“ภูมิธรรม” บอก “ผมรักทุกกระทรวง”

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-“ภูมิธรรม” หัวเราะ หลังถูกถามชื่อนั่ง มท.1 บอก “ผมรักทุกกระทรวง” เชื่อ “เพื่อไทย” คุม ก.มหาดไทย ดันนโยบายลงท้องถิ่นได้กว่าที่ผ่านมา รับเคยคุย นายกฯ เสนอดึงทหารมาช่วยงานกลาโหมเพิ่ม มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล 100% ลั่นไม่กังวล สว. ยื่นถอดถอน นายกฯอิ๊งค์

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีหารือร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) แสดงว่าตำแหน่งในครม. ลงตัวแล้วหรือไม่ โดยนายภูมิธรรมได้หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า ให้ไปถามนายกรัฐมนตรี เพราะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) นายกฯได้คุยกับ หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ตนเชื่อว่าน่าจะจบได้เร็ว ภายในสัปดาห์นี้น่าจะเรียบร้อย


เมื่อถามว่าสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย จะมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มในตำแหน่งใดหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ในแต่ละตำแหน่งจะมาหลังจากที่คุยกับพรรคร่วมจบ ซึ่งเมื่อวานนี้(22 มิ.ย.) ก็ชัดเจนแล้วว่าพรรคที่ร่วมรัฐบาลมีพรรคใดบ้าง ขณะที่ในส่วนพรรคเพื่อไทยก็คงมีการหารือกันในลำดับต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะได้กี่เก้าอี้หลังจากที่พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเสร็จ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนไม่ได้เข้าหาคือด้วย มีเพียงเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี


ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม ระบุว่า ตอนนี้ตนก็ยังเหมือนเดิม ยังไม่ได้ถูกปลดออก และตนเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง โดยได้เพิ่ม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นสายของความมั่นคงให้ตนได้มาดูแลอีก

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า นายภูมิธรรมจะไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม หัวเราะ ก่อนตอบว่า ข่าวตนไปหลายกระทรวงแล้ว มหาดไทยพึ่งมาเมื่อวาน (22 มิ.ย.) ก่อนหน้านี้เพิ่งไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ แต่ตอนนี้ ยังไม่ชัดเจนต้องรอนายกรัฐมนตรีสั่ง

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีชื่อไปหลายกระทรวงแต่ชอบกระทรวงไหนมากที่สุด นายภูมิธรรม หัวเราะและยิ้มอีก ก่อนกล่าวว่า “ผมรักทุกกระทรวง”


ส่วนในวันนี้ที่มีกำหนดการจะไปมอบนโยบายที่กระทรวงมหาดไทยในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล เหมือนเป็นการดูที่ทำงานในอนาคตหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่เกี่ยว ตนไปในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแล ซึ่งถือเป็นโอกาสดี เพราะยังไงตนก็ต้องทำงานร่วมกับมหาดไทยอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการเปลี่ยนตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผลงานจะดีขึ้นมากกว่าที่ผ่านมาใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาที่ผ่านมา คือกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่ต้องนำนโยบายทั้งหมด ไปผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งกลไก ยังไม่สมบูรณ์ เป็นอุปสรรคที่จะนำนโยบายไปทำงาน และครั้งนี้พรรคเพื่อไทยคิดว่าจะสามารถ ผลักดันนโยบายไปถึงประชาชนได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่เศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนการปราบปรามยาเสพติด เรื่องปัญหาชายแดนและนโยบายต่างๆที่ยังค้างอยู่ จึงเป็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยอยากได้กระทรวงมหาดไทยกับคืนมา เพื่อให้นโยบายได้สามารถเดินหน้าอย่างเต็มที่ จึงเชื่อมั่นว่าน่าจะทำได้ดี และมั่นใจได้ดีว่าสองปีหลังจากนี้ ผลงานของรัฐบาลจะพลิกฟื้นได้อย่างดีมาก โดยที่ผ่านมาผลักดันนโยบายไม่ค่อยออก เพราะกลไกมหาดไทยเป็นกลไกที่สำคัญที่สุด

