กมธ.ต่างประเทศ เชิญ กต.-กลาโหม-สมช. ถามปมชายแดนไทย-กัมพูชา

รัฐสภา 25 มิ.ย.-กมธ.ต่างประเทศ เชิญ กต.-กลาโหม-สมช. ถามความคืบหน้า-แนวทางอนาคต ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ศาลโลกไม่ใช่คำตอบ สุดท้ายกลับสู่โต๊ะเจรจาอยู่ดี มอง เป็นความท้าทายรัฐบาลไทย ที่ต้องคุยกับรัฐบาลที่ไม่เคารพกติกาโลก หวังสถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว เหตุยังต้องพึ่งพากัน

คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร เป็นประธานเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กระทรวงกลาโหม โดยมี พลตรีวีระยุทธ รักษ์ศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่สอง นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย จากกระทรวงการต่างประเทศ และตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา


นางสาวสรัสนันท์ กล่าวก่อนการประชุม ถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความละเอียดอ่อนระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่า ปัจจุบันมีความคืบหน้าอยู่ตลอด โดยเฉพาะบริเวณชายแดนที่มีนโยบายโต้ตอบกันไปมา ซึ่งกรรมาธิการมีความเห็น มีข้อเสนอแนะและมีความกังวลใจ ถึงผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะปัญหาที่อยู่ระหว่างชายแดนเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายประเด็น ซึ่งสงครามที่เกิดขึ้นขณะนี้ ล้วนส่งผลกระทบโดยรวมกับประเทศไทย วันนี้ได้มีการเชิญกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ มาให้ข้อมูลความคืบหน้า เชิญกระทรวงการต่างประเทศมาสอบถามถึงกรอบการประชุมเจบีซี แนวทางในระยะสั้น ระยะยาว เป็นอย่างไร และสอบถามความเห็นทางการทูตว่าไทยจะเดินไปในทิศทางไหน ซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกคนเห็นว่ามีความจำเป็น ที่จะต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความเห็น

นางสาวสรัสนันท์ ยังกล่าวต่อว่า กรรมาธิการอยากทราบสถานการณ์ความคืบหน้า บริเวณชายแดนในด้านต่างๆ เพราะจากสื่อทางไทยและกัมพูชามีความไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากนโยบายไม่ชัดเจน ซึ่งเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายและความมั่นคงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่มีความรุนแรงในการโต้ตอบ วันนี้จึงอยากจะทราบแนวทางในอนาคตว่าจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป พร้อมให้ความเห็นว่า ประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้นประสบปัญหาอะไร แต่มั่นใจว่าทิศทางของประเทศไทยสนับสนุนสนับสนุนและเรียกร้อง ให้สื่อนำเสนอข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับรัฐบาล ก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะขณะนี้มีความสับสนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะผู้ส่งออกสินค้าการเกษตร แต่ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้มีแนวทางที่ชัดเจนขึ้น


นางสาวสรัสนันท์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอแนะที่จะมอบให้ ว่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ดูถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก เพราะกรรมาธิการได้รับความเห็นจากประชาชนมา จึงมีความจำเป็นต้องสะท้อนปัญหาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับกระทรวงการต่างประเทศก็จะสอบถามเรื่องการดำเนินการ ประชุมเจบีซี ซึ่งอยากได้ความชัดเจน รวมถึงแนวทางระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและสื่อสารกับมิตรประเทศได้ถูกต้อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน ที่จะเข้ามาออกความเห็นและมีส่วนร่วมในประเด็นดังกล่าว เพราะเราไม่ได้มีปัญหาแค่สองประเทศเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบกับภาพรวม ในภูมิภาคอาเซียนด้วย

นางสาวสรัสนันท์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลใช้แนวทางต่างๆ เข้ามากดดัน ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดีในการรวบรวบความร่วมมือจากนานาประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นภัยของภูมิภาค และเป็นสิ่งที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาให้กับประเทศไทยได้ หรือจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมาตรการกดดัน และมั่นใจว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทาง ที่จะแก้ไขปัญหานี้ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เพราะปัญหาชายแดนเกิดขึ้นมายาวนานมากแล้ว และคำถามคือเกิดจากสาเหตุอะไร ที่ทำให้เกิดแรงปะทุขึ้นมา เพราะปัญหาการปักปันเขตชายแดนมีปัญหามาตลอดซึ่งไม่ได้มีแค่กับประเทศไทยยังมีมีประเทศอื่นๆที่ยังยังคาราคาซังอยู่ คำถามคือความต้องการของประเทศเพื่อนบ้านคืออะไรกันแน่ เป็นความต้องการส่วนบุคคล เป็นความต้องการของประเทศโดยตรงหรืออย่างไร เราต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถตัดตัวเองออกจากกัมพูชาได้ เพราะฉะนั้นแนวทางท้ายที่สุดแล้วต้องกลับมาโต๊ะเจรจาอยู่ดี


“ศาลโลกสำหรับเราไม่ใช่คำตอบ และอยู่ไกลปัญหาเราไปมาก หลายครั้งสุดท้ายศาลโลกก็ตัดสินให้เรามาเคลียร์กันเอง นี่คือสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศพยายามสื่อสารมาโดยตลอดฉะนั้น เราต้องชัดเจนว่าไม่เอาการตัดสิน ของศาลโลกมาเป็นบรรทัดฐาน และท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา หรือภูมิภาคต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่ต้องมีความยับยั้งชั่งใจ พูดคุยกันด้วยสันติวิธี” นางสาวสรัสนันท์ กล่าว

นางสาวสรัสนันท์กล่าวว่า มองว่า นโยบายที่กำลังโต้ตอบกันอยู่ขณะนี้เป็นเพียงนโยบายระยะสั้นและคาดหวังว่า ความตึงเครียดบริเวณชายแดน โดยเฉพาะการไปมาหาสู่หรือการค้าขายจากคลี่คลายได้โดยเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็น เรื่องที่ทำให้สองรัฐบาลดึงเวลาไว้นาน เพราะสุดท้ายผลกระทบตกอยู่ที่เศรษฐกิจและประชาชน ของทั้งสองประเทศ เพราะเรายังต้องพึ่งพากัน ซึ่งตนเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของประชาชนยังคงเป็นไปได้ด้วยดี แต่ขึ้นอยู่กับทั้งสองรัฐบาลจะพูดคุยกันอย่างไร

“เราไม่ได้พูดคุยกับรัฐบาลที่เคารพต่อกฎ กติกา มารยาทโลกโดยแท้จริง เพราะฉะนั้นรัฐบาลไทย จึงมีความท้าทาย ที่จะใช้วิธีการอย่างไรในการพูดคุยสื่อสาร แล้วจะทำให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะ ความสงบสุข ที่เราจำเป็นและต้องการ ซึ่งเราไม่ได้ดูแค่ผลประโยชน์ของคนไทย แต่เรามองถึงเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเช่นเดียวกัน” นางสาวสรัสนันท์ กล่าว.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]