“ภูมิธรรม” ยันยังเปิดด่านค้าขายแค่ปรับเวลา

ทำเนียบ 17 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” ย้ำไทยยืนจุดเดิมปกป้องอธิปไตย ไม่เล่นตามโซเชียลกัมพูชา ชี้ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ยัน ยังเปิดด่านค้าขายแค่ปรับเวลา เร่งเจรจาแก้ตึงเครียดชายแดน


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประเทศกัมพูชาขู่จะมีการปิดด่านภายใน 24 ชม. ซึ่งครบกำหนดภายในวันนี้ ว่า ขณะนี้เรายังยืนอยู่ในจุดเดิมตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พูด ว่าเราจะใช้กระบวนการทั้งหมดให้ชาวไทยชาวกัมพูชาและชาวโลกได้รู้ว่า เราอยู่ในจุดยืนที่เราปกป้องอธิปไตยของเรา เรามีศักดิ์ศรี เรื่องนี้เราไม่ยอมแน่ ส่วนเรื่องมาตรการต่าง ๆ ในเวลานี้เรายังยืนในจุดเดิม โดยให้มีการปรับกำลังพลของทั้งสองฝ่ายออกไป ซึ่งบริเวณจุดช่องบกก็ได้ทำแล้ว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ขณะนี้กองกำลังก็กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ เราจึงอยากให้มีการปรับกำลังไปยืนอยู่ในจุดเดิมปี 2567 เพราะคิดว่าเรื่องของการเผชิญหน้าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์นี้ เพราะมันอาจเกิดอุบัติเหตุได้ และในเรื่องการปิดด่านในขณะนี้ตั้งแต่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ตัดสินใจและมอบข้อสั่งการทั้งหมดให้ทางกองทัพได้ดำเนินการ และทางผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็ดำเนินการออกคำสั่งทั้งหมดให้มาอยู่จุดเดิมใน 4 ขั้นตอน และให้แต่ละส่วนโดยกองทัพภาคที่ 1 กองทัพที่ 2 และกองกำลังจันทบุรี ก็พิจารณาตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในปัจจุบันใช้อยู่แค่ในมาตรการที่หนึ่งและมาตรการที่สอง ซึ่งเป็นการปิดด่านเฉพาะจุดเฉพาะเวลา โดยปรับเวลาจาก 06.00 – 22.00 น. มาเป็นเวลา 08.00 – 16.00 น. ทิศทางมีการจำกัดบุคคลที่จะเข้าไป


นานภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการค้าขายเรายังให้มีการเดินหน้าต่อและยังทำภารกิจได้ ส่วนบุคคลที่เป็นนักท่องเที่ยวเราไม่ให้เข้า ย้ำว่าเราไม่เคยปิดด่าน เป็นเพียงการปรับเวลาให้อยู่ในมาตรการที่หนึ่งและมาตรการที่สอง ทั้งนี้เรายังไม่เห็นสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกมาแถลง ส่วนใหญ่ข่าวจะออกจากทางโซเชียล ทั้งนี้เราทำตามที่นายก ฯ บอก คือการเจรจาตามทวิภาคี เป็นการคุยอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีการคุยกันอย่างครบถ้วนหลายประเด็น เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.2568) ที่นายก ฯ ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) โดยมีทั้ง ผบ.เหล่าทัพ รองปลัดกระทรวงกลาโหม สมช. กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม มาประชุม ก็ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนทั้งหมด ซึ่งมีความเข้าใจตรงกัน ย้ำว่าเรายังยืนจุดเดิม ถ้าตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายมีการปรับกำลังกลับไปสู่ตลอดแนวชายแดนได้เราก็จะสามารถปรับในเรื่องของด่านได้เช่นกัน เพราะเราไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดกั้นการค้าขาย ปัจจุบันความเสียหายเรื่องของการปิดด่านเป็นเวลานั้น มันยังไม่สะเทือนการค้าขายของเราอย่างเป็นปัญหาซึ่งมีบ้างนิดหน่อย และประชาชนชายแดนก็ไม่ได้เป็นปัญหาเช่นกัน

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีกัมพูชานำรถบัสมารับแรงงานกัมพูชากับประเทศนั้น ส่วนใหญ่ยังอยู่ในประเทศไทยและไม่ได้กลับประเทศกัมพูชาเยอะ เพราะทุกคนต้องอยู่ทำมาหากินและต้องมีชีวิตมืออาชีพ ตนคิดว่าสถานการณ์ชายแดนจริงนั้นยังถึงขั้นวิกฤต เพียงแต่เราระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่บานปลาย และกองทัพก็ยังยืนยันว่าเราไม่ยังไม่เคยรุกล้ำอธิปไตยของเรา เราปกป้องอย่างเต็มที่ ไม่มีการสู้รบได้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะจะไม่เกิดความเสียหาย ไม่มีการสูญเสีย ในโซเชียลบางทีก็ปั่นกระแสกันไปเยอะ ตนคิดว่าต้องคำนึงถึงความเป็นจริงและความเสียหายทั้งหมดโดยต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะไปตัดสินใจอะไร เรื่องด่านตนไม่มีปัญหา เราไม่ได้บริหารไปตามกระแส ตามอารมณ์ เราบริหารตามหลักการและตามความเสียหายของประเทศและผลประโยชน์ของประเทศ จึงมีการชี้แจงและทำความเข้าใจให้เห็นว่า ที่มีความขัดแย้งนั้นเราไม่ได้ขัดแย้ง จากที่มองคนละทางก็มองตรงกัน จึงได้พร้อมที่จะออกมาแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ

