รัฐสภา 17 มิ.ย.- “มงคล” เปิด “ล้งวุฒิสภา” รับซื้อ-กระจายขายผลไม้ รับมือปัญหาผลไม้ล้นตลาด เมินกัมพูชาแบนสินค้าเกษตรไทย เย้ยแค่ตลาดท้องถิ่น ไม่ใช่ตลาดใหญ่
วุฒิสภาจัดกิจกรรม “ไทยช่วยไทย ร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ของชาติ” โดยนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภากล่าวว่า ในฤดูกาลผลิตปีนี้สภาพดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีจำนวนมาก เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง มังคุด เงาะ ทุเรียน เป็นต้น ทำให้ผลไม้ตามฤดูกาลมีราคาตกต่ำ ประกอบกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณ ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชา ได้ออกมาตรการงดนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ที่อาจได้รับผลกระทบต่อเกษตรกรไทย
นายมงคล กล่าวว่า ทางวุฒิสภาพร้อมประสานความร่วมมือกับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบหาทางระบายผลผลิตทางการเกษตรในราคาที่ยุติธรรม เนื่องจากรัฐสภามีสถานที่ขนาดใหญ่ มีบุคลากร รวมกว่า 5,000 คน สามารถรองรับช่วยเหลือได้ ในวันนี้มีการนำมังคุด1,000 กิโลกรัม มะม่วงน้ำดอกไม้ 300กิโลกรัม และทุเรียน100กิโลกรัม มาจำหน่ายภายในพื้นที่รัฐสภา หากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจะมีการขยายผลในระยะต่อไป
นายมงคล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้วุฒิสภายังเตรียมร่วมกับกลุ่มมิตรภาพ พร้อมประสานกับสถานทูตประเทศต่างๆ เพื่อมอบผลไม้ไทยเป็นของฝากและประชาสัมพันธ์คุณภาพผลผลิตของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ โดยอาศัยเครือข่ายกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาต่างประเทศเป็นตัวกลางเชื่อมโยง
“วุฒิสภาพร้อมเป็นสื่อกลาง และใช้สถานที่ภายในรัฐสภาซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ในการรองรับผลผลิตทางการเกษตรของพี่น้องเกษตรกร เพราะนี่คือหน้าที่ที่เราต้องร่วมกันช่วยเหลือในช่วงเวลาวิกฤต และขอเชิญสื่อมวลชนและประชาชนร่วมเป็น กำลังใจและสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยใน เพื่อยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกรไทย เราจะจัดกิจกรรมดังกล่าวไปเรื่อยๆ เพื่อระบายสินค้าโดยเฉพาะสินค้า และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาไทย จะมีการจัดจำหน่ายสินค้าทุกเดือน โดยกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา เป็นเจ้าภาพหลัก อย่าลืมว่า สว.มาจากทุกสาขาอาชีพ รวมถึงอาชีพเกษตรกรเกษตรกรด้วย“ นายมงคล กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะนี้กัมพูชาปิดกั้นการนำเข้าผัก ผลไม้จากประเทศไทยแล้วจะช่วยเกษตรกรอย่างไร นายมงคลกล่าวว่า หากที่ไหนถูกปิด ที่ไหนขายไม่ได้ ให้เอามาที่รัฐสภา เราขายแป๊บเดียวก็หมดแล้ว วันนี้ที่เอามาก็ไม่พอขาย
ส่วนการปิดการปิดด่านในครั้งนี้จะมีผลกระทบมากหรือไม่ นายมงคลกล่าว่า ตนได้สอบถามทาง ราชการจังหวัดตามชายแดน แล้วพบว่ามีผลกระทบไม่มากเพราะเกี่ยวข้องกับกำลังซื้อ เพื่อนบ้านเองก็มีการผลิตผลผลิตทางการเกษตรเช่นกัน
เราจึงไม่ได้ส่งผลผลิตทางการเกษตรไปกัมพูชาเป็นหลัก เป็นเพียงแค่ตลาดท้องถิ่น.-319.-สำนักข่าวไทย