กมธ.ทหาร สว. ขอเปิดอภิปราย ให้รัฐบาลแจงปมชายแดนไทย-กัมพูชา

รัฐสภา 16 มิ.ย.-กมธ.การทหาร สว. ขอเปิดอภิปรายทั่วไป ม.153 ให้รัฐบาลแจงข้อเท็จจริง ปมชายแดนไทย-กัมพูชา “เกรียงไกร” ชี้รัฐบาลต้องยืนยัน ไม่ร่วมศาลโลก และต้องหนักแน่นต่อกลไกการพูดคุย

พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร และความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวถึงผลการประชุม JBC ในประเด็นสถานการณ์ ความขัดแย้ง บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา ว่า จากที่ทราบผลการประชุมมองว่าไม่เป็นผลดีกับประเทศไทย ทำให้คณะกรรมาธิการการทหารฯจำเป็นต้องออกแถลงการณ์ เรื่องขอเปิดอภิปรายทั่วไป ของวุฒิสภา โดยไล่เรียงตั้งแต่เหตุการณ์กระทบกระทั่งตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา อำเภอน้ำยืนจังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชาในฐานะผู้กระทำที่ไร้ความจริงใจ และบ่อนทำลายประเทศไทยด้วยสารพัดวิธีเพื่อหวังครอบครองแผ่นดินไทยเป็นของตนเรื่อยมา และทางคณะกรรมการได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชามาแล้ว 1 ฉบับ อีกทั้งยังได้มีการลงพื้นที่และจัดกิจกรรมถกแถลง


และล่าสุดวุฒิสภาได้ออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารให้ดำเนินการ เรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อให้ฝ่ายบริหารได้ แถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับ สถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชาต่อประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งสาเหตุ ของปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวซึ่งต้องกระทำเป็นการด่วน แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบจากทางรัฐบาลหรือสัญญาณขอความร่วมมือจากวุฒิสภา เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด

ดังนั้นวุฒิสภา จึงขอใช้สิทธิ์ เปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 153 ที่กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภามีสิทธิ์เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา พื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาที่สำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ


ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาได้เสนอแนวคิดและแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้รัฐบาลได้นำไปเป็นข้อพิจารณาประกอบการตัดสินใจโดยเร็วต่อไป ตามที่ผู้นำรัฐบาลเพิกเฉยไม่ได้ตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาและไม่ได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนทำให้การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา ครั้งที่ 6 ล้มเหลวไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับฝ่ายไทย และฝ่ายกัมพูชายังฉวยโอกาส ออกแถลงการณ์ บิดเบือนข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าว คือจะนำเรื่องพื้นที่พิพาท 4 จุดเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก และการใช้แผนที่ 1:200000 เพื่อกำหนดเขตแดน และเรื่องอื่นๆ ที่ฝ่ายกัมพูชาฉกฉวยโอกาส เช่นการเรียกร้องนานาชาติให้กดดันไทยยอมรับอำนาจศาลโลกการแถลงอย่างแข็งกร้าวไม่ยอมรับการประชุมทวิภาคีการกีดกันสินค้าและภาพยนตร์ไทยการเรียกแรงงานกัมพูชากลับประเทศการปลุกระดมว่าอาจ ถูกฝ่ายไทยกลั่นแกล้งทำร้าย ตลอดจนความอ่อนด้อย เกณฑ์การเมืองระหว่างประเทศของ ผู้นำรัฐบาลไทย ความล่าช้าของนโยบายที่ทำให้ การปฏิบัติของผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไม่ทันเวลา ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนสิ้นศรัทธาในผู้นำรัฐบาล

ดังนั้น จากเหตุการณ์ต่างๆและสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันการที่ผู้นำรัฐบาลคือนายกรัฐมนตรีขาดความน่าเชื่อถือ ส่งผลกระทบทางลบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อคณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีปัญหาแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยแต่ปล่อยปละละเลย ให้นายกรัฐมนตรีและ คณะรัฐมนตรีดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ตามอำเภอใจ อาจทำให้อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยถูกรุกล้ำและยึดครองดังนั้นคณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐวุฒิสภา จึงมีความเห็นว่าวุฒิสภาสมควรเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงกรณีปัญหา ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เร็วที่สุด

“คณะกรรมาธิการตระหนักในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบต่ออธิปไตยความมั่นคงของชาติโดยจะทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด แผ่นดินนี้ พ่อกูอยู่ ปู่กูตาย กูสุดอาย หากเสียที ไพรีกอง ด้วยความ เคารพและห่วงใย” พลเอกสวัสดิ์ กล่าว


