สว.สำรอง ยื่น 5 ไม่ ให้ กกต. ในคดีฮั้วเลือก สว.

กกต. 17 มิ.ย.-สว.สำรอง ยื่น 5 ไม่ ให้ กกต. ในคดีฮั้วเลือก สว. มองมีชื่อแกนนำ-กก.บห.พรรคดัง ชี้ชัดเอี่ยวฮั้ว พร้อมแนะฟ้องกลับหลังศาลยกคำร้อง

กลุ่ม สว.สำรอง และอดีตผู้สมัคร สว. นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อติดตามการทำงานของ กกต. ที่มีต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ในคดีฮั้วเลือก สว. โดยพล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการของคณะสืบสวนไต่สวนคณะที่ 26 ได้ดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการออกหนังสือเรียกผู้เกี่ยวข้องมาแก้ข้อกล่าวหาได้ถึง 162 คนและคาดว่าจะครบจำนวนในเร็ววันนี้ การดำเนินการตามกระบวนการต่อจากนี้จะเป็นการนำเสนอไปยังฝ่ายกฎหมายคณะอนุวินิจฉัย คณะ กกต. และจากการดำเนินการมาจนถึงปัจจุบันทราบว่ามีความพยายามของกลุ่มคนบางกลุ่มที่ทำให้การทำงานของคณะสืบสวนไต่สวนฯ ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการใช้กลวิธีต่างๆเพื่อที่จะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม


ฉะนั้นกลุ่ม สว.สำรอง และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง จึงมาวันนี้เพื่อเรียกร้องต่อ กกต. ให้ยืนยันและปฏิบัติตาม 5 ไม่ คือ1. ไม่ฟังเสียงสั่งการ หรือข้อขอร้องใดๆ จากผู้หนึ่งผู้ใดที่อาจจะแอบอ้างสั่งการ หรือแอบอ้างชื่อเพื่อให้การกระทำที่นอกเหนือไปจากข้อเท็จจริง หรือความจริงที่เกิดขึ้น ขอให้ยึดมั่น ตัดสินอย่างตรงไปตรงมา 2.ไม่รับคำร้องขอหรือรับสิ่งตอบแทนใดๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมจากผู้ใด เพื่อกระทำการหรืองดเว้นการกระทำการนอกเหนือไปจากหน้าที่รับผิดชอบในการที่จะรักษาไว้ซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรม เพื่อให้การตรวจสอบการทุจริตเกี่ยวกับการเลือก สว.ครั้งนี้ให้เป็นไปตามกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างเที่ยงธรรมจนเสร็จสิ้นกระบวนการ

3.ไม่กระทำการสิ่งใดที่นอกเหนือจากหน้าที่รับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะมีแรงร้องขออ้อนวอน หรือแรงกดดันใดๆ โดยตระหนักอยู่เสมอในจิตมโนสำนึกในการรักษาไว้ ซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมายตามคำขวัญของสำนักงาน กกต. 4.ไม่ลาออกก่อนกำหนดไม่ว่าด้วยเหตุผล หรือกรณีใดใดเพื่อคงไว้ซึ่งการดำเนินการตามภารกิจที่รับผิดชอบในการตรวจสอบการทุจริตในการเลือก สว. ให้เสร็จสิ้นโดยต้องรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิของตนและครอบครัวตลอดจนองค์กรคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ท่านเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรและเป็นแบบอย่างให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งปวง


และ 5.ไม่ละทิ้งหน้าที่และประชาชนโดยต้องควบคุมสอดส่องการปฎิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ ในการตรวจสอบการทุจริตการเลือก สว.ครั้งนี้ให้สามารถดำเนินไปได้โดยปราศจากอุปสรรคใดๆ และสนับสนุนอนุเคราะห์การดำเนินการผู้รับผิดชอบตลอดจนปกป้องและขัดขวางจากผู้ไม่หวังดีต่อกรณีกล่าวหาหรือร้องเรียนต่างๆ

เมื่อถามว่าการที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมถึงพรรคการเมืองเข้ารับทราบข้อหาเป็นเครื่องบ่งชี้ได้หรือไม่ว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั๊วเลือก สว. พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า จากปรากฏการณ์ที่คณะสืบสวนฯทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา ก็เป็นเครื่องบ่งชี้อย่างหนึ่งว่าบุคคลทั้ง 162 คน ตั้งแต่ล็อต 1 – 7 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการเลือก สว. ที่ผ่านมา ไม่อย่างไรก็อย่างหนึ่งแน่นอน คงจะเป็นลักษณะ 2 ส่วนส่วนแรกคือบุคคลที่ได้เป็น สว.ได้มาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ส่วนบุคคลที่ไม่ได้เป็น สว. คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกระทำผิดตามที่ระบุไว้ตามมาตรา 77 พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. กรณีบุคคลสั่งให้กระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมถึงมาตรา 76 ที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองโดยใช้สถานะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ส่วนจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องของพยานหลักฐานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน

เมื่อถามว่ามองว่าการที่พรรคการเมืองดังกล่าวฟ้องกลับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 จะทำให้การตรวจสอบเกิดข้อสะดุดหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การฟ้องกลับควรฟ้องกลับก็ต่อเมื่อการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาไปถึงศาล แล้วศาลยกว่าที่ฟ้องมาไม่ผิด จึงจะมีความเหมาะสมถ้าจะฟ้องกลับ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาว่าถูกผิดอย่างไร แล้วใช้วิธีฟ้องกลับตนคิดว่าอาจจะฟังได้ส่วนจะสมเหตุสมผลหรือไม่คงต้องไปตรวจสอบกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น


“หากท่านอดทนรออีกสักนิดนึง รอให้ท่านไปแก้ข้อกล่าวหา แก้ได้ ไม่ได้ หากไปถึงชั้นศาลแล้ว ศาลฟังท่านแล้วยกคำร้องของคณะกรรมการสืบสวนฯ ก็แปลว่าท่านชนะ ท่านก็อาจใช้ประเด็นนั้นฟ้องกลับ ผมว่าน่าจะเหมาะสมที่สุด” พล.ต.ท.คำรบกล่าว

เมื่อถามว่าที่ปรากฏรายชื่อแกนนำและผู้บริหารพรรคการเมืองร่วมอยู่ด้วยหมายความว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่เกี่ยวข้องกับพรรคแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าน่าจะที่สุดแล้วจากที่เห็นรายชื่อที่ปรากฏออกมา ซึ่งดูแล้วอาจจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง คาดว่าน่าจะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญที่สุดของพรรค

เมื่อถามว่าข้อมูลของกลุ่ม สว.สำรอง ที่มียังมีรายชื่อบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นอกเหนือจากรายชื่อที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 แจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า มีข้อมูลอื่น แต่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องของ สว.โดยตรง ซึ่งในส่วนการดำเนินการทั้งหมดยังเกี่ยวข้องไปตั้งแต่ผู้สนับสนุนการเลือก การเลือกไขว้ มีการว่าจ้างตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ซึ่งยังมีอีกหลายส่วนเช่นกัน แต่ตนเข้าใจว่าในขั้นแรกคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนอาจจะมุ่งไปถึงคณะ สว.ตัวจริงที่อยู่ในสภาที่มีที่มาที่ไป อาจจะไม่สุจริตเที่ยงธรรมก่อน เพราะเป็นเรื่องของเกี่ยวกับการเลือก สว. และหลังจากนี้ยังมีข้อหาอั้งยี่ ฟอกเงิน รวมถึงอาจจะมีข้อหา มาตรา 116 ข้อหาให้ประชาชนกระทำความผิด ซึ่งในส่วนนี้ยังมีคณะกรรมการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มีอธิบดีดีเอสไอเป็นประธาน เข้าใจว่าหลังจากเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว.เมื่อได้ข้อสรุปเห็นภาพชัดเจน คณะทำงานร่วมกับกกต.ก็จะไปสวมหมวกเป็นคณะกรรมการในชุดที่มี 41 คน จะไปดำเนินการในเรื่องของเรื่องอั้งยี่ซ่องโจรต่อไป

ด้านนายพิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร ได้ร้องเพลงเนื้อหาว่า “สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ หรือว่ากันตัวไว้เป็นพยาน เอายังไงดี ออยู่ดีๆ ก็สะดวกดำเนินคดีเสียอย่างนั้น อยู่ดีๆ ก็จะเข้าไปกินข้าวแดงซะงั้น อออก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นอย่างนี้ ก็ไม่คิดว่าจะมีใครจับได้ไล่ทัน อิอก็คิดว่าแบ็ค ใหญ่แบ็คดีแต่ตอนนี้แบตก็ยังจะแย่”.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]