ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน ลงนาม MOU 29 ฝ่าย เชื่อมฐานข้อมูลกลุ่มเปราะบาง-คนพิการ-ผู้สูงอายุ ชี้ลดความซ้ำซ้อน สร้างความเป็นธรรม เพิ่มศักยภาพกลุ่มเปราะบาง เข้าถึงสวัสดิการของรัฐได้อย่างแท้จริง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ “การเชื่อมโยงและปรับปรุงฐานข้อมูลประชาชนในกลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนพิการ และการจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุตามสิทธิ สวัสดิการ ที่จะได้รับรายบุคคล เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่ขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุ” ระหว่าง 29 ฝ่าย ได้แก่ 15 กระทรวง 14 หน่วยงาน โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข และนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมเป็นสักขีพยาน
การลงนามครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบของกระบวนการทำ ข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูล โดยคำนึงถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลเป็นสำคัญ ด้วยเป้าหมายตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ซึ่งรัฐมีข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียวเพื่อวางแผนการช่วยเหลืออย่างแม่นยำ และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับกลุ่มเปราะบางต่อไป

นายวราวุธ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายกฯ ได้เสนอให้บูรณาการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนกลุ่มเปราะบางและคนพิการของหน่วยงานต่างๆ ให้มีความเชื่อมโยง ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นระบบเดียวกัน เพื่อจะได้นำฐานข้อมูลมาใช้ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2567 ภายหลังจากดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ พบว่ามีข้อมูลประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนพิการอยู่ในฐานข้อมูลหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้เกิดปัญหาข้อมูลไม่ครบถ้วน และซ้ำซ้อนกัน จึงมอบหมายให้ พม.เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) สขญ.หรือ สนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว และได้บูรณาการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนกลุ่มเปราะบางและคนพิการ เมื่อเดือน พ.ย. 67 ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา ได้กำหนดการเชื่อมโยงและปรับปรุงฐานข้อมูลประชาชนกลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย กลุ่มคนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อย และออกแบบ
การบูรณาการ 5 ด้าน คือ ด้านรายได้ , การมีงานทำ , สุขภาพ ,การศึกษา , สวัสดิการสังคม โดยมุ่งให้เกิดการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด One Data for All Rights : การบูรณาการเพื่อสิทธิประชาชน ซึ่งในระยะต่อไปนั้นข้อมูลที่ได้มาจะไม่เป็นเพียงแค่การเชื่อมโยง แต่จะนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องกล เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการ และช่องว่างของบริการ ทำให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างตรงความต้องการเฉพาะรายบุคคล ส่งผลให้สามารถเข้าถึงบริการได้มากขึ้น โดยใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์และออกแบบจาก สขญ. และการลงนามครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบของกระบวนการทำข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับกลุ่มเปราะบาง ให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาลงนามบันทึกความเข้าใจซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานข้อมูล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และจากที่เดินดูบูธของกระทรวงต่างๆทั้ง 5 บูธ ได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เพื่อเป็นฐานข้อมูลร่วมกันและเป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นมีความชัดเจน หาง่ายลดความซับซ้อนได้มากขึ้นการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากันทำให้รัฐประหยัดเวลา สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เมื่อเรามีข้อมูลและทำงานบูรณาการร่วมกัน จะช่วยใน 3 มิติ คือ ลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณและทรัพยากรของรัฐให้คุ้มค่ามากขึ้นในการลงพื้นที่รวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์จะชัดเจนและลดภาระการคลังของรัฐ มิติ2คือการสร้างความความเป็นธรรม ลดการตกหล่นของประชาชนในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน เพราะหลายครั้งพบว่า ผู้ที่สมควรได้รับการช่วยเหลือและการสนับสนุนจากรัฐ แต่รายชื่อไม่ได้อยู่ในระบบทั้งกลุ่มยากจนจริง แต่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนพิการที่ไม่เคยขึ้นทะเบียน กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ได้รับสวัสดิการของรัฐ ครั้งนี้จะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้กลับมาอยู่ในสายตาของภาครัฐมากขึ้น และมิติที่ 3 คือการส่งเสริมศักยภาพของประชาชนอย่างตรงจุด เมื่อมีข้อมูลรายบุคคลรายพื้นที่ จะทำให้ทราบว่ากลุ่มเปราะบางมีเท่าไหร่และอยู่ตรงไหน เพื่อให้รัฐจำแนกและเข้าไปช่วยเหลือได้ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง จะได้จัดสรรเครื่องมือลงไปถึงอย่างพอเพียงและครบถ้วน นอกจากนั้นยังส่งเสริมเข้าถึงอาชีพ หาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว นอกจากเข้าถึงสิทธิของรัฐยังเปิดโอกาสให้เข้าถึงในเรื่องต่างๆอีกด้วย
“การทำงานแบบบูรณาการ จะทำให้มีข้อมูลมากขึ้นและตอบโจทย์ เมื่อกระทรวงต่างๆร่วมกันจะทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่ตนอยากให้มีวัน สต็อปเซอร์วิส ในเรื่องของเอกสาร ในการขอสวัสดิการของรัฐเรื่องนี้จะต้องรีบทำ เพื่อลดขั้นตอนและเวลาในยื่นเอกสารการขอสวัสดิการของรัฐ สร้างความสะดวกสบายให้กับประชาชนมากขึ้น เมื่อภาครัฐมีการบูรณาการจะเกิดประโยชน์กับประชาชน และจะต้องทำอย่างต่อเนื่องต่อไป วันนี้มีระบบข้อมูลที่เป็นบิ๊กดาต้าการรวบรวมข้อมูลของประชาชนจะทำให้เข้าถึงบริการของรัฐอย่างแท้จริง” นางสาวแพทองธาร กล่าว -สำนักข่าวไทย