ด้านพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 กล่าวว่า ผลจากการประชุม JBC ทั้ง 2 วัน ยังไม่ได้ข้อยุติเป็นเพียง เรื่องของการ พูดคุยของคณะกรรมการชายแดนไทยกัมพูชาเท่านั้นในเรื่องของการปักปันเขตแดน ไม่ได้พูดถึงกรณีพิพาทที่เกิดขึ้น และฝ่ายกัมพูชายังหยิบยกพื้นที่ทั้ง 4 ขึ้นศาลโลก ซึ่งรัฐบาล ต้องยืนยัน ว่าประเทศไทย จะไม่นำเรื่องนี้และไม่ยอมรับที่จะขึ้นศาลโลก

ส่วนของการนำแผนที่ 1:200000 ที่มีความละเอียดน้อยกว่า 1:50000 ที่เรายึดถืออยู่ 4 เท่า ดูพื้นที่ 1:200000 เป็นเอกสารที่ไม่ได้รับการรับรอง แต่ในส่วนที่เรายึดถือไว้ ได้เขียนรายละเอียดในเรื่องของการปักปันเขตแดนในเรื่องของสารปั่นน้ำเอาไว้ เพราะฉะนั้นทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่รัฐบาลจะต้องยืนยัน และรัฐบาลจะต้องชี้แจง ให้กับประชาชน ทราบ เพราะปัจจุบันมีการบิดเบือน จนกระทั่งข่าวขณะนี้ประชาชนคนไทยตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือมาตรการที่รัฐบาลมอบหมายให้กับฝ่ายทหารฝ่ายความมั่นคง หรือกองทัพบกในการประกาศ การดำเนินการใดๆที่จะตอบโต้ในเรื่องของการเปิดปิดด่านชายแดน เรื่องนี้ต้องกระชับเข้มงวดและให้อำนาจในส่วนของการปฏิบัติของฝ่ายความมั่นคงที่อยู่หน้าแนว อย่างทันท่วงทีไม่เช่นนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้น ถ้าเราไม่เข้มงวด เราผ่อนปรน ฝ่ายกัมพูชาก็ไม่สนใจและมีมาตรการตอบโต้ รัฐบาลต้องมีความหนักแน่น ต่อการพูดคุยเพราะมีกลไกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ด้วยดีมาตลอดเกมการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้น ตนก็ขอให้คิดคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติคิดคำนึงถึงอธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดนที่บรรพบุรุษของเราเอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตเข้าแลกเอาไว้เราต้องปกปักรักษาถึงที่สุด

พลเอกเกรียงไกร ยังกล่าวถึง กรณีที่วุฒิสภาต้องการให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญขึ้นมา แต่ทางรัฐบาลปฏิเสธมาและให้เหตุผลว่าไม่จำเป็น ว่า ถ้ารัฐบาลได้รับฟังสมาชิกรัฐสภาและมีโอกาสในการเสนอความคิดเห็นมีโอกาสในการท้วงติงนำข้อเสนอแนะข้อมูลต่างๆมาพูดคุยกันในสภาก็จะทำให้รัฐบาลได้ข้อมูลต่างๆอย่างรอบด้านและเก็บเกี่ยวข้อมูลเหล่านั้นเพื่อที่จะไปทำข้อตกลง และกำหนดแนวทางในการ แก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเราสามารถกำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยปฏิบัตินำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างชัดเจน โดยรัฐบาลจะมี หลังพิงคือเสียงของสมาชิกรัฐสภาแต่เมื่อไม่สามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญของรัฐบาลได้ ในส่วนของวุฒิสภาจึงมีสมาชิกพร้อมใจกันขอเปิดอภิปรายทั่วไปกับคณะรัฐมนตรีขึ้นมา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีและมีโอกาสมาชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนและสภาทราบ
สมาชิกวุฒิสภาก็ได้มีโอกาสในการแสดงความคิดเห็นและรัฐบาลก็จะได้นำไปสู่การตัดสินใจ

ส่วนกรณีที่กัมพูชาอ้างแผนที่ 1:200000 ฝ่ายไทยควรจะตอบโต้โดยการขอยกเลิก MOU 43 ได้หรือไม่ พลเอกเกรียงไกรกล่าวว่า ใน MOU 43 ก็ไม่ได้ยอมรับแทนที่ 1 :200,000 แสนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าไทยจะไม่เสียเปรียบในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ พลเอกเกรียงไกรกล่าวว่า ถ้าเราดำเนินการไปตามกรอบที่ตนว่า เราจะไม่เสียเปรียบในเรื่องของการใช้แผนที่ และรวมถึงเรื่องของการปักปันเขตแดน

เมื่อถามถึงกระแสที่ว่านายกฯไทยหัวใจกัมพูชา พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่าเรื่องนี้ประชาชนว่า ตนไม่ได้ว่า ซึ่งการที่ตนขอเปิดอภิปรายทั่วไป นายกรัฐมนตรีก็ จะได้ชี้แจง เรื่องพวกนี้ที่มีขึ้นมาต่างๆในโซเชียลด้วย ซึ่งรัฐบาลก็จะได้ตอบและบอกว่าที่ประชาชนพูดอย่างนั้นไม่จริง.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ขอโทษทำเข้าใจคลาดเคลื่อน ปมเอกสารสิทธิ์ที่ดินบ้านหนองจาน

สระแก้ว 24 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว ขอโทษที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน กรณีเอกสารสิทธิ์ที่ดินบ้านหนองจาน ยืนยันพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรไทย ให้ประชาชนผู้มีหลักฐานยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินได้ วันที่ 23 ส.ค.68 เพจ สวท.สระแก้ว เผยแพร่สารจากผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ชี้แจงกรณีเอกสารสิทธิ์ชาวบ้านหนองจาน อ.โคกสูง ระบุว่า ผมกราบขอโทษพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง ทั้งนี้ ผมขอยืนยันว่า พื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง อยู่ในราชอาณาจักรไทย ประชาชนผู้มีหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ใบจอง (ส.ค.2) และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) บริเวณบ้านหนองจาน และบริเวณหลักเขตแดนที่ 45-49 สามารถยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน ต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสระแก้ว สาขาอรัญประเทศได้ โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนที่มีสิทธิทุกราย ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด.-สำนักข่าวไทย

พายุ “คาจิกิ” แนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้น เตือน 24-27 ส.ค. ฝนหนักหลายพื้นที่

กทม. 24 ส.ค.-กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 7 พายุ “คาจิกิ” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้น เตือน 24-27 ส.ค.68 ไทยฝนเพิ่มมากขึ้น ตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่กับมีลมแรง บริเวณอีสานตอนบน ภาคเหนือ กลาง ตะวันออก และใต้ฝั่งตะวันตก รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 7 เรื่อง พายุ “คาจิกิ” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (24 ส.ค. 68) พายุโซนร้อนกำลังแรง “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 570 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น […]

กู้ซากคานสะพานลอยคนข้ามพังถล่ม เปิดการจราจรแล้ว

23 ส.ค. – เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุคานสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท พังถล่มลงมากีดขวางถนน สาย 317 จันทบุรี–สระแก้ว ล่าสุดกู้ซากคานสะพานลอย ออกจากถนน และเปิดการจราจรได้ตามปกติแล้ว เหตุคานสะพานลอยถล่ม บริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา เหตุดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบ สภาพการจราจรติดขัด ตลอดช่วงสายและบ่าย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ พยายามเร่งกู้ซากสะพานลอย ประสาน นำเครื่องจักรกลหนักทั้ง รถแบ็กโฮ 3 คัน รถแบ็กโฮหัวขุดเจาะ 2 คันและรถเครนใหญ่อีก 1 คัน ระดมลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบริษัทผู้รับเหมา ต้องใช้รถหัวขุดเจาะ 2 คัน ทำการขุดเจาะกระแทกแผ่นคอนกรีตให้แตก จนเหลือแต่เส้นเหล็กจากนั้นได้ใช้ชุดเชื่อมทำการใช้ไฟแก๊สตัดเหล็ก แยกชิ้นส่วนของคานคอนกรีตออก […]

ตามล่านักโทษชายหลบหนีเรือนจำนนทบุรี

นนทบุรี 23 ส.ค. – นักโทษเรือนจำนนทบุรีหลบหนี ขณะออกมาทำงานนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่พบชุดนักโทษ ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ ช่วงบ่ายวันนี้ หลังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับเเจ้งว่ามีนักโทษชายหลบหนีจากร้านหับเผย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อ นช.อนุชิต อายุ 29 ปี เป็นผู้ต้องขังกองนอกประจำร้านหับเผย ของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ชุดที่หลบหนีสวมชุดสีส้มของเรือนจำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเรมเบสต้า สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร หลบหนี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบชุดที่นักโทษสวมใส่ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม สำหรับ นช.อนุชิต สุขสด ถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง จับกุมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ข้อหาพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด หลังจับกุม สภ.บางบัวทอง นำตัวส่งเรือนจำกลางจังหวัดนนทบุรี วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ศาลตัดสินโทษจำคุก 1 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ในวันที่ […]