ศบ.ทก. ย้ำความจำเป็นเข้มจุดผ่านแดน สกัดอาชญากรรมข้ามชาติ

ทำเนียบ 27 มิ.ย.- ศบ.ทก. ยืนยัน ​จนท.ปฏิบัติตามมาตรการเข้มข้นดูแลจุดผ่านแดนต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเร่งหามาตรการบรรเทาผลกระทบทุกภาคส่วน ทั้งการผ่อนปรน​ขนส่งข้ามแดน พร้อมย้ำความจำเป็นที่ไทยเพิ่มความเข้มข้นของการควบคุมจุดผ่านแดน เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ


พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ประจำวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2568

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงในการปฏิบัติตามมาตรการยกระดับความเข้มข้นในการดูแลบริเวณจุดผ่านแดนต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การดำเนินการตามมาตรการควบคุมการผ่านแดนยังคงเข้มงวด และมีการอนุโลมการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต่องมารักษาตัวในฝั่งไทย และนักเรียน รวมถึงผู้ที่จำเป็นต้องจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ซึ่งในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ในจังหวัดสระแก้ว มีนักเรียนนักศึกษา ได้รับการอนุโลมให้เข้ามาฝั่งไทย 6,500 คน หรือประมาณ 500-700 คนต่อวัน, ผู้ป่วย 30 ราย และยังอนุโลมให้ชาวกัมพูชากลับภูมิลำเนาได้ด้วย พร้อมย้ำขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารสถานการณ์จากหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละจุดผ่านแดนอย่างใกล้ชิด และขอให้คลายความกังวล รวมทั้งขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยยึดหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมตามที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด ยังคงหารือและประสานงานกับฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้ยังหารือมาตรการเยียวยาทางด้านเศรษฐกิจ ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้รับฟังความกังวลของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อวานนี้​ (26 มิ.ย.​68) และนำข้อเสนอแนะ ในประเด็นต่างๆมาหารือในที่ประชุม เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหา ทั้งเรื่องรถขนส่งสินค้า​ ที่ทำให้เกิดการตกค้างของสินค้า​ เนื่องจากมีการยกระดับความเข้มข้นขึ้นของการผ่านจุดผ่านแดน ตลอดจนติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจท้องถิ่น และการขนส่งสินค้าในภาพรวม ซึ่งจะกระทบทั้งเกษตรกรในพื้นที่​ ภาคธุรกิจของไทย และภาคเอกชนของไทยที่อยู่ในกัมพูชา​ พร้อมหารือกับกระทรวงพาณิชย์​ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก เพื่อจัดทำมาตรการมีจุดมุ่งหมายแก้ไขและเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น เรื่องงบประมาณ

ที่ประชุมยังหารือถึงภารกิจของศบ.ทก.​ในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ จากรายงาน 2 ฉบับสำคัญเมื่อ​วันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา​ จากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ออกรายงานเกี่ยวกับการหลอกลวงทางออนไลน์ทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งที่สำคัญมีการระบุว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในที่ตั้งสำคัญของขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์และล่าสุด และองค์กรนิรโทษกรรมสากล ได้เผยแพร่รายงานอีกฉบับเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์และการหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา ซึ่งรายงานทั้ง 2 ฉบับตอกย้ำความสำคัญและเหตุผลความจำเป็นที่รัฐบาลไทยจะต้องยกระดับมาตรฐานการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ​ ซึ่งมาตรการสำคัญอีกประการหนึ่งคือการเพิ่มความเข้มข้นของการควบคุมจุดผ่านแดน ในแนวชายแดนไทยกัมพูชา​ ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับประเด็นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ​ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายกัมพูชาจะร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินและเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนทั้งสองฝ่าย ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกับไทยซึ่งจะแสดงบทบาทดังในเรื่องนี้ต่อไป

ขณะที่พลเรือตรีสุรสันต์​ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง ระบุว่า​ สถานการณ์ความมั่นคงในปัจจุบันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง​ ในส่วนของการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่​ ยังคงดำเนินการตามปกติ พร้อมกับเน้นย้ำกลไกลการทำงานของไทย ว่าเป็นการดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ​ โดยมี ศบ.ทก.รับผิดชอบในการขับเคลื่อนมาตรการในการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ​ และติดตามประเมินผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบูรณาการการปฏิบัติของทุกภาคส่วน โดยมาตรการต่างๆที่กำหนด เป็นผลมาจากมติของสมช.ที่สั่งการไปยังกระทรวงกลาโหม​ และสั่งการต่อไปยังผู้ปฏิบัติในพื้นที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งสินค้าข้ามแดน


ขณะเดียวกันผลของการตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดสระแก้วของนายกรัฐมนตรีวานนี้ มีประเด็นห่วงใยเร่งด่วนใน 2 เรื่อง คือ การผ่อนผันการนำเข้าแรงงานตามฤดูกาล หรือ​ แรงงานตามมาตรา 64 ของแรงงานต่างด้าว​ การผ่านเข้าออกของยานพาหนะขนส่งสินค้าข้ามแดน​ บริเวณพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังบูรพา​ ซึ่งในปัจจุบันมียานพาหนะขนส่งสินค้าตกค้างตามแนวชายแดนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาอยู่หลายราย และไม่สามารถข้ามแดนได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ ศบ.ทก.กำหนดมาตรการผ่อนปรนใน 2 กรณีเป็นการเร่งด่วน ซึ่งศบ.ทก.ได้หารือและมีการกำหนดแนวทาง และสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติในพื้นที่​ต่อไป ขณะที่ ศบ.ทก.​จะยังคงติดตามสถานการณ์ผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัดด้วย

นอกจากนี้ มาตรการบรรเทาผู้ที่ได้รับผลกระทบของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร​ ผู้ค้ารายย่อย​ และผู้ที่ส่งออกนำเข้า ในกลุ่มของเกษตรกรมีมาตรการ 2 ระดับ​ คือ มาตรการเร่งด่วนและมาตรการต่อเนื่อง​ โดยมาตรการเร่งด่วนกำหนดตรวจสอบ การระบายสินค้าพืชผลทางการเกษตร​ ตามช่องทางต่างๆ​ โดยพาณิชย์จังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบการประสานงาน ส่วนกลุ่มเกษตรกรก็จะประสานงานกับผู้ค้าส่ง​ ค้าปลีก​ รวมทั้งขยายช่องทางต่างๆ​ เช่นความร่วมมือ​กับสถานีน้ำมัน​ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ​

ขณะที่กลุ่มผู้ค้ารายย่อยมี 2 มาตรการ​ คือ มาตรการเร่งด่วน​ และมาตรการต่อเนื่อง​ โดยมาตรการเร่งด่วนจะมีการลงพื้นที่สำรวจความต้องการของผู้ค้ารายย่อย​ และมีการประสานจากสถานที่จัดแสดงสินค้าเพื่อระบายสินค้าของผู้ค้ารายย่อย​ และอบรมทักษะเพิ่มเติม รยมถึงเพิ่มช่องทางออนไลน์

ส่วนผู้นำเข้าส่งออกหรือผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา​ มาตรการเร่งด่วน คือ การเร่งสำรวจสินค้าที่ตกค้างและสนับสนุนการจัดหาช่องทางขนส่งสินค้าใหม่ๆ

นางมาระตี​ ยังกล่าวอีกว่า​ กระทรวงการต่างประเทศ​ ได้ออกแถลงการณ์​เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา​ เพื่อความเข้าใจตจากการพยายามปั่นกระแสในสังคมออนไลน์ของฝ่ายกัมพูชา​ โดยรัฐบาลไทยขอยืนยันและทำความเข้าใจกับฝ่ายการ​ ว่ารัฐบาลไทยจะใช้ช่องทางที่เป็นช่องทางทางการเท่านั้น ในการสื่อสารกับรัฐบาลฝ่ายกัมพูชา และอยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากส่วนราชการ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มกรุงอีก สูงสุด 107 มม. เขตพระนคร จับตาฝนอีกก้อน

กทม. 6 ก.ย. – ฝนถล่มกรุงเย็นนี้ ปริมาณฝนสูงสุดแตะ 107 มม. ที่เขตพระนคร จับตาฝนอีกก้อน หากไม่อ่อนกำลังจะเคลื่อนตัวเข้า กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์ฝนกรุงเทพมหานคร โดยมีสำนักการระบายน้ำ ร่วมให้ข้อมูล ณ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กทม.2 ดินแดง ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ปริมาณฝนตกหนักไม่แพ้เมื่อวาน เนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านประเทศไทยเป็นตัวดึงเมฆฝนเข้ามา โดยในขณะนี้ (เวลา 17.10 น.) ฝนยังคงตกต่อเนื่องในพื้นที่ชั้นในบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีเมฆฝนอีกกลุ่มกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา คาดว่าหากไม่อ่อนกำลังจะเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ อีกระลอก จากการรายงานพบว่าปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดในรอบ 6 ชั่วโมงอยู่ที่ 107 มิลลิเมตร ที่เขตพระนคร ตามมาด้วย 98.5 มิลลิเมตร ที่เขตวัฒนาและห้วยขวาง ซึ่งถือว่าเกินกว่าขีดความสามารถของระบบระบายน้ำของ กทม. ที่ออกแบบไว้ให้รองรับปริมาณฝนที่ 60 มิลลิเมตร รายงานสถานการณ์ล่าสุดยังพบน้ำท่วมขังในถนนสายหลักและสายรองหลายแห่ง ถนนสายหลัก […]

