รัฐสภา 2 ก.ค. – “พริษฐ์” จี้ รักษาการนายกฯ ยุบสภา คืนอำนาจปชช. เลือกตั้งใหม่ แนะรัฐบาล ถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ชี้ เป็นบททดสอบเสียงซีกรัฐบาลปริ่มน้ำ โต้ “จตุพร” ยัน ไม่ออมมือให้ใครทำหน้าที่ตรวจสอบเต็มที่ เหน็บไม่เหมือนบางพรรคทำตัวไม่เหมือนฝ่ายค้าน
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการประชุมวิปฝ่ายค้าน ว่า ประเด็นที่จะพูดคุยกันคงเป็นเรื่องของวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเปิดสมัยประชุมในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) ส่วนของการประชุมสภาสัปดาห์หน้า ที่จะประชุมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งสังคมกำลังจับตามอง ภายใต้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทางคณะรัฐมนตรีไม่ได้มีมติถอนร่างดังกล่าวออกจากระเบียบวาระการประชุม หากรัฐบาลยังจะเดินหน้าแบบนี้โดยไม่ถอนก็จะทำให้ ในวันพุธหน้า ร่างกฎหมายสถานบันเทิงจะเป็นร่างฉบับแรกที่สภาฯ จะพิจารณา ซึ่งการที่เป็นคิวแรกก็ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา เพราะรัฐบาลชุดนี้ลงมติเลื่อนกฎหมายฉบับนี้เมื่อเดือนเมษายน ให้กฎหมายฉบับนี้แซงคิวกฎหมายฉบับอื่นมาอยู่ฉบับแรก ดังนั้น จุดยืนของพรรคประชาชนก็ยังเหมือนเดิม คือไม่เห็นด้วยกับนโยบายและร่างกฎหมายในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน ตัวเลขทางเศรษฐกิจก็ไม่สอดคล้องกับกฎหมายไม่มีรายงานการศึกษาที่รอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นผลกระทบทางสังคมเช่นการติดการพนัน ความเสี่ยงเรื่องการฟอกเงินก็ไม่ได้มีมาตรการป้องกันที่รัดกุมในตัวกฎหมาย และยังไม่ตรงไปตรงมา ในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล
“หากรัฐบาลรับฟังข้อทักท้วงของเรา และประชาชนบางส่วนอย่างจริงใจ ก็ควรจะถอนร่างนี้ออก แต่ผมก็ตั้งข้อสังเกตว่าหากไม่ถอน แล้วสภาเดินหน้าพิจารณาในมุมนึงก็เปรียบเสมือนบททดสอบความไว้วางใจ ของสภาและประชาชน ต่อรัฐบาลเช่นกัน เพราะร่างกฎหมายนี้เป็นของครม.เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล ที่ดูเหมือนรัฐบาลจะเร่งมากกว่านโยบายอื่น ไม่ว่าจะเป็นในมิติที่รัฐบาลคุมเสียงสส. ที่ปริ่มน้ำอยู่แล้วในซีกรัฐบาลได้หรือไม่ รวมไปถึงการทดสอบความเห็นของประชาชนต่อแนวทางและทิศทาง นโยบายของรัฐบาลด้วย” นายพริษฐ์กล่าว
เมื่อถามว่าหากยังดึงดันต่อกฎหมายฉบับนี้จะส่งผลเสียแน่นอนใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในเชิงความรับผิดรับชอบทางการเมือง เมื่อเป็นร่างกฎหมายของครม. โดยธรรมเนียมถ้าร่างกฎหมายไม่ผ่าน หรือถูกคว่ำในที่ประชุมสภา ก็สะท้อนว่ารัฐบาลไม่สามารถคุมเสียงของซีกรัฐบาลได้แล้ว แม้จะเป็นนโยบายที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นเรือธงของตัวเอง ซึ่งคาดหวังว่าจะเห็นความรับผิดรับชอบทางการเมืองของรัฐบาล
“ต้องจับตาดูว่าตกลงครม.จะเดินหน้าต่อใช่หรือไม่ เพราะว่าตอนแรกมีเสียง มาว่าไม่เดินหน้า ผมก็เลยจับตาดูว่าเมื่อวานมีมติให้ถอนหรือไม่ แต่ก็ไม่มีถ้าประชุมครม. สัปดาห์หน้ายังไม่มีอีก และเข้าสู่การพิจารณาของสภาก็ต้องหารือกันในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่ามีมุมมองต่อกฎหมายนี้อย่างไร ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ในที่สาธารณะของพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรค คิดว่าทุกฝ่ายน่าจะเห็นตรงกันว่าไม่เห็นด้วย” นายพริษฐ์กล่าว
เมื่อถามถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 จะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งใช่หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า เป้าหมายของพรรคประชาชนที่มองว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ รัฐบาลที่มีความชอบธรรมทางการเมืองได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และรัฐบาลที่อยู่ในสภาวะที่จัดทีมบริหารแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ ไม่ใช่การจัดทีมบริหารตามโควตาการต่อรอง และถ้าจะมีรัฐบาลที่มีคุณสมบัติแบบนี้ได้ ทางออกเดียวคือเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
นายพริษฐ์ ระบุว่า การจะไปถึงการเลือกตั้งได้ก็ต้องให้รักษาการนายกฯฟังเสียงพรรคประชาชน และตัดสินใจยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน หรือหากรักษาการนายกฯ ยังไม่ตัดสินใจยุบสภา พรรคประชาชนก็จะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อใช้กลไกสภานำไปสู่การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งในวันพรุ่งนี้หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกัน ว่าจะใช้กลไกดังกล่าวหรือไม่ แต่เมื่อมีคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญออกมา ก็อาจจะเกิดความซับซ้อนเพราะหากยื่นตามมาตรา 151 ทางประธานสภาจะบรรจุวาระหรือไม่ เพราะสุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของประธานสภา
เมื่อถามว่าพรรคประชาชน เรียกร้องยุบสภาเพียงอย่างเดียว แต่เกมการเมืองหลังจากนี้ อาจจะพลิกเกมเปลี่ยนขั้วจับกับพรรคฝ่ายค้านตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายพริษฐ์ ยืนยันว่าพรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาลกับใครในสภาชุดนี้ และคิดว่ารัฐบาลที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ ท่ามกลางสถานการณ์นี้จะต้องเป็นรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง และยืนยันว่าไม่มีสถานการณ์ไหนที่พรรคประชาชนจะร่วมรัฐบาล
ส่วนที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแต่ยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอยู่ จะมีความชอบธรรมในการทำงานหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในเชิงกฎหมายมีการถกเถียงกันอยู่ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง ถ้าทางกฎหมายบอกว่านางสาวแพทองธาร สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ ก็มีความสนใจเวลาตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ที่ผ่านมา 2 ปีไม่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม แสดงว่านางสาวแพทองธาร จะเข้ามาตอบกระทู้สดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมใช่หรือไม่ เพราะไม่สามารถมอบหมายใครได้แล้ว เนื่องจากไม่มีรัฐมนตรีช่วย ซึ่งพรรคประชาชนจะทำงานเต็มที่ในการตรวจสอบ ฝ่ายบริหารทุกคนทุกกระทรวง ดังนั้นต้องรอความชัดเจนว่านางสาวแพทองธารจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้หรือไม่ หากทำได้ก็จะเดินหน้าตรวจสอบ ซึ่งเรื่องซอฟต์พาวเวอร์เป็นสิ่งที่นางสาวแพทองธารพูดเอง
“มีคนบอกว่าเราค้านไม่จริง ออมมือเกรงใจใครบ้าง ผมยืนยันอีกรอบหนึ่ง ว่าพรรคประชาชนทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลทุกคนทุกกระทรวงทุกพรรค สื่อมวลชนมาสัมภาษณ์ผมหน้าห้องวิปฝ่ายค้านก็น่าจะทราบ ว่าพรรคประชาชนเป็นพรรคเดียวที่ยืนอยู่ในซีกนี้มาโดยตลอด ของสภาชุดนี้ที่ทำงานมา เรามีบางพรรคที่ตอนแรกร่วมประชุมฝ่ายค้านด้วย มีท่าทีขึงขังที่จะวิปตรวจสอบบางเรื่องแต่อีกสักพักก็ไปร่วมรัฐบาล ตอนนี้มีเลขาธิการพรรคที่ปกป้องรัฐบาลมากกว่าโฆษกรัฐบาลด้วยซ้ำ เรามีบางพรรคที่อาจจะเคยอยู่ในรัฐบาล และมีบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ในซีกขายค้าน ดังนั้นผมคิดว่าในฐานะพรรคประชาชน เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่แน่นอน และยังคงยืนยันจุดเดิมและ เราใช้อาวุธทุกอาวุธภายใต้กลไกของสภา ที่เรามีในการตรวจสอบรัฐบาล แต่เราต้องระมัดระวังในการไม่เลือกใช้อาวุธ เพราะสุดท้ายจะกลายมาเป็นการหักล้าง เซาะกร่อนประชาธิปไตย” นายพริษฐ์กล่าว
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาระบุว่าพรรคประชาชนไม่เด็ดขาดในการยื่นตรวจสอบถอดถอนนายกรัฐมนตรีจนทำให้สว.ทำหน้าที่ถอดถอนเอง นายพริษฐ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคประชาชนในเรื่องนี้ ว่า ถ้าเป็นกลไกสภาเราใช้ทุกกลไก กระทู้สด อภิปรายไม่ไว้วางใจ กรรมาธิการ ถ้าในส่วนขององค์กรอิสระเรายินดีใช้หากมีกรณีการทุจริต
ส่วนกรณี ตั๋วสัญญาการใช้เงิน หรือตั๋ว PN นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ก็ดำเนินการผ่านกรมสรรพากรอยู่ในการตรวจสอบ ท้ายที่สุดปลายทางของเรื่องนี้อาจไปจบที่ ป.ป.ช. ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จก็ได้ แต่ถ้าเป็นในเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม เราระมัดระวังในการใช้อาวุธนี้ เพราะต่างฝ่ายนิยามไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจกระทบหลักนิติรัฐนิติธรรมของประเทศ ดังนั้นยืนยันว่าไม่ได้ออมมือให้ใครดำเนินการกับผู้มีอำนาจทุกฝ่าย และขอย้อนถามกลับไปว่า ถ้าคิดว่าการอภิปรายเรื่องตั๋ว PN มีน้ำหนักมากและวันนั้นพรรคใดบ้างที่ยกมือไว้วางใจนายกรัฐมนตรีอยู่
“ผมเห็นคุณจตุพร พาดพิงพรรคเราและเหมือนจะไปชื่นชมอีกพรรคการเมืองหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าพรรคการเมืองนั้นหลังการอภิปราย ก็ยังยกมือให้กับคุณแพทองธาร ให้เป็นนายกต่อ ฉะนั้นต้องถามกลับไปที่พรรคการเมืองที่ยกมือให้กับคุณแพทองธารในวันนั้น และพรรคที่ยังคงค้ำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในวันนี้ดีกว่าหรือเปล่า” นายพริษฐ์กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย