“ภูมิธรรม” พรรคร่วมยังอยู่ครบ ไร้สัญญาณเปลี่ยนตัวนายกฯ

ขส.ทบ. 20 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” ชี้แค่ปรับ ครม. พรรคร่วมรัฐบาลยังอยู่ครบ ไร้สัญญาณ รทสช. เปลี่ยนตัวนายกฯ ระบุชุมนุมไล่นายกฯ เป็นสิทธิ ขอทำตามกฎหมาย เชื่อแค่ตีความต่างกัน – ปลุก รับมือภัยคุกคามนอกประเทศ


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ล่าสุดว่าได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ถึงการให้ความมั่นใจกับนายกรัฐมนตรี ว่า ท่านเป็นหัวหน้าพรรค เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้ประสานและพูดคุย เพราะท่านเป็นหัวหน้าพรรค สถานการณ์ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ลาออก ยังไม่ได้พ้นสภาพ เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะมาถามว่าตั้งใครขึ้นมาใหม่นั้นยังไม่ใช่ ตอนนี้เป็นแค่เพียงการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะปรับหรือไม่ปรับก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี รัฐบาลยังอยู่เหมือนเดิมและพรรคภูมิใจไทยได้ออกไป พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังดำเนินการอยู่ ก็เป็นการปรับกำลังให้เหมาะสมเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติใดขอให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเป็นนายชัยเกษม นิติศิริ นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินอย่างนี้ ตนคิดว่ามันจบแล้ว


เมื่อถามต่อว่าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ส่งสัญญาณมาที่พรรคเพื่อไทย หรือนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปถามนายกรัฐมนตรี แต่เท่าที่ตนได้รับทราบมา ไม่มีอะไรแล้ว

เมื่อถามว่าทุกสัญญาณที่นายภูมิธรรม ได้รับมา พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังอยู่ร่วมสนับสนุนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นอย่างนั้น

ส่วนวันนี้ยังมั่นใจพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือหรือไม่นั้นนายภูมิธรรม กล่าวว่า มั่นใจ


เมื่อถามต่อว่าจะมีใครเข้ามาเติมเสียงให้กับรัฐบาลอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อันนี้เดี๋ยวไปดูตามกระบวนการ

ส่วนจะมองว่าท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นการต่อรองหรือไม่ เพราะตามรายงานข่าวเหมือนเสนอให้เปลี่ยนตัวนายกฯ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นั่นเป็นข่าว การประชุมของแต่ละพรรคก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคที่จะพิจารณา เรื่องการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคของทุกพรรคไม่ใช่เรื่องแปลก ในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเรียกคุยกัน และเป็นสิทธิของแต่ละพรรคที่จะพิจารณาอะไรก็ได้ ก็เป็นปกติทางการเมือง เมื่อมีอะไรปรับเปลี่ยนก็ต้องคุยกัน

เมื่อถามว่าแม้รัฐบาลจะสามารถเดินต่อไปได้ แต่การที่ยังมีเสียงเรียกร้องให้ลาออก เรื่องนี้จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนคิดว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนได้ฟังคลิปร่วมกันหมดแล้ว ก็รู้ว่าไม่มีปัญหา เป็นเพียงการต่อรองทางการทูต และหากดูจากเทปจริงๆ ก็ไม่มีอะไรที่เข้าข่ายข้อหาหรือเป็นปัญหา เป็นเพียงการพูดคุย และสุดท้ายได้มีการพูดคุยว่าจะชี้แจงกองทัพว่าอย่างไร ที่บ้านพิษณุโลกได้มีการประชุมและเล่าให้ฟังทั้งหมด การที่บอกว่าไม่มีความพอใจตรงนั้นตรงนี้เป็นเรื่องที่ว่ากันไปเอง และนายกฯ ได้คุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ท่านเข้าใจในหน้าที่ สิ่งที่นายกฯ รัฐบาล กองทัพ เข้าใจตรงกันคือรักษาซึ่งอำนาจอธิปไตยของประเทศ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ได้คุยกันเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนกรณีที่ขณะนี้มีการนัดชุมนุมใหญ่จากผู้ที่ไม่พอใจในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เป็นไรการแสดงออก ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

เมื่อถามย้ำว่าได้ประเมินสถานการณ์ว่าการชุมนุมจะบานปลาย หรือจุดติดหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเมินกันว่ารัฐบาลยังทำหน้าที่ต่อได้ และเพื่อความมั่นคงของประเทศ ทุกคนประเมินว่าขณะนี้ เป็นภัยจากความมั่นคงคุกคามจากนอกประเทศ ซึ่งต้องให้ความสำคัญตรงนี้ และต้องพิจารณาข้อมูลทุกวัน ความไม่พอใจในประเทศก็น่าจะมีโอกาสลดลงได้ ถ้ามาดูกันจริงๆ แล้วไม่ได้เป็นไปอย่างที่มีการพูดกัน นายกรัฐมนตรีมีคำไหนข้อไหนที่จะไปฟ้องได้ไม่มี

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะรองนายกรัฐมนตรีดูแลฝ่ายความมั่นคง คิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อเรียกความเชื่อมั่น ของนายกรัฐมนตรีจากประชาชน ให้กลับคืนมาได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวลาที่ผ่านไปและสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจทำงาน และสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากการตีความที่แตกต่างกันออกไป หรือเข้าใจผิด ก็เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่หากตั้งสติดีๆ แล้วจะเห็นว่าเวลานี้เป็นเรื่องจากภายนอกที่พยายามจะให้ภายในของเราอ่อนแอ รัฐบาลไม่มั่นคง ก็จะมีผลเสียหายต่อประโยชน์ของประเทศ ถ้าเข้าใจตรงนี้จะรู้ว่าเรื่องในประเทศเป็นเรื่องตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องนอกประเทศสำคัญกว่า

เมื่อถามว่ารัฐบาลไทยควรขึ้นบัญชีดำสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่าควรจะคบอีกต่อไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ทำหน้าที่ตามขั้นตอน จากเบาไปหาหนัก ซึ่งเรายึดมั่นในหลักการสากล หลักการของการต่างประเทศตรงนี้ไม่มีปัญหาอะไร -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]