คปท. จ่อเคลื่อนมวลชนไป รทสช. 25 มิ.ย. กดดันให้ถอนตัวพรรคร่วม

กทม. 21 มิ.ย.-คปท.เตรียมชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย.นี้ เชื่อ นายกฯ ไม่ลาออกแน่ เตรียมเคลื่อนมวลชนไปพรรครวมไทยสร้างชาติ 25 มิ.ย. กดดันให้ถอนตัวจากพรรคร่วม มอง นายกฯ ไปหาแม่ทัพภาคที่2 แค่กลบกระแสความขัดแย้ง

การชุมนุมของกลุ่ม คปท. และกองทัพธรรม บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออก โดยตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา แกนนำและแนวร่วมสลับกันขึ้นปราศรัย ถึงข้อเรียกร้องในการให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกและให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว ซึ่งมีมวลชนทยอยกันมาร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้พื้นที่การชุมนุมบริเวณบนทางเท้าและหนึ่งช่องการจราจรบนถนนพิษณุโลก


ไฮไลท์ของกิจกรรมวันนี้ มีการนำผ้าสีขาวมาเขียนข้อความระบายความในใจถึงนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ก่อนจะนำไปทำกิจกรรมในวันที่ 24 มิ.ย. รวมถึงมีการล่ารายชื่อมวลชนที่ต้องการให้นางสาวแพทองธารลาออกจากตำแหน่งด้วย และในวันนี้ ทางแกนนำกลุ่มย่อย จากการรวมตัวกันกลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีต ภายใต้ชื่อ ‘รวมพลังแผ่นดิน’ ได้มีการหารือกันช่วงบ่ายที่ผ่านมา ถึงแนวทางการทำกิจกรรมชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 28 มิ.ย. ภายหลังการแถลงข่าวร่วมกันไปเมื่อวานนี้

โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่ม คปท. บอกถึงไฮไลท์ของกิจกรรมว่า วันนี้มีการหารือกันกับกลุ่มคณะโดยใช้ชื่อกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน โดยไม่ได้มีแกนนำ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมกัน โดยผลการประชุมของวันนี้มีมติว่า จะทำการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายน โดยใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึง 21.00 น. โดยมีเนื้อหาที่สำคัญบางประการที่ต้องเปิดเผยในวันดังกล่าว เป็นขั้นตอนทางกฎหมายที่ยืนยันได้ว่านายกฯ กระทำผิดขั้นตอนและเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศกัมพูชา


ส่วนกิจกรรมก่อนวันที่ 28 มิถุนายน ทางกลุ่มได้มีการหารือกันในการชักชวนประชาชนทั้งประเทศ ให้แสดงสัญลักษณ์ ว่าเป็นฝ่ายประเทศไทย ด้วยการติดธงชาติที่รถยนต์รถจักรยานยนต์รถจักรยานหรือการแต่งกาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และร่วมกันรณรงค์ผ่านโซเชียลโดยการ ติดแฮชแทค #28มิถุนาเรามาแน่ ซึ่งเป็นการรณรงค์ร่วมกันเพื่อให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

กิจกรรมในสัปดาห์หน้าจะมีการทำกิจกรรมรณรงค์ในกรุงเทพมหานคร เพื่อเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุมกันให้มากที่สุด โดยในวันที่ 24 มิถุนายนจะทำกิจกรรมที่ทำเนียบรัฐบาล นำแผ่นผ้าที่ร่วมกันเขียนไปร้องทำเนียบรัฐบาล และนำรายชื่อไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่, 25 มิถุนายน จะรณรงค์รอบกรุงเทพมหานครและจะเดินทางไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากทางพรรคยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนว่าจะร่วมรัฐบาลต่อหรือไม่, 26 มิถุนายน จะรณรงค์ทำกิจกรรมทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ที่ศาลากลาง ในการร่วมกันร้องเพลงชาติเวลา 18.00 น. เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นฝ่ายประเทศไทย, 27 มิถุนายน จะเป็นวันที่มวลชนเดินทางมาสมทบกันที่เวทีการชุมนุม และ 28 มิถุนายน ชุมนุมใหญ่

