“บิ๊กเล็ก” ประชุมทีมไทยแลนด์ทุกวัน จวกนักวิชาการดีแต่ติง

ทำเนียบ 17 มิ.ย.-“บิ๊กเล็ก” เตรียมประชุมทีมไทยแลนด์ทุกวัน รับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยอมรับประชุม RBC ล้ม “กัมพูชา” ขอเลื่อนไม่มีกำหนด ปอยเปตไฟดับไม่เกี่ยวไทยตัดไฟ ไทยมุ่งเน้นแต่สันติวิธี จวกนักวิชาการดีแต่ติง

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ เปิดการประชุมเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา “ศบ.ทก” เผยภายหลังการประชุมนัดแรกหลังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการว่า จะเป็นการบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะงานระยะยาว ซึ่งที่ประชุมจะทำหน้าที่แก้ไขปัญหาหากเกิดเหตุการณ์ในระยะสั้น ส่วนระยะยาวนั้นจะเป็นการสนับสนุนกระบวนการเจรจาแบบทวิภาคี และติดตามกระบวนการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ทำหน้าที่สนับสนุนหากได้รับการร้องขอจากกระทรวงการต่างประเทศ โดยจะมีการประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ในช่วงเวลา 09.30 น. ยกเว้นวันอังคารที่จะมีการประชุมในเวลา 13.30 น. และหลังการประชุมจะมีการแถลงข่าวและมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT เพื่อสื่อสารตรงไปยังประชาชน


สำหรับการสื่อสารในครั้งนี้จะทันต่อสถานการณ์หรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กระบวนต่างๆได้มีการคิดไว้แล้วหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2568 หลังจากนี้หากมีความเห็นชอบเพิ่มเติมจะส่งให้นายกรัฐมนตรี เพื่อลงนามให้ความเห็นชอบได้ทันที แต่ถ้าหากมีเรื่องไหนที่จะต้องเข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และที่ประชุม สมช.ก็จะเป็นงานอีกระดับหนี่ง แต่ส่วนใหญ่ที่ประชุม สมช.นั้น ได้พิจารณาให้อำนาจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้หมดแล้ว

สำหรับการประชุมชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27-28 มิ.ย.นี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทางกัมพูชาได้แจ้งมาว่าขอเลื่อนการประชุมไปก่อน โดยที่ไม่ได้แจ้งเหตุผล ย้ำว่าการพูดคุยระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นการพูดคุยทุกระดับทั้งระดับรัฐบาล กองทัพ และนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงระดับกระทรวง ซึ่งการประชุม RBC ประธานที่ประชุมเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งไม่ใช่ว่าแม่ทัพภาคที่ 2 จะไปคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชาได้เลย ทั้งหมดจะต้องผ่านการพูดคุยของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายแล้ว ดังนั้นทีมไทยแลนด์ มีหน้าที่ในการช่วยสนับสนุนการหารือ เช่น ให้นายกรัฐมนตรีทำการติดต่อกับผู้นำระดับสูงของกัมพูชา ซึ่งในการประชุม RBC มีเรื่องเดียว คือการปรับกำลังกองทัพ


ส่วนที่ทางกัมพูชาได้ขอเลื่อนการประชุมไปนั้น เป็นการแสดงถึงท่าทีไม่ต้องการเจรจาในระดับทวิภาคีหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จริงๆ แล้วอาจจะเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกัน มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะว่าการสื่อสารฝั่งไทยให้เสรีภาพกับทุกภาคส่วน จนทำให้กัมพูชาเกิดความสับสนว่าข่าวใดมาจากรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการสื่อสารกลับไปแล้วว่าผู้บริหารควรฟังจากปากผู้บริหาร จึงจำเป็นต้องใช้ช่องทางหลักจากการแถลงข่าวของศูนย์นี้ เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชนคนไทยที่มีผลกระทบไปถึงฝั่งกัมพูชาด้วย

สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดที่กองกำลังบูรพาได้ออกมาตรการห้ามคนไทยข้ามไปทำงานในบ่อนฝั่งกัมพูชานั้น ล่าสุดสถานการณ์ที่หน้าด่านเป็นอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน เพราะวันนี้เป็นวันแรกในการยกระดับความเข้มข้น ซึ่งจริงๆ แล้วกองกำลังบูรพาได้รับการตอบรับจากฝั่งกัมพูชาในบางจุดของกองกำลังป้องกันชายแดน จ.จันทบุรี และจ.ตราด ที่มีการปิดด่านไม่ให้รถขนส่งผักและผลไม้ของไทยเข้าไปได้ แต่รถขนส่งของกัมพูชาข้ามมายังไทยได้ พื้นที่จึงออกมาตรการดังกล่าวเพื่อตอบโต้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นอำนาจที่ของ สมช.อยู่แล้ว หลังจากนี้ทีมไทยแลนด์ จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานถึงมาตรการการตอบโต้กลับ

ส่วนกรณีชายแดนด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ-ปอยเปต ที่ทางฝั่งกัมพูชา มีการตัดไฟจากสายไฟประเทศไทย ไปใช้สายไฟของเวียดนามแทน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เบื้องต้นประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่เรายืนยันจะไม่ใช้มาตรการ ตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งจะทำให้แนวทางสันติวิธีที่กระทรวงการต่างประเทศที่ได้ขอมานั้นไม่เกิดผล เราจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อประชาชนตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งทั้งคนจาก 2 ประเทศเราจะพิจารณาให้รอบคอบ ส่วนที่มีการตัดไฟของเขาเองคนกัมพูชาก็ได้รับผลกระทบ ส่วนใครจะได้รับประโยชน์จากการใช้ไฟฟ้าของเวียดนามก็เป็นเรื่องของกัมพูชา ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้มีคำสั่งตัดไฟฟ้า ทั้งในระดับนโยบายไม่มีแน่นอน รัฐบาลไม่มีคำสั่งให้มีการตัดน้ำตัดไฟ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่กระแสข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะเดิมเป็รมาตรการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำหนดไว้ว่าจะมีการตัดไฟในบางจุดเท่านั้น


เมื่อถามว่าสมเด็จฮุนเซน ได้ออกมาแฉถึงนักการเมืองไทยบางคนที่เคยหลบหนีเข้ามาในกัมพูชา ในช่วงรัฐประหาร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะตนเป็นฝ่ายรัฐบาล ขอให้ไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงไปถามสมเด็จฮุนเซน เอง

เมื่อถามว่าฝั่งกัมพูชายืนยันว่าได้หันปากกระบอกปืนมาที่ประเทศไทย เป็นขั้นตอนของการป้องกันมาตุภูมินั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว เพราะประเทศไทยก็หันปากกระบอกปืนไปที่กัมพูชาเหมือนกัน

ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว พล.อ.ณัฐพล แสดงความคิดเห็นกับสื่อมวลชนว่า ในอนาคตจะมีการจัดเวทีสัมมนาโดยประสานงานกับสมาคมสื่อมวลชน เพื่อเชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชา ว่าตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศคนละทาง ทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนมีความเชื่อต่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำงานไปตามแนวนักวิชาการคนอื่นก็ถูกต่อว่า ดังนั้นจึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายๆ คนมาเป็นข้อสรุปเพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากได้ข้อสรุปก็จะนำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]