“รักชนก” จี้ “ปธ.กสทช.” ลาออก อัดเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน

รัฐสภา 25 มิ.ย.- “รักชนก” จี้ “ประธาน กสทช.” ลาออกจากตำแหน่ง บอก เนื้อใบหน้าหนากว่าคนทั่วไป ไล่ออกทุกสัปดาห์ก็ไม่ออก บอกไม่มีอำนาจคุมหัวโต๊ะประมูลคลื่นความถี่ “นายกฯ” ต้องหยุดความเน่าเฟะให้ได้ อีกไม่กี่วันจะประมูลแล้ว เชื่อ ปชช. ต้องจ่ายแพงขึ้น อัดเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนเครือข่ายมือถือ


น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดการประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่านหลัก ในวันที่ 29 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยตั้งข้อสังเกตถึงราคาเริ่มต้นประมูลต่ำเกินกว่าราคาที่รัฐจัดเก็บได้ในปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาอยู่ที่คลื่น 2,100 และ 2,300 เมกะเฮิรตซ์

“คลื่น 2,100 เมกะเฮิรตซ์ AIS เคยเช่า NT ในราคา 12,000 ล้านบาท แต่ในการเริ่มประมูลครั้งนี้ กสทช. ตั้งต้นประมูลที่ความถี่ 4,500 ล้านบาท ส่วนคลื่น 2,300 เมกะเฮิรตซ์ ดีแทคเคยเช่า NT อยู่ที่ 7,300 ล้านบาท แต่ กสทช. ตั้งต้นประมูลอยู่ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท ต้องบอกว่าราคาตั้งต้นการประมูล อ้างอิงจาก 10 ปีที่แล้ว เหตุผลอะไรที่ต้องไปอ้างอิงราคาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทั้งที่โลกเปลี่ยนไป” น.ส.รักชนก กล่าว


น.ส.รักชนก กล่าวว่า หลังจากควบรวมค่ายมือถือ ทุกคนทราบว่าเหลือเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่อยู่แค่ 2 รายเท่านั้น แล้วเขาก็ไม่ได้ใช้ความถี่ทับกัน คำถามของพวกเราคือทำไม กสทช. ถึงตั้งราคาเริ่มต้นที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้

“กสทช.ท่านเป็นอะไรกับค่ายมือถือ ถึงต้องรักษาผลประโยชน์ให้เขาขนาดนี้ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันได้เลยว่าเมื่อค่ายมือถือเหล่านี้ จ่ายเงินซื้อของราคาถูกแล้ว เขาจะเอาเงินส่วนต่างเหล่านี้มาลดหรือเพิ่มเป็นบริการที่ดีขึ้น ท่านบอกว่าพอเขาจ่ายของถูก เดี๋ยวเขาจะไปลดค่าบริการ ทำเสาสัญญาณให้ดีขึ้น ประชาชนประเทศนี้ไม่ได้กินหญ้า ตอนที่ควบรวมทรูกับดีแทค กสทช. เดี๋ยวบริการจะดีขึ้น ถามว่าทุกวันนี้ มันประจักษ์แก่สายตาประชาชนแล้วหรือยัง สัญญาณมือถือที่ท่านใช้รู้สึกว่ามันดีหรือห่วยกว่าเดิม” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก ระบุว่า ค่าบริการ โปรโมชั่นเสริมที่เมื่อก่อนนี้จะต้องแย่งลูกค้ากัน ทุกวันนี้มันหดหายไปเพราะเขาไม่ต้องแข่งทำอะไร เพื่อเอาใจผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีกรณีค่ายมือถือล่ม กสทช. จัดการอะไรได้หรือไม่ ท่านไม่มีการจัดการค่ายมือถือเหล่านี้เลย


“กสทช.เปลี่ยนชื่อเถอะ จากองค์กรบริหารคลื่นความถี่ ไปเป็นองค์กรบริหารคลื่นความถี่เพื่อกลุ่มทุน แล้ววงเล็บข้างหลังไปด้วยว่ากลุ่มทุนไหน เพราะตอนนี้กลุ่มทุนค่ายมือถือกลุ่มหนึ่ง แทบจะสั่งให้ กสทช. สำนักงานและบอร์ด ซ้ายหันขวาหันได้อยู่แล้ว ท่านเปลี่ยนชื่อไปเลย มันจะได้ชัดเจน ประชาชนจะได้เข้าใจกันไปเลยว่าองค์กรนี้จัดสรรขึ้นความถี่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวว่า ประเด็นที่สอง เรื่องคุณสมบัติของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ท่านมีหน้านั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน กสทช.ได้อย่างไร ข้อเท็จจริงที่ว่าประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ มันชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรแล้ว ตนเชื่อว่าคนเกินครึ่งประเทศเคยได้ยินเรื่องนี้ ขนาดอ้างอิงของวุฒิสภาสมัยที่แล้ว ท่านเป็นพวกเดียวกัน มาจากรัฐบาลรัฐประหารเหมือนกัน ทั้ง สว.และประธาน กสทช.

“สว.ชุดที่แล้วยังชี้ไปในรายงานฉบับนี้เลยด้วยซ้ำว่าประธาน กสทช.คนนี้ขาดคุณสมบัติ เอาง่ายๆว่าพวกเดียวกันยังแบกไม่ไหว แต่ทุกวันนี้เรายังต้องจ่ายเงินเดือนให้คนคนนี้ เพียงต้องจ่ายค่าดูงานต่างประเทศ จ่ายสวัสดิการ คนๆนี้ยังนั่งตัดสินใจเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ ราคาประมูลมันเท่านี้ แต่ผลประโยชน์ของชาติมันหลักแสนล้านบาท ท่านไม่มีสิทธิ์นั่งหัวโต๊ะ” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวว่า ต่อให้ตนเรียกร้องให้ประธาน กสทช.ลาออกทุกสัปดาห์ แต่ท่านคงไม่ออก เพราะเนื้อบริเวณใบหน้าท่าน อาจจะหนากว่าคนทั่วไปสักนิด ตนก็เข้าใจ ท่านลงจากอำนาจมา ก็น่าจะมีฝ่าเท้าที่คอยเหยียบย่ำท่าน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ตัวประธาน กสทช.จัดการตัวเอง และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ ประธาน กสทช. เสนอทูลเกล้าเพื่อปลดออกด้วย

“ดิฉันมาช่วยหาคะแนนให้คุณแพทองธาร ถ้าจะมีสักเรื่องหนึ่งที่ท่านทำเพื่อประชาชนจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศจริงๆ เพราะทุกคนอาจจะทราบแล้วว่า องค์กรนี้ ทุกวันนี้ ทำงานรับใช้ใคร สีแดงๆ ค่ะ นายกรัฐมนตรีจะต้องหยุดเรื่องราวความเน่าเฟะที่เกิดขึ้นในองค์กร กสทช.” น.ส.รักชนก กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย