเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม เราระมัดระวังในการใช้อาวุธนี้ เพราะต่างฝ่ายนิยามไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจกระทบหลักนิติรัฐนิติธรรมของประเทศ ดังนั้นยืนยันว่าไม่ได้ออมมือให้ใครดำเนินการกับผู้มีอำนาจทุกฝ่าย และขอย้อนถามกลับไปว่า ถ้าคิดว่าการอภิปรายเรื่องตั๋ว PN มีน้ำหนักมากและวันนั้นพรรคใดบ้างที่ยกมือไว้วางใจนายกรัฐมนตรีอยู่

“ผมเห็นคุณจตุพร พาดพิงพรรคเราและเหมือนจะไปชื่นชมอีกพรรคการเมืองหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าพรรคการเมืองนั้นหลังการอภิปราย ก็ยังยกมือให้กับคุณแพทองธาร ให้เป็นนายกต่อ ฉะนั้นต้องถามกลับไปที่พรรคการเมืองที่ยกมือให้กับคุณแพทองธารในวันนั้น และพรรคที่ยังคงค้ำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในวันนี้ดีกว่าหรือเปล่า” นายพริษฐ์กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย