กมธ.การทหาร ถกลับลากไส้เส้นเงินแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ

รัฐสภา 26 มิ.ย.- กมธ.การทหาร เชิญ “อดีตเลขา ปปง.-เหล่าทัพ” ถกลับกลุ่มทุนในกัมพูชา ตั้งเป้าลากไส้เส้นเงินแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ “วิโรจน์” เผยข้อมูลเพียบ บอกหากจัดการได้ “กัมพูชา” ติดแบล็กลิสต์อีกรอบ ย้ำ นานาชาติพร้อมถล่ม โดยเฉพาะ “ฝรั่งเศส” เหตุไปลอบสังหาร “ลิม กิมยา” งง “นายกฯ ไทย” ไม่เคยสาวต่อ ปม “ฮุน เซน” ขู่เปิดชื่อ 7 นักการเมือง เอี่ยวฟอกเงินใน “เขมร”


คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ประชุมลับ เรื่องเครือข่ายกลุ่มทุนในราชอาณาจักรกัมพูชา การปราบปรามการฟอกเงิน และกรณีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยเชิญสำนักงานปลัดกระกทรวงกลาโหม, ผู้นำเหล่าทัพ และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าร่วมประชุม

โดยระหว่างการประชุม นายวิโรจน์ ได้แถลงข่าวว่า วันนี้ทางคณะกรรมาธิการทหาร ได้ประชุมหารือกัน เกี่ยวกับเส้นทางการเงินการเชื่อมโยงของกลุ่มทุนในประเทศกัมพูชาที่อาจเชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรมในประเทศไทย ว่าจะมีกลไกป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่สามารถดำเนินงานได้ตามกฎหมาย ซึ่งจะได้เป็นการปกป้องคนไทยให้ปลอดภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งเราต้องพูดถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ รวมถึงธุรกิจสีดำ และที่น่ากลัวที่สุดคือการค้ามนุษย์และการค้ายาเสพติด


ในข้อเสนอที่เป็นไปได้เบื้องต้น เราเชื่อว่าทาง ปปง. และตำรวจไซเบอร์ (สอท.) น่าจะมีศักยภาพและข้อมูลระดับหนึ่งอยู่แล้ว ถึงธุรกรรมทางการเงิน ในการโอนเงินไปมาระหว่างไทยกัมพูชา เพราะเงินทุก 700,000 บาทขึ้นไป ต้องรายงานให้ ปปง. ทราบ หรือถ้าเป็นเงินสดเข้าใจว่าต้องขออนุญาตทางธนาคารแห่งประเทศไทยหรือศุลกากรในการขนเงินสดและมีข้อมูลอยู่แล้ว ทางคณะกรรมาธิการจะขอข้อมูลเส้นเงินย้อนหลัง 10 ปี เพื่อพิจารณาการเติบโตทางการเงินระหว่างไทยกัมพูชาจะได้วิเคราะห์สถานการณ์ต่อไป

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าหากวันนี้ทางนายกรัฐมนตรี สั่งการอย่างจริงจังให้ทาง ปปง.และ สอท. เร่งทำงานกับหน่วยงานนานาชาติ ก็สามารถทำงานได้เลย เพราะมีข้อมูลการฟอกเงินคนถ่ายเงินหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ หากเราพบความผิดปกติก็เชื่อว่าจากข้อมูลที่ได้จากในกรรมาธิการ มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศกัมพูชาและประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำ จากองค์กรป้องกันการฟอกเงินและการเงินที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หากได้ข้อมูลที่ครบถ้วนก็ให้ ปปง.รายงาน ซึ่งเงินที่ผิดกฎหมาย ให้กับทาง องค์กรป้องกันการฟอกเงินทราบผ่านกลไก ICRG เพื่อให้พิจารณาขึ้นเป็นบัญชีสีเทาหรือแบล็คลิสต์ ข้อดีจะได้เป็นการสกัดกั้นอาชญากรรมทางไซเบอร์ แก๊งคคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงพนันออนไลน์จะลดลง

นายวิโรจน์ ระบุว่า เราสันนิษฐานว่าในกรณีนี้อาจเกี่ยวข้องกับบริษัท ฮุ่ยวัน (Huione) ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเงินที่สำคัญ ที่เชื่อมโยงกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเข้าใจว่าหน่วยปราบปรามการฟอกเงินของสหรัฐ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนติดตามกรณีนี้อยู่หากรัฐบาลเรามีความตั้งใจจริงก็สามารถทำงานร่วมกันกับสหรัฐอเมริกาได้ ซึ่งความจริงแล้วประเทศกัมพูชาถูกขึ้นบัญชีสีเทาตั้งแต่ปี 2519 เพิ่งจะปลดในปี 2023 หากเรามีหลักฐานเส้นเงินต่าง ๆ ที่เชื่อมโยง กับประเทศที่ติดแบล็คลิสต์ขององค์กรป้องกันการฟอกเงินฯ ก็จะเป็นมูลเหตุ ทำให้ประเทศกัมพูชากลับไปติดบัญชีสีเทา หรืออาจติดบัญชีสีดำ ซึ่งหมายความว่าธุรกรรมการเงินต่าง ๆในประเทศกัมพูชาจะถูกตรวจสอบอย่างหนัก หรืออาจถูกห้ามทำธุรกรรม นอกจากประเทศไทยจะได้อานิสงส์แล้ว โลกใบนี้ก็จะปลอดจากอาชญากรรมไซเบอร์ด้วย


นายวิโรจน์ ยังกล่าวว่า ส่วนอีกข้อเสนอตนอยากจะร้องขอไปยังนายกรัฐมนตรีให้เร่งสั่งการให้มีคณะทำงานเร่งแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ทั้งหมด และพิจารณาการลงนาม ให้สัตยาบันในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรไซเบอร์ 2024 หรือ UNCC2024 หากเราจะเป็นประเทศที่ร่วมก่อตั้ง ก็ต้องลงนามภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2569 และหากเราตรวจพบว่ามีการทำอาชญากรรมไซเบอร์ เราสามารถขอความร่วมมือภาคีส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ และดำเนินคดีข้ามประเทศได้ ตรงนี้เราสันนิษฐานว่าแหล่งการทำอาชญากรรมไซเบอร์แหล่งใหญ่แห่งหนึ่งในภูมิภาคก็อาจจะเกิดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา

“สิ่งเดียวที่นายกรัฐมนตรีกังวล ซึ่งหากสังเกตคือนายกฯ ไม่เคยตอบแล้วไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย หลังจากที่สมเด็จฮุน เซนเคยระบุว่าจะเปิดชื่อนักการเมืองไทยที่มีอยู่ 7 คนซึ่งไปฟอกเงินที่กัมพูชา และวันนี้จากการหารือใน กมธ. เราก็งงว่าถ้าเปิดมาแล้วกลัวอะไร ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าหากเปิดมาแล้ว 7 ชื่อ และพบว่าคนในนั้นมีรายชื่อเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นเครือญาติของรัฐมนตรี หรือเป็นเครือญาติของนายกรัฐมนตรี ส่วนในกรณีที่เป็นรัฐมนตรีจะเกิดปัญหา คือ การรายงานทรัพย์สินบัญชีต่อ ป.ป.ช. อันเป็นเท็จ ว่าร่ำรวยผิดปกติ และอาจเกี่ยวพันกับการทุจริต ซึ่งหากเข้าข่ายการกระทำความผิดในการทุจริตก็จะเป็นความผิดมูลฐานที่ ปปง. สามารถเข้าไปสืบและอายัดทรัพย์ ให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ตามกฎหมาย จึงเป็นการตั้งข้อสังเกตว่า นี่คือความกังวลที่อยู่ในใจของนายกฯหรือไม่ ” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ ระบุว่า หากนายกฯใช้มาตรการควบคุมด่านถ้าไตร่ตรองดีแล้วผ่าน สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แล้วก็สามารถดำเนินการได้แต่อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าการควบคุมด่านส่งผลกระทบต่อทั้งประชาชนและผู้ประกอบการของไทย ซึ่งในวันนี้เรายังไม่เห็นมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนที่ทำการค้า ตามแนวชายแดนอย่างน้อย 7 จังหวัดเลย แต่หากมีความจำต้องควบคุมด่านตนไม่เห็นแย้งแต่ยังยืนยันว่าต้องมีมาตรการ ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวไทยและคนชาวไทย

