อนุสาวรีย์ชัยฯ 28 มิ.ย.-“สนธิ” บอกไล่พ่อเมื่อ 20 ปีก่อน ต้องมาไล่ลูก แฉแบ่งผลประโยชน์ บอกปัญหาใหญ่ของไทยคือระบบการเมือง ด้าน “จตุพร” ประกาศยกระดับชุมนุม ขับไล่ หาก นายกฯ ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วยังไปต่อ
เวทีชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลังอ่านแถลงการณ์จี้นายกรัฐมนตรีลาออกทันที ระดับแกนนำสลับกันปราศรัย โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัยช่วงหนึ่งว่า วันนี้อายุ 78 แล้ว ถ้าไม่ออกมาครั้งสุดท้าย ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม พร้อมเผยข้อมูลเกี่ยวกับสัมปทานที่มีการแบ่งผลประโยชน์กัน 50:50 ให้เงินมัดจำไว้แล้ว 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3,000 ล้านบาท พร้อมระบุปัญหาใหญ่ที่สุดในประเทศเราคือระบบการเมือง
“ผมไม่ได้ยุให้เกิดการรัฐประหาร เพราะทหารจะรัฐประหารก็ไม่ได้บอก จะทำเมื่อไหร่ก็ทำไป ถ้าเห็นว่าวิกฤติการเมืองเกิดขึ้น และแก้ไม่ได้ เขาจะทำก็เรื่องเขาแต่ขออย่างเดียว ถ้าจะทำ สาธุ ขออย่าเอาพลเอกมาบริหารชาติบ้านเมืองอีก ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาประเทศชาติ” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ไม่เคยคิด 20 ปีที่แล้ว เดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อไล่นายทักษิณ ชินวัตร มาถึงวันนี้ 20 ปีให้หลัง เป็นความซวยของชีวิต มาถึงยุคที่ต้องไล่ลูกสาว และการชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ถ้าจำเป็นในอนาคตที่เราต้องลงถนน และเปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมือง จึงถามจะเอาหรือไม่ซึ่งผู้ร่วมชุมนุมก็ ตอบรับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ขึ้นกล่าวปิดปราศรัยตอนหนึ่งว่า หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งนางสาวแพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วยังไม่สำนึก ก็จะประกาศยกระดับ ไม่เรียกร้องให้ลาออกหรือให้ถอนตัว แต่จะขับไล่สถานเดียว รวมถึงหากปล่อยให้มีกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสภาจะไปพร้อมกันเต็ม ที่หน้าสภาต่อต้านถึงที่สุด
“บัดนี้เลยเวลาการปฏิรูปมาแล้ว ต้องปฏิวัติชำระล้างแผ่นดินให้สะอาด แต่ไม่ใช่การรัฐประหาร แต่ปฏิรูปก็ขัดไม่ออกต้องล้างขนานใหญ่ ต้องชำระล้างให้สะอาด และวันนี้ประชาชนควรรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ถ้าแตกแยกก็เสียชาติ จับมือไล่ “แพทองธาร” ออกไป ต้องไม่เสียดินแดน แม้แต่ตารางนิ้วเดียว” นายจตุพร กล่าว
ทั้งนี้ผู้ชุมนุมได้ปิดเวทีการชุมนุมไปเมื่อ 21:43 น.-สำนักข่าวไทย