แนะ 4 แนวทางพัฒนาศาลรธน. อำนวยความยุติธรรมสังคม

กรุงเทพฯ 24 มิ.ย.- “อุดม” ชี้สิทธิมนุษยชนทุกวันนี้ซับซ้อนกว่าอดีต แนะ 4 แนวทางพัฒนาศาลรัฐธรรมนูญอำนวยความยุติธรรมให้สังคม จัดตั้งสถาบันกฎหมาย เสมือนสติปัญญาช่วยหาแนวทางแก้ไขในอนาคต


นายอุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ บรรยายในการประชุมคณะกรรมการสมาชิกสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) ในหัวข้อ การพัฒนาศาลรัฐธรรมนูญเพื่อรับรองการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ว่า การพัฒนาศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพัฒนารองรับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนนั้น เป็นสิ่งที่ท้าทายต่อศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันศาลที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับทุกประเทศ จากหลักการที่เห็นร่วมกันในนานาประเทศที่ถูกบัญญัติไว้ในปริญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ค.ศ. 1948 สนธิสัญญาต่าง ๆ ในรูปของสัญลักษณ์ระหว่างประเทศ ปฏิญญาระหว่างประเทศ ข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน นานาประเทศได้นำหลักการไปตราเป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีผลบังคับในประเทศของตนและส่งผลโดยตรงให้องค์กรใช้อำนาจรัฐ โดยต้องให้ความคุ้มครองและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในประเด็นสิทธิมนุษยชนดังกล่าว และเพื่อให้เคารพต่อหลักนิติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญจึงจัดให้มีกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจทั้งการตรากฏหมายหรือการใช้อำนาจในการทำใด ๆ ในองค์กรของรัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลอื่นเพื่อตรวจสอบกรณีที่มีการฟ้องว่ามีการใช้อำนาจไปในทางขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดี การขยายขอบเขตของสิทธิมนุษยชนในมุมมองใหม่อันเนื่องมาจากการพัฒนาองค์ความรู้วิทยาการด้านต่าง ๆ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในเชิงสังคม ค่านิยม วิถีชีวิตของคนในตามสมัย ทำให้การวินิจฉัยคดีรัฐธรรมนูญจะต้องตอบปัญหาในเชิงเนื้อหาสิทธิและเสรีภาพใหม่ ๆ ซึ่งแตกต่างไปจากอดีตอย่างมีนัยยะสำคัญ

นายอุดม กล่าวว่า ปัญหาสิทธิมนุษยชนในยุคสมัยปัจจุบันแตกต่างจากอดีต โดยอดีตนั้นประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนมีความซับซ้อนไม่มาก เป็นปัญหาด้านการใช้อำนาจของรัฐที่มากเกินกว่าเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่รับรู้ในประเทศต่าง ๆ และมักจะมีมุมมองที่ไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา หรือสิทธิความเสมอภาคระหว่างหญิงกับชาย สถานะของบุคคลที่จะไม่ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม หรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือสิทธิของบุคคลในความเป็นอยู่ส่วนตัวในหลายประการ แต่ปัจจุบันวิธีคิดค่านิยม วิถีชีวิตของผู้คนในโลกปัจจุบัน ได้ขยายขอบเขตสิทธิมนุษยชนในมิติใหม่ ๆ ด้วยความรู้ในวิทยาการที่เปลี่ยนแปลงจากเนื้อหาและคุณค่า โดยเฉพาะเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในหลากหลายมิติ ทำให้พื้นที่ในการอภิปรายด้านสิทธิมนุษยชนเปิดกว้างมากขึ้น ปัญหาที่ศาลรัฐธรรมนูญไทยได้เจอ ไม่ว่าจะเป็นการวางกฏหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญในคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2562 ในการกำหนดกฎหมายกำหนดความผิดบุคคลที่ไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ หรือกรณีขัดคำสั่งของคณะรัฐประหารที่ไม่ไปรายงานตัวในคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2563 เป็นตัวอย่างประกันของการสร้างแนวทางในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน


นอกจากนี้ แนวโน้มของโลกต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลอย่างกว้างขวางเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องการดำเนินชีวิต ตลอดจนผลกระทบที่ตามมาต่อความเป็นส่วนตัวของบุคคล ปัญหาเรื่องของการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับต้น ๆ เช่น เมื่อปี 2560 มีการวินิจฉัยการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่โลกปัญหาภัยพิบัติ คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญไต้หวัน กรณีการออกคำสั่งกำหนดเงื่อนไขระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีแผ่นดินไหวเมื่อปี 2547 ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ก็เป็นปัญหาทางศาลรัฐธรรมนูญ หรือในคดีห้ามคนรักร่วมเพศบริจาคโลหิต ในศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2557 ก็ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าคดีศาลรัฐธรรมนูญมีความน่าสนใจ เช่นเดียวกันกับปัญหาของการเปลี่ยนแปลงของการมีผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น ปัญหาความเปราะบางของบุคคลในสังคมก็กลายเป็นปัญหาที่สำคัญทางรัฐธรรมนูญ บุคคลเปราะบางในบางส่วนได้ร้องเรียนต่อศาล โดยเฉพาะการปฏิเสธสถานะของคนต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายแก่บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ จึงปัญหาในศาลสิทธิมนุษยชนในยุโรปในปี 2563 ช่วงเดียวกับปัญหารัฐธรรมนูญของไทยกรณีที่ให้อำนาจรัฐในการถอนสัญชาติบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดเพราะว่าบิดาไทยไม่ได้มีสัญชาติไทย ในปี 2567

