“ภูมิธรรม” ยันยังเปิดด่านค้าขายแค่ปรับเวลา

ทำเนียบ 17 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” ย้ำไทยยืนจุดเดิมปกป้องอธิปไตย ไม่เล่นตามโซเชียลกัมพูชา ชี้ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ยัน ยังเปิดด่านค้าขายแค่ปรับเวลา เร่งเจรจาแก้ตึงเครียดชายแดน


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประเทศกัมพูชาขู่จะมีการปิดด่านภายใน 24 ชม. ซึ่งครบกำหนดภายในวันนี้ ว่า ขณะนี้เรายังยืนอยู่ในจุดเดิมตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พูด ว่าเราจะใช้กระบวนการทั้งหมดให้ชาวไทยชาวกัมพูชาและชาวโลกได้รู้ว่า เราอยู่ในจุดยืนที่เราปกป้องอธิปไตยของเรา เรามีศักดิ์ศรี เรื่องนี้เราไม่ยอมแน่ ส่วนเรื่องมาตรการต่าง ๆ ในเวลานี้เรายังยืนในจุดเดิม โดยให้มีการปรับกำลังพลของทั้งสองฝ่ายออกไป ซึ่งบริเวณจุดช่องบกก็ได้ทำแล้ว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ขณะนี้กองกำลังก็กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ เราจึงอยากให้มีการปรับกำลังไปยืนอยู่ในจุดเดิมปี 2567 เพราะคิดว่าเรื่องของการเผชิญหน้าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์นี้ เพราะมันอาจเกิดอุบัติเหตุได้ และในเรื่องการปิดด่านในขณะนี้ตั้งแต่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ตัดสินใจและมอบข้อสั่งการทั้งหมดให้ทางกองทัพได้ดำเนินการ และทางผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็ดำเนินการออกคำสั่งทั้งหมดให้มาอยู่จุดเดิมใน 4 ขั้นตอน และให้แต่ละส่วนโดยกองทัพภาคที่ 1 กองทัพที่ 2 และกองกำลังจันทบุรี ก็พิจารณาตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในปัจจุบันใช้อยู่แค่ในมาตรการที่หนึ่งและมาตรการที่สอง ซึ่งเป็นการปิดด่านเฉพาะจุดเฉพาะเวลา โดยปรับเวลาจาก 06.00 – 22.00 น. มาเป็นเวลา 08.00 – 16.00 น. ทิศทางมีการจำกัดบุคคลที่จะเข้าไป


นานภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการค้าขายเรายังให้มีการเดินหน้าต่อและยังทำภารกิจได้ ส่วนบุคคลที่เป็นนักท่องเที่ยวเราไม่ให้เข้า ย้ำว่าเราไม่เคยปิดด่าน เป็นเพียงการปรับเวลาให้อยู่ในมาตรการที่หนึ่งและมาตรการที่สอง ทั้งนี้เรายังไม่เห็นสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกมาแถลง ส่วนใหญ่ข่าวจะออกจากทางโซเชียล ทั้งนี้เราทำตามที่นายก ฯ บอก คือการเจรจาตามทวิภาคี เป็นการคุยอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีการคุยกันอย่างครบถ้วนหลายประเด็น เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.2568) ที่นายก ฯ ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) โดยมีทั้ง ผบ.เหล่าทัพ รองปลัดกระทรวงกลาโหม สมช. กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม มาประชุม ก็ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนทั้งหมด ซึ่งมีความเข้าใจตรงกัน ย้ำว่าเรายังยืนจุดเดิม ถ้าตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายมีการปรับกำลังกลับไปสู่ตลอดแนวชายแดนได้เราก็จะสามารถปรับในเรื่องของด่านได้เช่นกัน เพราะเราไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดกั้นการค้าขาย ปัจจุบันความเสียหายเรื่องของการปิดด่านเป็นเวลานั้น มันยังไม่สะเทือนการค้าขายของเราอย่างเป็นปัญหาซึ่งมีบ้างนิดหน่อย และประชาชนชายแดนก็ไม่ได้เป็นปัญหาเช่นกัน

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีกัมพูชานำรถบัสมารับแรงงานกัมพูชากับประเทศนั้น ส่วนใหญ่ยังอยู่ในประเทศไทยและไม่ได้กลับประเทศกัมพูชาเยอะ เพราะทุกคนต้องอยู่ทำมาหากินและต้องมีชีวิตมืออาชีพ ตนคิดว่าสถานการณ์ชายแดนจริงนั้นยังถึงขั้นวิกฤต เพียงแต่เราระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่บานปลาย และกองทัพก็ยังยืนยันว่าเราไม่ยังไม่เคยรุกล้ำอธิปไตยของเรา เราปกป้องอย่างเต็มที่ ไม่มีการสู้รบได้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะจะไม่เกิดความเสียหาย ไม่มีการสูญเสีย ในโซเชียลบางทีก็ปั่นกระแสกันไปเยอะ ตนคิดว่าต้องคำนึงถึงความเป็นจริงและความเสียหายทั้งหมดโดยต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะไปตัดสินใจอะไร เรื่องด่านตนไม่มีปัญหา เราไม่ได้บริหารไปตามกระแส ตามอารมณ์ เราบริหารตามหลักการและตามความเสียหายของประเทศและผลประโยชน์ของประเทศ จึงมีการชี้แจงและทำความเข้าใจให้เห็นว่า ที่มีความขัดแย้งนั้นเราไม่ได้ขัดแย้ง จากที่มองคนละทางก็มองตรงกัน จึงได้พร้อมที่จะออกมาแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ

เมื่อถามกรณีประเทศกัมพูชาใช้โซเชียลในการปั่นข่าวอยู่ตลอดจะมีการรับมืออย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเราไปปั่นกระแสกับเขา ก็จะเป็นเรื่องราวที่บานปลาย เพราะฉะนั้นเราจะยืนยันและยึดมั่นในจุดยืน ซึ่งต่างประเทศและในส่วนต่าง ๆ ก็ได้มีการรับรู้แล้วในจุดยืนของรัฐบาล เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.2568) นายก ฯ ก็ประกาศย้ำชัดเจนว่าเรายืนอยู่ในจุดเดียวกันคือรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ทั้งของประเทศไทยและตามแนวชายแดน ย้ำว่าในเรื่องของการปั่นโซเชียลถ้าวันนี้เรามีการปั่นโซเชียลตามกระแสของกัมพูชารัฐบาลต้องยกเลิกภารกิจทั้งหมด เพราะมันยากที่จะให้ประเทศไทยหรือรัฐบาลไปบริหารถ้าให้โซเชียลมานำทาง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ มีแต่ต้องทำให้โซเชียลมีเดียเป็นสิ่งที่สื่อสารข้อมูลและยืนยันข้อเท็จจริงไม่ใช่นึกว่ามีอารมณ์อะไรก็จะไปปั่นกระแสในโซเชียลซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ


เมื่อถามว่าสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาในขณะนี้รวมถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นมองว่าทางกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตามหลักการถือว่าเราไม่ถือว่าเป็นศัตรูกับใครเราพยายามรักษาความสัมพันธ์ และปกป้องอธิปไตยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย มันถึงจะต้องเดินและยืนอยู่ในจุดยืนตรงนี้

เมื่อถามอีกว่ากรณรมีการตั้งคณะทำงานทีมไทยแลนด์ โดยมอบหมาย พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามและประสานงานด้านข่าวสาร และความมั่นคงพลนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า พล.อ. ณัฐพล เป็น รมช.กลาโหม เป็นนายทหารเก่า เคยเป็นเลขาสมช. แล้วเคยเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก (ทบ.) เพราะฉะนั้นจะเข้าใจในงานละเอียดต่าง ๆ จะเข้าใจเป็นอย่างดี รวมถึงรู้จักผู้บัญชาการภาคทั้งหมด ในการทำงาน พล.อ.ณัฐพล ก็เป็นที่เคารพจากทุกภาคส่วน เพราะฉะนั้นจะเป็นคนที่ประสานงานได้ดี ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าปล่อยให้พล.อ.ณัฐพล ไปทำคนเดียว ได้มีการให้รองปลัดกระทรวงกลาโหมเข้าไปประสานงานแล้วเข้าไปร่วมอยู่ในศูนย์ด้วย โดยศูนย์ที่จัดตั้งขึ้นนั้นเป็นการยกระดับขึ้นเป็นการรวมปลัดกระทรวงทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องมารวมอยู่ในนี้ ตนเคยให้ภารกิจไปทำก็สามารถทำได้ ที่สำคัญจะเป็นบุคคลที่เชื่อมระหว่างกองทัพได้ ตนเชื่อว่าพล.อ. ณัฐพล จะสามารถประสานงานต่าง ๆ ได้ เพราะสามารถเชื่อมรู้กับกลไกต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]