“วิโรจน์” ชี้ยกระดับกดดันเศรษฐกิจ ต้องมีมาตรการช่วยประชาชนด้วย

รัฐสภา​ 24 มิ.ย.-“วิโรจน์” มองรัฐบาล ยกระดับชายแดนไทย-กัมพูชา​ เป็นเพียงกดดันเศรษฐกิจ หากไม่มีมาตรการคู่ขนานช่วยประชาชน สุดท้ายจะกลายเป็นทำเขา แต่เราอาจเจ็บตัว ย้ำต้องพุ่งเป้าทำลาย “กระเป๋าตังค์ตระกูลฮุน” ซ้าย “มง ลิด ที” ขวา “ออกญา ลี ยงพัด” ตามเส้นเงินเชื่อมโยง “เสี่ย ต.” ในไทย กลุ่มนักการเมือง “นามสกุล อ.”

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งยกระดับมาตรการบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เวลาเราพูดถึงมาตรการต่อกรณีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ต้องพูดถึง 3 มาตรการด้วยกัน คือ มาตรการทางการทูต เศรษฐกิจ และทหาร ซึ่งมาตรการทางทหารเราคงไม่อยากเห็น เพราะหากใครเริ่มก่อน จะขาดความชอบธรรมทันที ดังนั้น มาตรการทางเศรษฐกิจ จึงเป็นทางเลือกที่สมควรพิจารณา


นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า แต่นายกรัฐมนตรีต้องไตร่ตรองว่า มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ มีผลกระทบทั้งกัมพูชา และผู้ประกอบการ ประชาชนคนไทยด้วย สิ่งที่อยากจะเห็นคือการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย และประชาชนที่มีกิจการการค้าตามแนวชายแดน หรือมีกิจการนำเข้าส่งออก ซึ่งเข้าใจว่ามีทั้งหมด 7 จังหวัด และเท่าที่มีการตรวจสอบงบกลางยังเหลือ รอเพียงแค่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

เมื่อถามว่า ขณะนี้เห็นเพียงมาตรการการกดดัน แต่ยังไม่เห็นมาตรการช่วยเหลือประชาชน ใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังไม่เห็น มาตรการการกดดันทางเศรษฐกิจ วัตถุประสงค์สำคัญ คือการเหนียวนำ สร้างแรงจูงใจ ให้กัมพูชามาเจรจาด้วยเหตุด้วยผล หากไม่มีมาตรการคู่ขนานในการช่วยเหลือประชาชน สุดท้ายจะกลายเป็น ทำเขา แต่เราอาจจะเจ็บตัวกว่า


ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีเพิ่มมาตรการ จะสามารถทำให้ทางการกัมพูชา กลับมาเจรจาได้หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า มาตรการนี้ จะได้ผล หากเรามั่นใจว่า ฝ่ายกัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่า แต่อาจไม่ได้ผล และเป็นผลตรงกันข้าม ถ้าผู้ประกอบการชาวไทย ประชาชนคนไทย ได้รับผลกระทบหนักกว่า ย้ำว่า มาตรการ กดดันเศรษฐกิจต้องควบคู่ไปกับมาตรการเยียวยา

“เกมนี้เป็นลักษณะใครอึดกว่าเป็นผู้ชนะ ตอนนี้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี จะใส่ใจแต่การเอาคืนอย่างเดียว แต่ไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่มาถึงประชาชน” นายวิโรจน์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่เคยออกมาเปิดเผยเรื่องกลุ่มทุน ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามอาชญากรรม มองว่า นายกรัฐมนตรี จะแก้ปัญหาตรงนี้หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ตนจึงบอกว่าทำได้เลย และมีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด


นายวิโรจน์ ย้ำว่า เราทราบอยู่แล้วว่า กระเป๋าตังค์ของตระกูลฮุน กระเป๋าขวา คือ LYP Groups หรือ ออกญา ลี ยงพัด ซึ่งทราบอยู่แล้วว่า เส้นเงินเชื่อมโยงกับ เสี่ย ต. ในประเทศไทย กลุ่มนักการเมืองอาจจะนามสกุล อ. มั้ง และอาจมีอีกหลายคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถจัดการได้เลย อะไรก็ตามที่ กระทบกระเทือนกับธุรกิจกาสิโน ที่เป็นแหล่งทุนของตระกูลฮุน จะสามารถสร้างแรงกดดันได้แน่นอน และสร้างผลกระทบที่จำกัดต่อประชาชนของทั้งบริเวณสองประเทศ ส่วนกระเป๋าซ้าย ก็คือ มง ลิด ที ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่ เมื่อรู้เส้นเงินก็ต้องเร่งรีบจัดการ

“มันจึงเกิดคำถาม ถึงการที่สมเด็จฮุนเซน ระบุว่า เขาก็จะเปิดเหมือนกัน ถึงกลุ่มเงินไทยที่เข้าไปฟอกเงินในกัมพูชา สำหรับผมไม่กังวล เปิดก็ดี จะได้ล้างกันสักที เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ ถ้าเป็นเงินที่สะอาด เราไม่ว่ากันอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเงินสกปรก ที่ผัวพันกับอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นพนันออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ต้องยอมรับว่า ผลกระทบเกิดกับประชาชนไทย ก็ถือโอกาสจัดการอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในประเทศ ช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อไปในคราวเดียวกันเลย” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า แต่พอนายกรัฐมนตรีดูเหมือนจะไม่เลือกวิธีในการจัดการกับกระเป๋าสตางค์ของตระกูลฮุน ตนต้องตั้งข้อสังเกตแล้วว่า ตอนนี้นายกรัฐมนตรีคงไม่ญาติดีกับสมเด็จฮุนเซนขนาดนั้น ถูกเปิดคลิปขนาดนั้น แต่ยังมีความกังวลถึงเรื่องเส้นเงิน ที่อาจจะมาพัวพันกับกลุ่มทุน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด กับตัวท่านนายกรัฐมนตรีเอง หรือนามสกุลของท่านนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เมื่อถามว่า เมื่อทราบกลุ่มเป้าหมาย แต่กลับมีการตีกรอบเวลาถึงสามเดือนนั้น ถือว่าช้าไปหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็ต้องหารือกันภายในฝ่ายความมั่นคง จะ 3 เดือน หรือกี่เดือน ก็ต้องถามถึงมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ต้องแสดงออกว่าหากมีความจำเป็น ต้องใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ 3 เดือน 6 เดือน หรือไม่มีกำหนด รัฐบาลก็จะต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างไม่มีกำหนดเช่นเดียวกัน

อาทิ มาตรการพักชำระหนี้ ทั้งต้นทั้งดอก สินเชื่อปลอดดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งตนยังคาดหวังว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดต่อไป จะต้องออกมาตรการมาได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้รัฐบาลทบทวนมาตรการ ตัดไฟ น้ำมัน อินเทอร์เน็ต เพื่อแก้ปัญหาแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา เพราะตอนนี้ ตนได้รับรายงานว่า แก็งค์คอลเซ็นเตอร์มีการปรับตัวแล้ว แต่ผลกระทบตกอยู่กับผู้ประกอบการ ตนไม่ได้บอกว่าให้ยุติ แต่จะต้องมาทบทวน เพราะเราต้องการยุทธวิธีที่พุ่งเป้าไปที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก

เมื่อถามว่า ไม่มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ต้นเหตุของความขัดแย้ง เกิดจากการที่เราจะมีการสร้างกาสิโน ที่อาจขัดผลประโยชน์กับฝั่งกัมพูชาที่มีกาสิโนเช่นเดียวกัน นายวิโรจน์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคิดไกล ตอนนี้โยงกันไปหมด วันนี้เราต้องจัดมิติการคิดในเรื่องของข้อพิพาทก่อน เราอย่าพึ่งเอาผลประโยชน์ของตระกูลนี้ แต่ต้องเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก หากคิดในเรื่องของตระกูลก็คิดได้ แต่พิสูจน์ความจริงยาก ณ วันนี้ เราต้องยึดหลักในเรื่องพรมแดน และเอา MOU 43 เป็นหลัก หากต้องการดำเนินมาตรการใดๆ ต่อ

ส่วนเรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ก็มีหลายทฤษฎีที่คิดได้เช่นนั้น แต่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็ไม่มีความคืบหน้า และดูท่าทางจะเป็นหมัน ก็ไม่น่าจะเป็นแรงจูงใจ ให้เกิดการแค้นฝังหุ่น ฉะนั้น มองเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์เป็นองค์ประกอบได้ แต่อาจไม่ใช่เรื่องหลัก.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]