ส่วนเนื้อหาการยกระดับการชุมนุม จะขอประกาศวันที่ 28 มิถุนายน เพราะทางกลุ่มประเมินแล้วเชื่อว่า นายกฯ คงไม่ลาออกในเร็วๆ นี้ ดังนั้นจึงต้องทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะยกระดับในรูปแบบใดจะขอประกาศในวันดังกล่าวทีเดียว ทั้งนี้คาดหวังว่าอยากให้มีมวลชนเดินมาร่วมชุมนุมกันมากที่สุด เพราะตอนนี้เริ่มมีการติดต่อมาจากพี่น้องหลายจังหวัดแล้ว


ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายกฯ จะไม่ลาออกนั้น นายพิชิต ยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกทักษิณ และนายกยิ่งลักษณ์ เขาก็ต้องการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่แล้ว และมองว่าการลาออกจะเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ และจะส่งผลต่อการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย และจะไม่สามารถกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นการดื้อดึงอยู่ไปไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทยและไม่เป็นผลดีต่อนางสาวแพทองธาร ดังนั้นการดื้อดึงเกมต่อไปมีผลเสียต่อพรรคเพื่อไทยมากกว่า ส่วนกระแสข่าวที่นายกฯ จะลาออกหลังผ่านงบประมาณ ปี 69 นั้น นายพิชิต มองว่า เป็นเพียงกระแสข่าว เพื่อลดกระแสความเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชน แต่ที่ผ่านมาเขายอมแพ้

สำหรับกรณีที่ “ฮุนเซน” ออกมาโพสต์ถึงนายกฯ อยู่เรื่อยๆ จะยิ่งเป็นแผลที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องตัดสินใจหรือไม่ นายพิชิต ตอบว่า ตั้งแต่แผลแรกแล้วที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องตัดสินใจ ดังนั้นต้องตั้งคำถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลคำนึงถึงเสถียรภาพเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรีมากกว่าประเทศไทยหรือไม่ ไม่ต้องมีคลิปหรือภาพหลุดหลังจากนี้แล้ว ใบเสร็จที่ฮุนเซนปล่อยออกมาในคลิปเสียง เป็นการบั่นทอนอธิปไตยของชาติ และหากพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันจะรักษาอธิปไตยต่อประเทศชาติ ถึงเวลาที่จะยืนฝั่งประเทศไทยด้วยการลาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ส่วนที่นายกฯ เดินทางไปพบแม่ทัพภาคที่สอง และเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี นายพิชิต มองว่า เป็นแค่การกลบกระแสข่าวความขัดแย้ง เพราะวันนี้มีความขัดแย้งอย่างชัดเจนระหว่างกับกองทัพกับรัฐบาล ซึ่งทางกลุ่มมีหลักฐานที่จะใช้เปิดในวันที่ 28 มิ.ย. “แก้วที่มันร้าวแล้วกลับมาคืนดีไม่ได้” ฝ่ายกองทัพเข้าใจเรื่องนี้และอึดอัดกับเรื่องนี้ เพียงแค่ไม่เปิดเผยความขัดแย้งออกสู่สาธารณะ

ส่วนการตอบโต้ทางเศรษฐกิจของไทยชัดเจนพอหรือยังที่ดำเนินการกับกัมพูชา นั้น นายพิชิต ระบุว่า ฝ่ายกองทัพก็เสนอเรื่องการตอบโต้ทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ตนเองคิดว่าเพื่อเป็นการรบอย่างไม่ให้เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย การตอบโต้ทางเศรษฐกิจเป็นการกดดันอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะความเสียหายจากการสูญเสียชีวิตมันเรียกคืนไม่ได้ แต่การสูญเสียทางเศรษฐกิจสามารถสร้างได้ใหม่ จึงมองว่ามาตรการทางเศรษฐกิจเป็นมาตรการหนึ่งที่กดดันกัมพูชาได้.-420.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย