17 มิ.ย. – ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจรังวัดและการทำแผนที่ ยืนยันแผนที่ของไทยและกัมพูชา ไม่สามารถนำมาทาบเทียบกันได้โดยตรง อาจก่อให้เกิดความคลาดเคลื่อนของพิกัดจากกันหลายร้อยเมตรถึงหลายกิโลเมตร ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการกำหนดเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ
แผนที่ของไทยที่ใช้ในการกำหนดเขตแดนทั่วไป เป็นแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ซึ่งหมายความว่า 1 เซนติเมตรบนแผนที่เท่ากับ 500 เมตร ให้ข้อมูลภูมิประเทศอย่างละเอียด เช่น แนวสันเขา ลำธาร และทางเดินธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับการอ้างอิงเพื่อวางแนวเขตแดนที่แม่นยำ โดยแผนที่ชุดนี้พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีและระบบแผนที่จากสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่กัมพูชา ยังอ้างอิงจากแผนที่เก่าที่ผลิตโดยฝรั่งเศส ในช่วงยุคล่าอาณานิคม ซึ่งมีมาตราส่วน 1:200,000 หรือ 1 เซนติเมตรเท่ากับ 2 กิโลเมตร รายละเอียดภูมิประเทศน้อยกว่า ครอบคลุมพื้นที่กว้าง เหมาะกับการวางแผนระดับภูมิภาคมากกว่าการกำหนดพรมแดนโดยละเอียด
นอกจากมาตราส่วนแล้ว แผนที่ทั้งสองประเทศยังใช้ระบบฉายภาพ (Projection System) ต่างกันโดยสิ้นเชิง ระบบที่ไทยใช้จะรักษาความแม่นยำของรูปร่างและทิศทางได้ดี เหมาะกับการใช้งานเชิงเทคนิคในพื้นที่จริง ขณะที่แผนที่กัมพูชาใช้ รักษาความถูกต้องของพื้นที่ แต่บิดเบือนรูปร่างและทิศทาง โดยเฉพาะเมื่ออยู่นอกแนวศูนย์สูตรหรือเมอริเดียนกลาง
ความแตกต่างทั้งด้านมาตราส่วน ระบบฉายภาพ และที่มาของเทคโนโลยีแผนที่ ทำให้ไม่สามารถนำแผนที่สองชุดนี้มาทาบหรือเทียบพิกัดกันได้โดยตรง หากไม่ผ่านกระบวนการแปลงและปรับแก้ด้วยเทคนิคทางวิศวกรรมอย่างละเอียด
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นอาจสูงถึงหลายกิโลเมตรในบางพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการใช้แผนที่เป็นหลักฐานในการเจรจาข้อพิพาทเขตแดน หรือการตีความเส้นเขตแดนร่วมกัน
ผู้เชี่ยวชาญยังเน้นว่าแม้แผนที่ทั้งสองชุดจะแสดงลักษณะภูมิศาสตร์ของพื้นที่เดียวกัน แต่ความไม่สอดคล้องทางเทคนิคดังกล่าว สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่ใช่เพียงเรื่องวิศวกรรม แต่ยังเกี่ยวพันกับอธิปไตย ประวัติศาสตร์ และการเมืองของทั้งสองประเทศ
การหาทางออกจึงจำเป็นต้องผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ากับการทูต เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย