“ภูมิธรรม” บอก “ผมรักทุกกระทรวง”

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-“ภูมิธรรม” หัวเราะ หลังถูกถามชื่อนั่ง มท.1 บอก “ผมรักทุกกระทรวง” เชื่อ “เพื่อไทย” คุม ก.มหาดไทย ดันนโยบายลงท้องถิ่นได้กว่าที่ผ่านมา รับเคยคุย นายกฯ เสนอดึงทหารมาช่วยงานกลาโหมเพิ่ม มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล 100% ลั่นไม่กังวล สว. ยื่นถอดถอน นายกฯอิ๊งค์

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีหารือร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) แสดงว่าตำแหน่งในครม. ลงตัวแล้วหรือไม่ โดยนายภูมิธรรมได้หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า ให้ไปถามนายกรัฐมนตรี เพราะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) นายกฯได้คุยกับ หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ตนเชื่อว่าน่าจะจบได้เร็ว ภายในสัปดาห์นี้น่าจะเรียบร้อย


เมื่อถามว่าสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย จะมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มในตำแหน่งใดหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ในแต่ละตำแหน่งจะมาหลังจากที่คุยกับพรรคร่วมจบ ซึ่งเมื่อวานนี้(22 มิ.ย.) ก็ชัดเจนแล้วว่าพรรคที่ร่วมรัฐบาลมีพรรคใดบ้าง ขณะที่ในส่วนพรรคเพื่อไทยก็คงมีการหารือกันในลำดับต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะได้กี่เก้าอี้หลังจากที่พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเสร็จ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนไม่ได้เข้าหาคือด้วย มีเพียงเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี


ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม ระบุว่า ตอนนี้ตนก็ยังเหมือนเดิม ยังไม่ได้ถูกปลดออก และตนเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง โดยได้เพิ่ม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นสายของความมั่นคงให้ตนได้มาดูแลอีก

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า นายภูมิธรรมจะไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม หัวเราะ ก่อนตอบว่า ข่าวตนไปหลายกระทรวงแล้ว มหาดไทยพึ่งมาเมื่อวาน (22 มิ.ย.) ก่อนหน้านี้เพิ่งไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ แต่ตอนนี้ ยังไม่ชัดเจนต้องรอนายกรัฐมนตรีสั่ง

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีชื่อไปหลายกระทรวงแต่ชอบกระทรวงไหนมากที่สุด นายภูมิธรรม หัวเราะและยิ้มอีก ก่อนกล่าวว่า “ผมรักทุกกระทรวง”


ส่วนในวันนี้ที่มีกำหนดการจะไปมอบนโยบายที่กระทรวงมหาดไทยในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล เหมือนเป็นการดูที่ทำงานในอนาคตหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่เกี่ยว ตนไปในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแล ซึ่งถือเป็นโอกาสดี เพราะยังไงตนก็ต้องทำงานร่วมกับมหาดไทยอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการเปลี่ยนตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผลงานจะดีขึ้นมากกว่าที่ผ่านมาใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาที่ผ่านมา คือกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่ต้องนำนโยบายทั้งหมด ไปผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งกลไก ยังไม่สมบูรณ์ เป็นอุปสรรคที่จะนำนโยบายไปทำงาน และครั้งนี้พรรคเพื่อไทยคิดว่าจะสามารถ ผลักดันนโยบายไปถึงประชาชนได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่เศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนการปราบปรามยาเสพติด เรื่องปัญหาชายแดนและนโยบายต่างๆที่ยังค้างอยู่ จึงเป็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยอยากได้กระทรวงมหาดไทยกับคืนมา เพื่อให้นโยบายได้สามารถเดินหน้าอย่างเต็มที่ จึงเชื่อมั่นว่าน่าจะทำได้ดี และมั่นใจได้ดีว่าสองปีหลังจากนี้ ผลงานของรัฐบาลจะพลิกฟื้นได้อย่างดีมาก โดยที่ผ่านมาผลักดันนโยบายไม่ค่อยออก เพราะกลไกมหาดไทยเป็นกลไกที่สำคัญที่สุด

เมื่อถามต่อว่า ด้วยสถานการณ์ขณะนี้กังวลเรื่องนิติสงครามหรือไม่ เพราะขณะนี้มีการยื่นร้องนายกรัฐมนตรีหลายเรื่อง นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่กังวล เพราะดูจากคดีที่มายื่นแล้วไม่มีเหตุผลและหลักฐานเพียงพอ และหลายประเด็นยื่นโดยไม่มีรายละเอียด และบางเรื่องไม่ใช่ความผิดโดยตรงของนายกรัฐมนตรี จึงไม่กังวลเรื่องนี้ และเวลาที่เหลือเป็นเวลาที่ต้องทำงาน ถ้าเราสามารถผนึกกำลังรัฐบาลให้เป็นเอกภาพทั้งหมดได้ และก็ต้องการความเห็นที่เป็นเอกภาพของคนไทยทั้งหมด หากสามารถร่วมมือกันได้ ก็จะสามารถเดินต่อไปได้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาล ร่วมกัน ไม่ได้มีปัญหาที่ทำให้เป็นเงื่อนไข ให้เกิดความไม่แข็งแรงในประเทศ และตนยืนยันได้ว่า รัฐบาลกับกองทัพไม่ได้มีปัญหากัน และมีความเป็นเอกภาพ ที่ผ่านมาซึ่งได้มีการเชิญมาหารือก็ได้รับความร่วมมือมาโดยตลอด ไปจนถึงการปฎิบัติ

ส่วนการปรับรัฐมนตรีครั้งนี้ ปรากฏชื่อ นายพลฯ ที่จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม หันกลับมาถามสื่อทันทีว่า มาแทนผมหรือ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าหากมีการตั้งฝ่ายทหารมากำกับดูแลกระทรวงกลาโหมจริง พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่มี เพราะตนก็เคยคุยกับนายกว่าจะดึงทหารเข้ามาช่วยเพิ่มขึ้น

เมื่อถามว่า ตามโผที่ออกมามีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่เป็นการมาช่วยตนทำงาน เพราะตนอยากได้ทีมงานที่มาช่วยทำให้แข็งแรง ซึ่งที่ผ่านมาตนยังไม่เคยตั้งที่ปรึกษา และผู้ช่วยรัฐมนตรีเลย

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ารัฐมนตรีช่วยฯ จะเลื่อนขึ้นไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายกรัฐมนตรี

ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีและขอให้ศาลรัฐธรรมรูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาล ให้ซ้ำเหมือนกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นคนละเรื่อง และคนละประเด็น กับกรณีของนายเศรษฐา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่สว.ต้องแก้เกี้ยว และหาทางปกป้องตัวเอง ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ และนายกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และตนก็ไม่ได้อยากให้ใช้คำว่านิติสงคราม เพราะไม่ได้รบกัน แต่เป็นเรื่องของการใช้บทบาทในการฟ้องร้องตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นผู้รักษาความยุติธรรมต้องพิจารณาและตัดสินมาเท่านั้นเอง และเราก็ต้องชี้แจง ไปในประเด็นต่างๆ เหมือนตนที่เคยถูกฟ้องให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ก็ทำหนังสือยื่นไป ไม่มีอะไรก็ทำหน้าที่ต่อ

เมื่อถามว่า แสดงว่ายังมั่นใจใน เสถียรภาพ ของรัฐบาลใช่หรือไม่ แม้บางพรรคจะกระโดดลงเรือออกไป นายภูมิธรรม ตอบว่า มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าจะเดินได้อย่างแข็งแรง หลังการปรับคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้ เสร็จเรียบร้อย จะเห็นการทำงานในมิติใหม่ที่ต่างไปจากเดิม.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]

นายกฯ สั่งเข้มปราบแก๊งคอลฯ ลุยสกัดตามแนวชายแดน

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ เรียกถกมาตรการแก้อาชญากรรมข้ามชาติ สั่งทุกฝ่ายเข้มปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อเนื่อง หลัง UN ชี้กัมพูชาเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก ย้ำสกัดตามชายแดนต่อเนื่อง เผยกัมพูชาเสียรายได้ 30,000 ล้านบาท ลั่นเขาเสียรายได้เท่าไหร่ สะท้อนประชาชนเราปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนกองทัพ รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุม ว่า ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ความเชื่อมั่นของประเทศในระดับนานาชาติ รัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว และเห็นผลเป็นอย่างมาก โดยการปราบปรามของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้คดีของการฟ้องร้องเรื่องการถูกหลอกจากคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตามที่สหประชาชาติมีข้อสรุปบอก […]

กัมพูชาประท้วงไทยกรณีแจ้งดำเนินคดี ‘ฮุน เซน’

พนมเปญ, 23 มิ.ย. – กัมพูชายื่นเรื่องร้องเรียนทางการไทย หลังไทยแจ้งดำเนินคดีกับนายฮุน เซน นอกจากนี้ยังมีคำเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทยด้วย กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ส่งบันทึกทางการทูตที่มีถ้อยคำแข็งกร้าวถึงสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญเพื่อประท้วงกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เอาผิดกับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยคลิปเสียงสนทนากับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าการปล่อยคลิปเสียงเป็นภัยต่อความมั่นคง และสร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาระบุว่า ต้องการเน้นย้ำว่าบันทึกการสนทนาระหว่างผู้นำประเทศถือเป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างหลักประกันด้านความถูกต้องแม่นยำและโปร่งใส และว่าการแจ้งดำเนินคดีของนายสมคิดเป็นการกระทำที่มีแรงจูงใจทางการเมืองซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างไทยกับกัมพูชา และยังทำลายหลักการความเสมอภาคของอธิปไตย ตลอดจนความเคารพซึ่งกันและกันตามที่บัญญัติไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ พร้อมกันนี้กัมพูชาขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้มาตรที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขและป้องกันการกระทำใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ฉันมิตรอันยาวนานระหว่างไทยกับกัมพูชา อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกคำเตือนพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น และขอให้ชาวกัมพูชาที่อยู่ในไทยติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิด และให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงอันตราย เช่น พื้นที่ทีการชุมนุมทุกชนิดเพื่อความปลอดภัย ส่วนกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชาก็ออกมายืนยันว่า กัมพูชามีขีดความสามารถในการจัดหาเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศอย่างแน่นอน หลังจากที่นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรี ประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทยทั้งหมด ซึ่งมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา.-816.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 รอฟังนายกฯ ยกระดับชายแดนไทย-กัมพูชา

กองทัพบก 23 มิ.ย.-มทภ.2 เผยรอฟังนายกฯ ยกระดับมาตราการชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ ชี้อนาคตหากสู้รบ ต้องปิดด่านตลอดแนว ขอคนไทยสามัคคี ในห้วงประเทศวิกฤติ ขอให้มั่นใจทหารอยู่เคียงข้างประชาชน ชายแดนไทยเราปลอดภัยแน่นอน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกโดยมี พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมว่า สำหรับเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ผบ.ทบ.ท่านนั้นเชื่อมั่น กองทัพภาคที่2 ในการทำหน้าที่อยู่แล้ว โดย ผบ.ทบ. ได้เน้นย้ำในเรื่องความรักความสามัคคี มุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และดูแลประชาชนตามแนวชายแดนให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าได้มีการทำความเข้าใจกับประชาชน ที่ไปทำกิจกรรมหรือทำสัญลักษณ์แสดงความรักชาติในพื้นที่ หรือไม่เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากับประชาชนชาวกัมพูชา โดย พล.ท.บุญสิน ระบุว่าเรื่องนี้เราได้มีการชี้แจงมาโดยตลอดการอนุญาตให้ประชาชนได้ขึ้นไปในพื้นที่ต่างๆ เป็นไปตามห้วงเวลาและจะมีการประสานแจ้งให้อีกฝั่งรับทราบเช่นกัน เมื่อถามว่ากรณีที่ทางฝั่งกัมพูชาได้มีการเพิ่มกำลังและอาวุธหนักเข้าพื้นที่เพิ่มเติมขึ้นนั้น พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการทหารถือเป็นการชิงความได้เปรียบ ซึ่งเราพร้อมอยู่แล้วที่จะดูแลสถานการณ์ตามแนวชายแดน และยืนยันว่าไม่มีความประสงค์ที่จะปะทะกันด้วยอาวุธ แต่เป็นเรื่องของยุทธวิธีทางฝั่งกัมพูชา เมื่อถามว่า ส่วนวันนี้ที่นายกรัฐมนตรีได้มีการเรียกหน่วยงานความมั่นคงนั่นอาจมีการยกระดับมาตรการตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า คงต้องรอให้ได้ข้อยุติจากนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะออกมาในทิศทางใดนั้น เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดในอนาคตว่าอาจต้องปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชาตลอดนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า […]