กมธ.ทหาร สว. ขอเปิดอภิปราย ให้รัฐบาลแจงปมชายแดนไทย-กัมพูชา

รัฐสภา 16 มิ.ย.-กมธ.การทหาร สว. ขอเปิดอภิปรายทั่วไป ม.153 ให้รัฐบาลแจงข้อเท็จจริง ปมชายแดนไทย-กัมพูชา “เกรียงไกร” ชี้รัฐบาลต้องยืนยัน ไม่ร่วมศาลโลก และต้องหนักแน่นต่อกลไกการพูดคุย

พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร และความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวถึงผลการประชุม JBC ในประเด็นสถานการณ์ ความขัดแย้ง บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา ว่า จากที่ทราบผลการประชุมมองว่าไม่เป็นผลดีกับประเทศไทย ทำให้คณะกรรมาธิการการทหารฯจำเป็นต้องออกแถลงการณ์ เรื่องขอเปิดอภิปรายทั่วไป ของวุฒิสภา โดยไล่เรียงตั้งแต่เหตุการณ์กระทบกระทั่งตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา อำเภอน้ำยืนจังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชาในฐานะผู้กระทำที่ไร้ความจริงใจ และบ่อนทำลายประเทศไทยด้วยสารพัดวิธีเพื่อหวังครอบครองแผ่นดินไทยเป็นของตนเรื่อยมา และทางคณะกรรมการได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชามาแล้ว 1 ฉบับ อีกทั้งยังได้มีการลงพื้นที่และจัดกิจกรรมถกแถลง


และล่าสุดวุฒิสภาได้ออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารให้ดำเนินการ เรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อให้ฝ่ายบริหารได้ แถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับ สถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชาต่อประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งสาเหตุ ของปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวซึ่งต้องกระทำเป็นการด่วน แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบจากทางรัฐบาลหรือสัญญาณขอความร่วมมือจากวุฒิสภา เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด

ดังนั้นวุฒิสภา จึงขอใช้สิทธิ์ เปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 153 ที่กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภามีสิทธิ์เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา พื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาที่สำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ


ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาได้เสนอแนวคิดและแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้รัฐบาลได้นำไปเป็นข้อพิจารณาประกอบการตัดสินใจโดยเร็วต่อไป ตามที่ผู้นำรัฐบาลเพิกเฉยไม่ได้ตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาและไม่ได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนทำให้การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา ครั้งที่ 6 ล้มเหลวไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับฝ่ายไทย และฝ่ายกัมพูชายังฉวยโอกาส ออกแถลงการณ์ บิดเบือนข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าว คือจะนำเรื่องพื้นที่พิพาท 4 จุดเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก และการใช้แผนที่ 1:200000 เพื่อกำหนดเขตแดน และเรื่องอื่นๆ ที่ฝ่ายกัมพูชาฉกฉวยโอกาส เช่นการเรียกร้องนานาชาติให้กดดันไทยยอมรับอำนาจศาลโลกการแถลงอย่างแข็งกร้าวไม่ยอมรับการประชุมทวิภาคีการกีดกันสินค้าและภาพยนตร์ไทยการเรียกแรงงานกัมพูชากลับประเทศการปลุกระดมว่าอาจ ถูกฝ่ายไทยกลั่นแกล้งทำร้าย ตลอดจนความอ่อนด้อย เกณฑ์การเมืองระหว่างประเทศของ ผู้นำรัฐบาลไทย ความล่าช้าของนโยบายที่ทำให้ การปฏิบัติของผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไม่ทันเวลา ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนสิ้นศรัทธาในผู้นำรัฐบาล

ดังนั้น จากเหตุการณ์ต่างๆและสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันการที่ผู้นำรัฐบาลคือนายกรัฐมนตรีขาดความน่าเชื่อถือ ส่งผลกระทบทางลบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อคณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีปัญหาแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยแต่ปล่อยปละละเลย ให้นายกรัฐมนตรีและ คณะรัฐมนตรีดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ตามอำเภอใจ อาจทำให้อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยถูกรุกล้ำและยึดครองดังนั้นคณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐวุฒิสภา จึงมีความเห็นว่าวุฒิสภาสมควรเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงกรณีปัญหา ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เร็วที่สุด

“คณะกรรมาธิการตระหนักในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบต่ออธิปไตยความมั่นคงของชาติโดยจะทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด แผ่นดินนี้ พ่อกูอยู่ ปู่กูตาย กูสุดอาย หากเสียที ไพรีกอง ด้วยความ เคารพและห่วงใย” พลเอกสวัสดิ์ กล่าว


ด้านพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 กล่าวว่า ผลจากการประชุม JBC ทั้ง 2 วัน ยังไม่ได้ข้อยุติเป็นเพียง เรื่องของการ พูดคุยของคณะกรรมการชายแดนไทยกัมพูชาเท่านั้นในเรื่องของการปักปันเขตแดน ไม่ได้พูดถึงกรณีพิพาทที่เกิดขึ้น และฝ่ายกัมพูชายังหยิบยกพื้นที่ทั้ง 4 ขึ้นศาลโลก ซึ่งรัฐบาล ต้องยืนยัน ว่าประเทศไทย จะไม่นำเรื่องนี้และไม่ยอมรับที่จะขึ้นศาลโลก

ส่วนของการนำแผนที่ 1:200000 ที่มีความละเอียดน้อยกว่า 1:50000 ที่เรายึดถืออยู่ 4 เท่า ดูพื้นที่ 1:200000 เป็นเอกสารที่ไม่ได้รับการรับรอง แต่ในส่วนที่เรายึดถือไว้ ได้เขียนรายละเอียดในเรื่องของการปักปันเขตแดนในเรื่องของสารปั่นน้ำเอาไว้ เพราะฉะนั้นทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่รัฐบาลจะต้องยืนยัน และรัฐบาลจะต้องชี้แจง ให้กับประชาชน ทราบ เพราะปัจจุบันมีการบิดเบือน จนกระทั่งข่าวขณะนี้ประชาชนคนไทยตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือมาตรการที่รัฐบาลมอบหมายให้กับฝ่ายทหารฝ่ายความมั่นคง หรือกองทัพบกในการประกาศ การดำเนินการใดๆที่จะตอบโต้ในเรื่องของการเปิดปิดด่านชายแดน เรื่องนี้ต้องกระชับเข้มงวดและให้อำนาจในส่วนของการปฏิบัติของฝ่ายความมั่นคงที่อยู่หน้าแนว อย่างทันท่วงทีไม่เช่นนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้น ถ้าเราไม่เข้มงวด เราผ่อนปรน ฝ่ายกัมพูชาก็ไม่สนใจและมีมาตรการตอบโต้ รัฐบาลต้องมีความหนักแน่น ต่อการพูดคุยเพราะมีกลไกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ด้วยดีมาตลอดเกมการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้น ตนก็ขอให้คิดคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติคิดคำนึงถึงอธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดนที่บรรพบุรุษของเราเอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตเข้าแลกเอาไว้เราต้องปกปักรักษาถึงที่สุด

พลเอกเกรียงไกร ยังกล่าวถึง กรณีที่วุฒิสภาต้องการให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญขึ้นมา แต่ทางรัฐบาลปฏิเสธมาและให้เหตุผลว่าไม่จำเป็น ว่า ถ้ารัฐบาลได้รับฟังสมาชิกรัฐสภาและมีโอกาสในการเสนอความคิดเห็นมีโอกาสในการท้วงติงนำข้อเสนอแนะข้อมูลต่างๆมาพูดคุยกันในสภาก็จะทำให้รัฐบาลได้ข้อมูลต่างๆอย่างรอบด้านและเก็บเกี่ยวข้อมูลเหล่านั้นเพื่อที่จะไปทำข้อตกลง และกำหนดแนวทางในการ แก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเราสามารถกำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยปฏิบัตินำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างชัดเจน โดยรัฐบาลจะมี หลังพิงคือเสียงของสมาชิกรัฐสภาแต่เมื่อไม่สามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญของรัฐบาลได้ ในส่วนของวุฒิสภาจึงมีสมาชิกพร้อมใจกันขอเปิดอภิปรายทั่วไปกับคณะรัฐมนตรีขึ้นมา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีและมีโอกาสมาชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนและสภาทราบ
สมาชิกวุฒิสภาก็ได้มีโอกาสในการแสดงความคิดเห็นและรัฐบาลก็จะได้นำไปสู่การตัดสินใจ

ส่วนกรณีที่กัมพูชาอ้างแผนที่ 1:200000 ฝ่ายไทยควรจะตอบโต้โดยการขอยกเลิก MOU 43 ได้หรือไม่ พลเอกเกรียงไกรกล่าวว่า ใน MOU 43 ก็ไม่ได้ยอมรับแทนที่ 1 :200,000 แสนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าไทยจะไม่เสียเปรียบในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ พลเอกเกรียงไกรกล่าวว่า ถ้าเราดำเนินการไปตามกรอบที่ตนว่า เราจะไม่เสียเปรียบในเรื่องของการใช้แผนที่ และรวมถึงเรื่องของการปักปันเขตแดน

เมื่อถามถึงกระแสที่ว่านายกฯไทยหัวใจกัมพูชา พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่าเรื่องนี้ประชาชนว่า ตนไม่ได้ว่า ซึ่งการที่ตนขอเปิดอภิปรายทั่วไป นายกรัฐมนตรีก็ จะได้ชี้แจง เรื่องพวกนี้ที่มีขึ้นมาต่างๆในโซเชียลด้วย ซึ่งรัฐบาลก็จะได้ตอบและบอกว่าที่ประชาชนพูดอย่างนั้นไม่จริง.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร […]

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]