ทำเนียบ 17 มิ.ย.-“อนุทิน” ยันไม่คืนเก้าอี้ “มหาดไทย” แน่ ย้ำข้อตกลงเดิมที่จัดตั้งรัฐบาล แต่หากโดนยึด พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ตั้งคำถาม นายกฯ หรือใครต้องการมหาดไทยกันแน่ บอกภูมิใจไทย หนุนนายกฯ-รัฐบาล ออกนอกหน้า ยืนเคียงข้างทุกสถานการณ์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ ถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี โดนย้อนถามว่า เมื่อกี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้สัมภาษณ์หรือ
เมื่อถามว่า ข้อสรุป 2 กระทรวง แลก 1 กระทรวงนั้นจริงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนายกฯ บอกว่า ไม่มี แล้วใครจะบอกว่ามี
ส่วนที่่นายกรัฐมนตรี บอกว่า รัฐมนตรีต้องพร้อมทำงานทุกกระทรวง มีนัยอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐมนตรีก็ต้องพร้อมทำงานตลอดเวลา ถูกต้องแล้ว
ส่วนเรื่องสัญญาใจ จะต้องยึดตามโควตาที่เคยตกลงกันไว้หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างพวกเราไม่ต้องมีเอ็มโอยู สมัยก่อนที่จะมารวมกันในขั้วนี้ ก็ใช้เวลาเดือนกว่า กว่าจะทำเอ็มโอยูกับพรรคก้าวไกล ซึ่งมันเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ของพวกเราเป็นคนคุ้นเคย
“ตอนที่ที่ท่านเชิญไปที่พรรคเพื่อไทยที่ไปกินช็อกโกแลตมินต์ เรื่องเอ็มโอยูไม่จำเป็น ความเข้าใจความเชื่อมั่นนั้นสำคัญกว่า ถ้าไม่เป็นไปตามข้อตกลงอีกหน่อยตั้งรัฐบาลก็ลำบาก เพราะต้องมานั่งเขียนสัญญากัน ยุ่งตายเลยเลือกตั้งเสร็จ แทนที่จะเร่งตั้งรัฐบาลจะต้องมานั่งดู อีกหน่อยต้องมานั่งเขียนว่าจะอยู่กันอย่างไร ต้องสนับสนุนกันอย่างไร มีการเปลี่ยนได้หรือไม่ เราไม่น่าจะทำอย่างนั้นนะ” นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ การปรับครั้งนี้ไม่ได้ทำตามข้อตกลงเดิม จะยุ่งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ของตนไม่ยุ่งแน่นอน ก็ตนบอกไปแล้ว
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทย พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ถ้าไม่ได้กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า ใช่ครับ
เมื่อถามว่า ต้องรักษาเก้าอี้มหาดไทยไว้ให้ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ครับ เป็นไปตามข้อตกลงของการจัดตั้งรัฐบาล
ทั้งนี้ อยู่ในการเมืองมานาน อ่านเกมออกหรือไม่ว่า ตอนนี้เพื่อไทยเขาไม่ให้กระทรวงมหาดไทยแน่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีเกมอะไร ภูมิใจไทยไม่ให้แน่ อยู่กับตน จะไม่ให้ได้อย่างไร ข้อตกลง มันยังเป็นข้อตกลงอยู่ และตนให้ความเคารพนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า สองผู้นำจิตวิญญาณ นายเนวิน ชิดชอบ และนายทักษิณ ชินวัตร ว่าอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงไหน จะไปไหน อยู่ที่ตน พร้อมย้ำถึงเหตุผลที่อยากให้มหาดไทยอยู่กับภูมิใจไทยว่า เป็นไปตามข้อตกลง ข้อตกลงแปลว่าอะไร คือให้ดูแลกำกับกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ และยังไม่ได้มีการกระทำใดๆ ที่เสียหาย ต้องไปดูผลโพลของมหิดล ก็มีความชัดเจนว่ากระทรวงมหาดไทยไม่ได้เป็นกระทรวงที่ทำความเสียหายใดๆ และตัวตนก็ไม่ได้ทำความเสียหายให้กับรัฐบาล
”ตรงกันข้าม ตนสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างออกนอกหน้ามาโดยตลอด ให้กำลังใจเชียร์ท่าน และพร้อมยืนเคียงข้างท่านในทุกสถานการณ์ ตนได้ทำงานตามครรลองของคนที่ทำงานด้วยกันพึงจะกระทำ“ นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงความพรรคเพื่อไทยและนายกฯ ไม่ได้แจ้งหัวแจ้งก้อยในเรื่องของกระทรวงมหาดไทยว่าจะอย่างไรต่อ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้แจ้งหัวแจ้งก้อย
ส่วนได้มีการประเมินว่าถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่อยู่ แล้วเสียงของรัฐบาลจะเพียงพอหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องนััน เราคิดถึงเรื่องข้อตกลง เรื่องความสัมพันธ์ที่ดีและการร่วมงานที่ดี ตนเห็นนายกฯ ชมตนตลอดเวลาในการทำงาน มีบางเรื่องที่ล่าช้าไป นายกฯ ก็โทรมาขอให้เร่งรัด ซึ่งตนก็เร่งรัด ตรงไหนที่ติดข้อกฎหมายจริงๆ ก็เรียนให้ทราบ นายกฯ ก็รับฟัง ท่านน่ารักจะตาย
ทั้งนี้ หากพรรคภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน คิดว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนี้ต้องให้ผู้สื่อข่าวคิดมากกว่า ตนว่าอยู่ด้วยกัน ข้อตกลง อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ
“ผมไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว นายกฯ ต้องการกระทรวงมหาดไทยหรือใครต้องการ เพราะว่า ผมคุยกับนายกฯ เมื่อวาน มีหมอพรหมมินทร์ มีกันอยู่ 3 คน และไม่ได้มีเรื่องที่ออกมาเป็นข่าวเลย และผมก็เดินลงมา ผู้สื่อข่าวก็ถาม ผมก็บอกไม่มี พอเขาออกไปว่าไม่มีปุ๊บ มันก็เหมือนมีคนเขียนข่าวว่าต้องมี ก็คนๆนั้น มันไม่ได้อยู่ในที่ๆหารือ หารือมีอยู่สามคน ถ้าคุณหมอพรหมมินทร์ไม่ได้พูด ผมเชื่อว่าคุณหมอไม่ได้พูด ท่านนายกไม่พูดแน่นอน ผมก็ได้มาพูดให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าได้คุยอะไรในข้อสรุป มันก็มีอยู่แค่นี้“ นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า แล้วใครต้องการในเรื่องนี้นายอนุทิน กล่าวว่า ”ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ต้องมีความต้องการอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ว่า เอ๊ะ ทำไมมาลงที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงนี้มันสำคัญอะไรขนาดนั้น“ นายอนุทิน กล่าว
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.พนันออนไลน์ หรือร่าง พ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อที่จะขับเคลื่อนเรื่องนี้ได้ง่ายหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนจะโล่งอก ถ้าไม่ต้องไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตนเองได้บอกกับนายกฯ ไปแล้วว่า เรื่องการพนันออนไลน์ คณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันว่าไม่สามารถแก้กฎกระทรวงได้ แต่ไม่รู้มีใครไปรายงานว่า แค่กระทรวงมหาดไทยแก้กฎกระทรวงก็เรียบร้อยแล้ว แต่มันไม่แก้ไม่ได้ กฤษฎีกายืนยัน ตรงนี้ก็ตกไป
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเองให้คำยืนยันกับนายกฯ เกี่ยวกับร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ขวาง พรรคยืนยันสนับสนุนนโยบายนายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาล โดยที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและศีลธรรมอันดี ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นชอบ พรรคภูมิใจไทยก็จะเห็นชอบด้วย แต่ที่ผ่านมา พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคไม่เห็นชอบ อย่างพรรคประชาชาติได้ออกแถลงการณ์ ไม่เห็นชอบ เนื่องจากติดหลักทางศาสนา จึงไม่ใช่เจตนารมณ์ จริงๆ ศาสนาพุทธไม่ใช่ว่าจะเอาด้วยเกี่ยวกับเรื่องของการพนัน จึงอยากให้ชัดเจนก่อน เอาเรื่องศาสนาออก และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ถ้าพรรคร่วมเห็นด้วยกันหมด พรรคภูมิใจไทยก็ไม่มีทางเลือกอื่น ก็ต้องเห็นด้วย แม้ในใจจะคิดอะไรก็แล้วแต่ ก็ได้บอกจุดยืนของพรรคให้นายกฯทราบแล้ว
นายอนุทิน ยังเปิดเผยว่าในที่ประชุมของพรรคภูมิใจไทยเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.68) ตนเองได้สื่อสารไปยังลูกพรรค ว่า ตอนนี้มีกระแสข่าว ที่มีความพยายามดึงกระทรวงมหาดไทยแลกกับกระทรวงอื่นๆ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าจะแลกกับกระทรวงอะไร ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง ต้องขออนุญาต ให้ได้ฉันทานุมัติจากสมาชิกพรรค ว่าขอให้ไว้วางใจในการตัดสินใจของตนเอง ที่จะดำเนินการให้เป็นประโยชน์ที่สุดต่อพี่น้องประชาชน
“ซึ่งลูกพรรคก็บอกว่า จุดนี้เปลี่ยนไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนก็กลายเป็นว่าพรรคภูมิใจไทยโดนอยู่พรรคเดียว ทั้งที่เป็นพรรคที่สนับสนุนรัฐบาลอย่างสุดซอย ทุกๆเรื่อง ไม่เคยมีเพี้ยนหรือมีข้อยกเว้น ไม่เคยมีลา ยกตัวอย่างการโหวตไว้วางใจนายกฯ ถ้ายกสองมือได้ก็ยกแล้ว แต่เรื่องงบประมาณ พรรคภูมิใจไทยมาครบหมด ยังมีหลายพรรคที่ลาไปประกอบพิธีทางศาสนา บางพรรคก็ขาด ก็ป่วย ผมยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลอย่างชัดเจนที่สุด ตัวผมเองยืนอยู่เคียงข้างท่านนายกฯ ในทุกสถานการณ์ เวลาแถลงข่าวมีใครยืนล่ะ มีผมยืนอยู่ตลอด แต่วันนี้ท่านบอกว่าจากนี้ไป จะให้เป็นหน้าที่ของโฆษกรัฐบาล ก็เลยไม่ได้ลงมา“ นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ย้ำเงื่อนไขว่าอย่างไรจะต้องได้กระทรวงมหาดไทย ยกเว้นมีเงื่อนไขว่าจะต้องปรับใหม่หมด คุยกัน โดยที่ไม่แยกคุย รัฐบาลชุดนี้จะเอาอย่างไรก็มีเหตุมีผล เพราะตนเองก็ไม่ใช่คนดื้ออะไร นายกฯ ก็มีเหตุมีผลอยู่แล้ว.-315.-สำนักข่าวไทย