เมื่อถามต่อว่า ด้วยสถานการณ์ขณะนี้กังวลเรื่องนิติสงครามหรือไม่ เพราะขณะนี้มีการยื่นร้องนายกรัฐมนตรีหลายเรื่อง นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่กังวล เพราะดูจากคดีที่มายื่นแล้วไม่มีเหตุผลและหลักฐานเพียงพอ และหลายประเด็นยื่นโดยไม่มีรายละเอียด และบางเรื่องไม่ใช่ความผิดโดยตรงของนายกรัฐมนตรี จึงไม่กังวลเรื่องนี้ และเวลาที่เหลือเป็นเวลาที่ต้องทำงาน ถ้าเราสามารถผนึกกำลังรัฐบาลให้เป็นเอกภาพทั้งหมดได้ และก็ต้องการความเห็นที่เป็นเอกภาพของคนไทยทั้งหมด หากสามารถร่วมมือกันได้ ก็จะสามารถเดินต่อไปได้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาล ร่วมกัน ไม่ได้มีปัญหาที่ทำให้เป็นเงื่อนไข ให้เกิดความไม่แข็งแรงในประเทศ และตนยืนยันได้ว่า รัฐบาลกับกองทัพไม่ได้มีปัญหากัน และมีความเป็นเอกภาพ ที่ผ่านมาซึ่งได้มีการเชิญมาหารือก็ได้รับความร่วมมือมาโดยตลอด ไปจนถึงการปฎิบัติ

ส่วนการปรับรัฐมนตรีครั้งนี้ ปรากฏชื่อ นายพลฯ ที่จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม หันกลับมาถามสื่อทันทีว่า มาแทนผมหรือ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าหากมีการตั้งฝ่ายทหารมากำกับดูแลกระทรวงกลาโหมจริง พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่มี เพราะตนก็เคยคุยกับนายกว่าจะดึงทหารเข้ามาช่วยเพิ่มขึ้น

เมื่อถามว่า ตามโผที่ออกมามีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่เป็นการมาช่วยตนทำงาน เพราะตนอยากได้ทีมงานที่มาช่วยทำให้แข็งแรง ซึ่งที่ผ่านมาตนยังไม่เคยตั้งที่ปรึกษา และผู้ช่วยรัฐมนตรีเลย

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ารัฐมนตรีช่วยฯ จะเลื่อนขึ้นไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายกรัฐมนตรี

ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีและขอให้ศาลรัฐธรรมรูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาล ให้ซ้ำเหมือนกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นคนละเรื่อง และคนละประเด็น กับกรณีของนายเศรษฐา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่สว.ต้องแก้เกี้ยว และหาทางปกป้องตัวเอง ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ และนายกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และตนก็ไม่ได้อยากให้ใช้คำว่านิติสงคราม เพราะไม่ได้รบกัน แต่เป็นเรื่องของการใช้บทบาทในการฟ้องร้องตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นผู้รักษาความยุติธรรมต้องพิจารณาและตัดสินมาเท่านั้นเอง และเราก็ต้องชี้แจง ไปในประเด็นต่างๆ เหมือนตนที่เคยถูกฟ้องให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ก็ทำหนังสือยื่นไป ไม่มีอะไรก็ทำหน้าที่ต่อ

เมื่อถามว่า แสดงว่ายังมั่นใจใน เสถียรภาพ ของรัฐบาลใช่หรือไม่ แม้บางพรรคจะกระโดดลงเรือออกไป นายภูมิธรรม ตอบว่า มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าจะเดินได้อย่างแข็งแรง หลังการปรับคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้ เสร็จเรียบร้อย จะเห็นการทำงานในมิติใหม่ที่ต่างไปจากเดิม.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]