เมื่อถามว่าการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมลับในวันนี้ผลถือว่าพอใจหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เห็นกลไกที่คิดว่าได้ผลกว่าควบคุมด่าน ซึ่งตนคิดว่ามาตรการที่พุ่งเป้าไปที่กระเป๋ากับสตางค์ของตระกูลฮุน จะสามารถกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ที่หลอกหลอนประชาชน ซึ่งการพนันออนไลน์มีการประเมินแล้วว่าประเทศไทยสูญเสียเงินไปกว่า 60,000 ล้านบาท แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 30,000 ล้านบาท ทุกคนรับทราบถึงปัญหานี้ดีทำไมไม่เลือกมาตรการนี้ จะได้แก้ปัญหาในประเทศและกดดันตระกูลฮุนไปด้วย โดยที่นานาประเทศให้ความร่วมมือ

“จำฝรั่งเศสได้หรือไม่ กรณีการเสียชีวิตของนายลิม กิมยา นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งเขามี 2 สัญชาติกัมพูชาและฝรั่งเศส การเสียชีวิตที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ฝรั่งเศสแถลงการประนามด้วยซ้ำไป และหากคลิปจากอัลจาซิรา เป็นเรื่องจริง เสียงของคนที่คล้ายฮุนเซนเป็นคนสั่งการปฏิบัติการกำจัดฝ่ายตรงข้าม โดยที่ร่วมกับตำรวจไทย คำถามคือผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจไทยคือนายกรัฐมนตรี นั่นแสดงว่าเรากำลังปล่อยให้ฮุนเซนสั่งการนายกรัฐมนตรี ให้มาฆ่าคนเย้ยกฎหมายในราชอาณาจักรไทย ไม่ต้องสนใจขื่อแปประมวลกฎหมายอาญาในประเทศไทยแล้วหรือ” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากดำเนินการตามมาตรการที่แนะนำไปจะได้เคลียร์ชนักติดหลัง ของนายกรัฐมนตรีด้วยว่าเป็นลูกสมุนฮุนเซน ซึ่งเรื่องอาชญากรรมทางไซเบอร์ในกัมพูชานอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังมีประเทศในแถบสแกนดิเนเวียและตำรวจสากล พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน รวมไปถึงประเทศจีนด้วยนายกรัฐมนตรีควรจะทำงานร่วมกับนานาประเทศ หากสำเร็จ เราจะลดทอนความชอบธรรมของกัมพูชาในเวทีสากลทันที แล้วข้อเรียกร้องที่ไปขึ้นศาลโลกจะไม่สมเหตุสมผล

“หมายความว่าอะไรครับ ประเทศที่มีส่วนเกี่ยวพันกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นแหล่งซ่องสุม การกระทำผิดกฎหมายต่างๆ คุณก็ไร้ความชอบธรรมแล้ว ในเบื้องต้นในเวทีสากลหรือนานาชาติ ส่วนที่บอกว่า 7 รายชื่อก็เปิดมาเลย จะได้รู้ว่าใครเป็นใครจะได้จัดการในคราวเดียว หรือท่านนายกฯกลัวว่าเปิดมาจะเจอ เครือญาติของท่าน เพราะหลายท่านก็ทราบว่าญาติของท่านนายกฯไปแต่งงานกับทางฝั่งนั้น ผมไม่อยากตั้งข้อสังเกตแต่การประชุมในวันนี้ทำให้ผมอดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ ” นายวิโรจน์ กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]