“อนุทิน” เผยโผ ครม. 100% แล้ว พร้อมเริ่มทำงานทันทีหลังถวายสัตย์ฯ

ภูมิใจไทย 6 ก.ย. – “อนุทิน” เผยโผ ครม. 100% แล้ว พร้อมเริ่มทำงานทันทีหลังถวายสัตย์ปฏิญาณตน ระบุยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ยืนยันจะเปิดเผยเมื่อถึงเวลาสมควร นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยความชัดเจนการจัดโผคณะรัฐมนตรี ว่าหลายๆ อย่างเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ยืนยันว่าความชัดเจนในการจัดสรรนิ่ง 100% แล้ว ทุกคนที่มาทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีทราบดีถึงเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ โดยจะต้องเริ่มทำงานทันทีหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ส่วนความชัดเจนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ยังปฏิเสธที่จะเปิดเผย ระบุว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ยืนยันว่าไม่มีการปิดบังซ่อนเร้น เมื่อถึงเวลาสมควร ไม่เป็นการก้าวล่วงใดๆ ก็จะรีบเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ เพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน จะไม่ดำเนินการใดๆ ลับหลังประชาชน และจะให้ได้รับทราบร่วมกัน เพื่อออกความเห็นให้รัฐบาลได้รับฟัง และรัฐบาลจะได้ปฏิบัติตาม นายอนุทิน ยังยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคน จะต้องมีคุณสมบัติไม่ขัดต่อกฎหมายและข้อจำกัด จะต้องทุ่มเททำงานด้วยความรู้ความสามารถ เป็นมืออาชีพ ซึ่งมีทั้งทหาร พลเรือน อส. นายกองใหญ่.-314-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” โชว์ตัวว่าที่ รมต.ทีมเศรษฐกิจ ล้อมวงกินเค้กส้ม

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “อนุทิน” โชว์ตัว ว่าที่ 3 รมต.ทีมเศรษฐกิจป้ายแดง ล้อมวงกินเค้กส้ม “เอกนิติ” นั่งขุนคลัง เตรียมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ปล่อยฟื้นคนละครึ่งกระแสเต็มฟีด ขณะ “สีหศักดิ์” เตรียมนั่ง รมว.กต. มั่นใจชื่อนี้นานาชาติยอมรับ รับเผือกร้อนแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “อรรถพล” อดีต CEO ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน ทำงานได้เลยไม่ต้องรำมวย ยอมรับเก้าอี้กลาโหม ต้องมีความรู้ในวิชาชีพ ปัดตอบชิงดำ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดื่มกาแฟร่วมกันที่ร้านจานิสตาร์ ชั้น 1 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังหารือร่วมกันที่บริเวณชั้นบน ทั้งนี้ คาดว่านายสีหศักดิ์ ถูกทาบทาม […]

รัฐมนตรีส่ง จนท.ทยอยขนของออกจากทำเนียบ

ทำเนียบ 6 ก.ย. – รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิม ส่งเจ้าหน้าที่ทยอยขนของออกจากทำเนียบรัฐบาล​ หลัง​สภาฯ โหวตเลือก “อนุทิน​” นั่งนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มมีการทยอยขนของออกจากทำเนียบรัฐบาล หลังสภาฯ มีมติโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บรรดารัฐมนตรีและทีมงานของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ส่งทีมงานทยอยเก็บของ ก่อนเวลาประมาณ​ 10.00 น.​ พบรถบรรทุก​ 6 ล้อ​ คลุมผ้าใบทึบ ออกจากบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า​ รวมไปถึงมีเจ้าหน้าที่มาล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาเครื่องปรับอากาศใหม่ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า และตึกบัญชาการ 1 และมีการขนภาพวาดติดฝาผนังออกจากห้องทำงานของนางสาวหทัย ทิวไผ่งาม​ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ แม้ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์​ มีการแจ้งเตรียมขนของของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิมออก ทั้งวันเสาร์และอาทิตย์.-314-สำนักข่าวไทย