นายอุดม ยกตัวอย่าง ปัญหาของสตรีที่ทั่วโลกเผชิญ คือ การยุติการตั้งครรภ์ ในศาลรัฐธรรมนูญไทย เมื่อปี 2563 เป็นปีเดียวที่ศาลรัฐธรรมนูญเบลเยียมได้วินิจฉัย เรื่องการทำแท้งของหญิงเช่นเดียวกัน ปัญหาการคุ้มครองสถานะทางเพศของบุคคลและกลุ่มคนข้ามเพศ ในกรณีเพศที่สามหรือกลุ่มคนข้ามเพศในศาลสูงสุดของอินเดีย เมื่อปี 2557 รวมถึงเรื่องของการกำหนดการเปลี่ยนแปลงสถานะทางเพศในสูติบัตร ซึ่งเกิดขึ้นในศาลรัฐธรรมนูญอิตาลี เมื่อปี 2017 ก็เป็นประเด็นที่ทำให้เห็นว่าปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเรื่องสถานะของบุคคล ก็กลายเป็นประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องเอามาวินิจฉัยและเป็นปัญหาที่สำคัญในสิทธิมนุษยชน ด้วยเหตุดังกล่าว สิทธิมนุษยชนกลายเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งรัฐธรรมนูญให้การรับรองและเป็นหน้าที่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่เป็นผู้คุ้มครองรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญต้องมีกลไกทำหน้าที่ให้ความคุ้มครองเช่นนี้ จึงมีข้อแนะนำเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญจะทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรมในสังคมสถานการณ์ปัจจุบัน 4 ประการ คือ

  1. การที่คัดเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องผ่านกระบวนการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการเข้าดำรงตำแหน่ง ในเบื้องต้น
  2. กลไกสนับสนุนการปฎิบัติงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นการรับคดี การแสวงหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ไปจนถึงการทำคำวินิจฉัย ที่ไม่ใช่เพียงการกลั่นกรองข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่หมายถึงการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวว่าควรดำเนินไปในทิศทางใด เพื่อให้ธรรมนูญเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่รัฐธรรมนูญจะต้องสามารถบูรณากระบวนการทั้งหลายให้เหมาะสมกับประโยชน์ของสังคม เพื่ออำนวยความยุติธรรมผ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ การพัฒนาคุณภาพประสิทธิภาพกลไกที่เป็น Back Office ของศาลรัฐธรรมนูญเป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถทำให้บทบาทของศาลธรรมนูญอำนวยความยุติธรรมในเรื่องสิทธิมนุษยชนได้อย่างแท้จริง
  3. การส่งเสริมคุณภาพของรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ที่ยกระดับความสามารถในการช่วยเหลือสังคม และต้องเป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็ง ยึดมั่นในวิสัยทัศน์และพันธกิจเป็นที่มีลักษณะเฉพาะตัว ชี้ความเป็นไปของบ้านเมืองเพื่อให้ศาลรัฐรัฐธรรมนูญดำรงความน่าเชื่อถือในสายตาของสาธารณะชน โดยเฉพาะปัญหาสิทธิมนุษยชนที่มักเกิดแง่มุมที่ต้องอภิปรายถกเถียงในพื้นที่ในสิทธิเสรีภาพในมุมมองใหม่ ๆ โครงสร้างของการตัดสินการมีกลไกที่ผลักดันโดยศาลรัฐธรรมนูญต้องการรักษาความเป็นอิสระและไม่ถูกครอบงำโดยอำนาจใด ๆ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรศาลกฏหมายมหาชน มีหลักประกันความเป็นอิสระและความเป็นกลางในการทำหน้าที่
  4. การจัดตั้งสถาบันกฏหมายรัฐธรรมนูญ แม้เราจะมีสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่า แล้ว การจัดตั้งสถาบันกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ละประเทศจะเป็นสิ่งที่สำคัญในการที่จะศึกษาวิจัยด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งรวมถึงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้วย สถาบันดังกล่าวจะเป็นเหมือนสติปัญญาที่สำคัญในการศึกษาค้นคว้าเรื่องการพัฒนาการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทางสังคมและทางเนื้อหาของสิทธิและในเชิงกระบวนการเพื่อให้เกิดมาตรการหรือกลไกในการคุ้มครองสิทธิที่มีประสิทธิภาพและสามารถคาดการณ์ทิศทางและบริบทให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม นอกจากนี้ ยังเป็นหน่วยประสานส่งเสริมและเรียนรู้องค์กรต่าง ๆ ให้ผู้ที่มีความสนใจเพื่อส่งเสริมให้การคุ้มครองสิทธิสิทธิและเข้าร่วม และองค์กรหรือภาคีอื่น ๆ จะมีโอกาสร่วมงานเสริมสร้างการทำงานของรัฐธรรมนูญให้มั่นคงอยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยและการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญให้ศาลธรรมนูญเป็นผู้พิทักษ์ศาลรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน “อีสาน กลาง ใต้” รับมือฝนถล่ม

6 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือฝนถล่ม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]