23 มิ.ย.- มาช้าดีกว่าไม่มา! “โรม” จี้ เสา-คานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “กัมพูชา” เป็นคนไทย แย้มชื่อ “เฮียตือ” เจ้าของเดียวกันกับฝั่ง “เมียวดี” เผยยังมี “L.Y.P. Group” เป็นฐานทางการเงินสำคัญของรัฐบาล “เขมร” เอี่ยวการสร้าง Entertainment Complex ด้วย อึ้ง! ล้ำแดนไทยติด “ตราด” ย้ำ ตอนนี้เป็นวาระระดับโลกแล้ว ทิ้งท้าย อย่าลืม “พล.ต.ต. เต่า” ด้วยนะ
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ X และเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่รัฐบาลมีมาตรการเด็ดขาดจัดการอาชญากรรมทางไซเบอร์ของกัมพูชา ว่า ถึงแม้ผมจะกังวลอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวชินวัตรและครอบครัวของรัฐบาลกัมพูชา แต่ในการแถลงล่าสุดของรัฐบาลที่จะจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด แนวทางดังกล่าวสอดคล้องต้องตรงกันกับที่ผมเสนอมาโดยตลอด เพียงแต่เสียดายว่าควรจะดำเนินการมาตรการเหล่านี้มาตั้งนานแล้ว
“แต่เอาเถอะครับมาช้าดีกว่าไม่มา ผมคิดว่ารัฐบาลต้องเร่งดำเนินการโดยเฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญที่เป็นเสาและคานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นเฮียตือ เป็นคนสัญชาติไทย ที่ผมเชื่อว่าคนรอบตัวของท่านนายกรัฐมนตรีตามหาไม่ยากว่าคือใคร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเฮียตือคนนี้ยังเป็นเจ้าของ Star Complex ในฝั่งเมียววดีอีกด้วย อีกทั้งเป็นเจ้าของคาสิโนในฝั่งปอยเปตด้วย การตามล่าอาชญากรอย่างเฮียตือจะสร้างความมั่นใจว่านโยบายที่ท่านนายกกำลังดำเนินการเป็นการเอาจริงเอาจังไม่ใช่แค่คำขู่ที่มุ่งหมายไปยังรัฐบาลกัมพูชาเท่านั้น” นายรังสิมันต์ โพสต์
นายรังสิมันต์ ระบุว่า นอกจากนี้การทลายธุรกิจของเครือ L.Y.P. Group ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงโดนแซงชั่นจากต่างประเทศแล้วนั้น ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งจัดการเช่นเดียวกัน เพราะเจ้าของธุรกิจนี้เป็นคนไทยที่ถือสัญชาติกัมพูชาด้วย และเป็นฐานทางการเงินที่สำคัญของรัฐบาลกัมพูชา ผมคิดว่าถ้าพบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอยู่ในประเทศไทยก็ต้องเร่งยึดอายัดทรัพย์สินเอาไว้เลย
“ผมชี้เป้าให้กับรัฐบาลเพิ่มเติมว่า เสี่ยกัมพูชาคนนี้ เกี่ยวข้องกับการให้มีการสร้าง Entertainment Complex ที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยอาคารบางหลังมีการล้ำดินแดนไทยเข้ามาด้วย โดยติดกับจังหวัดตราดของเรา (ตอนนี้หยุดสร้างแล้ว แต่อาคารยังล้ำมา) รัฐบาลต้องมีมาตรการที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องนี้จะปล่อยให้อาคารของจีนเทาเหล่านี้ล้ำแดนไทยต่อไปหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ชี้ว่า เมื่อจับอาชญากรตัวเป้งได้แล้ว ก็ควรที่จะมีการขยายผลต่อไป ตนเชื่อว่าเราจะสามารถปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ทุเลาเบาบางได้ อีกสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลพึงจะกระทำ คือต้องร่วมมือกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีนและประเทศญี่ปุ่น สาเหตุเป็นเพราะจีนมีอิทธิพลค่อนข้างมากในการช่วยเราสนับสนุนเพื่อนำไปสู่การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนญี่ปุ่นเองก็ได้รับความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน บางส่วนจะเชื่อมโยงกับยากูซ่าในประเทศญี่ปุ่นด้วย
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า วันนี้วาระการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่วาระหลักระดับชาติของเราเท่านั้น แต่ควรจะเป็นวาระหลักของโลกด้วยซ้ำไป ดังนั้นผมจึงเห็นด้วยมากถ้าประเทศไทยจะเป็นแกนกลางในการปราบปรามเรื่องนี้
“ปล. ในไหนก็พูดเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว ขอทวงความคืบหน้า ว่าตกลงแล้วเรื่อง พล.ต.ต. ต ไปถึงไหนแล้ว หรือสุดท้ายจบที่การช่วยเหลือกัน” นายรังสิมันต์ ระบุ -สำนักข่าวไทย