เมื่อถามกรณีประเทศกัมพูชาใช้โซเชียลในการปั่นข่าวอยู่ตลอดจะมีการรับมืออย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเราไปปั่นกระแสกับเขา ก็จะเป็นเรื่องราวที่บานปลาย เพราะฉะนั้นเราจะยืนยันและยึดมั่นในจุดยืน ซึ่งต่างประเทศและในส่วนต่าง ๆ ก็ได้มีการรับรู้แล้วในจุดยืนของรัฐบาล เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.2568) นายก ฯ ก็ประกาศย้ำชัดเจนว่าเรายืนอยู่ในจุดเดียวกันคือรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ทั้งของประเทศไทยและตามแนวชายแดน ย้ำว่าในเรื่องของการปั่นโซเชียลถ้าวันนี้เรามีการปั่นโซเชียลตามกระแสของกัมพูชารัฐบาลต้องยกเลิกภารกิจทั้งหมด เพราะมันยากที่จะให้ประเทศไทยหรือรัฐบาลไปบริหารถ้าให้โซเชียลมานำทาง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ มีแต่ต้องทำให้โซเชียลมีเดียเป็นสิ่งที่สื่อสารข้อมูลและยืนยันข้อเท็จจริงไม่ใช่นึกว่ามีอารมณ์อะไรก็จะไปปั่นกระแสในโซเชียลซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ


เมื่อถามว่าสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาในขณะนี้รวมถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นมองว่าทางกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตามหลักการถือว่าเราไม่ถือว่าเป็นศัตรูกับใครเราพยายามรักษาความสัมพันธ์ และปกป้องอธิปไตยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย มันถึงจะต้องเดินและยืนอยู่ในจุดยืนตรงนี้

เมื่อถามอีกว่ากรณรมีการตั้งคณะทำงานทีมไทยแลนด์ โดยมอบหมาย พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามและประสานงานด้านข่าวสาร และความมั่นคงพลนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า พล.อ. ณัฐพล เป็น รมช.กลาโหม เป็นนายทหารเก่า เคยเป็นเลขาสมช. แล้วเคยเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก (ทบ.) เพราะฉะนั้นจะเข้าใจในงานละเอียดต่าง ๆ จะเข้าใจเป็นอย่างดี รวมถึงรู้จักผู้บัญชาการภาคทั้งหมด ในการทำงาน พล.อ.ณัฐพล ก็เป็นที่เคารพจากทุกภาคส่วน เพราะฉะนั้นจะเป็นคนที่ประสานงานได้ดี ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าปล่อยให้พล.อ.ณัฐพล ไปทำคนเดียว ได้มีการให้รองปลัดกระทรวงกลาโหมเข้าไปประสานงานแล้วเข้าไปร่วมอยู่ในศูนย์ด้วย โดยศูนย์ที่จัดตั้งขึ้นนั้นเป็นการยกระดับขึ้นเป็นการรวมปลัดกระทรวงทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องมารวมอยู่ในนี้ ตนเคยให้ภารกิจไปทำก็สามารถทำได้ ที่สำคัญจะเป็นบุคคลที่เชื่อมระหว่างกองทัพได้ ตนเชื่อว่าพล.อ. ณัฐพล จะสามารถประสานงานต่าง ๆ ได้ เพราะสามารถเชื่อมรู้กับกลไกต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]

“นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่

อ่างทอง 20 ก.ย. – “นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง จังหวัดแรก ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่ ทำงานเต็มที่ หวังประชาชนเลือกกลับเข้ามาอีก พร้อมอวยพรวันเกิด “ภราดร” ครบ 46 ปี เจ้าตัวถึงกับคุกเข่ามอบมาลัยขอบคุณ “อนุทิน“ อ้อนชาวอ่างทอง อสม.แฟนเก่า ขอยืมตัว “ลูกแบด” ไปเป็น รมต. คุมสำนักงบฯ ตามติดตัว 24 ชั่วโมง บอกเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นหาเมีย ขณะครอบครัว “ปริศนานันทกุล” ปลื้ม คนดังการเมืองตบเท้าแน่น “อนุทิน” ประกาศเชียร์คืนความเป็นธรรม อดีตผู้ว่าฯ อ่างทอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้โอกาสก่อนลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม เดินทางมาที่ อบจ.อ่างทอง เพื่อพบปะกับประชาชน และร่วมอวยพรวันเกิดให้กับนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อายุครบ 46 ปี ซึ่งมีครอบครัว ทั้งนายสมศักดิ์ […]

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย