“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้

นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน


ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก 29 หลัก ยังเห็นต่างกัน

ส่วนที่สอง คือ การบินหาหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเขาเสนอว่าต้องหาหลักเขตที่ปักไว้ ในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่เราบอกว่า “ไม่พอ” จุดประสงค์ของเราไม่ต้องการให้ทำเหมือนกับมาเลเซีย แต่ต้องการให้เห็นเขตแดนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จะได้เป็นประโยชน์ต่อหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ จึงได้มีการถ่ายภาพทางอากาศ


จากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็มานั่งคุยกันว่า จะเดินสำรวจในแนวทางไหน เมื่อเห็นพ้องตรงกันก็ปักหลักเขตให้ถี่ขึ้น และทำแผนที่ฉบับใหม่

นายประศาสน์ กล่าวว่า ในการประชุมเมื่อวานนี้ เราได้เห็นชอบบันทึกการประชุมอนุกรรมธิการ ในชั้นเทคนิคเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้คุยกันใช้เวลาไม่นาน แค่ 2 นาทีก็เสร็จแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีการตกลงกันว่าจะใช้ เครื่องบินบินถ่ายภาพทางอากาศ โดยใช้เทคนิคการติดกล้อง เรียกว่า Lidar และยิงเลเซอร์ลงมา เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำกว่าเดิม และได้มีการคุยในรายละเอียดว่า จะใช้ขนาดโดรนเท่าไหร่ บินสูงแค่ไหน ใช้ความถี่เท่าไหร่ และมีการคุยกันว่าใครจะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย


“คงคุยต่อกันไปว่าใครเป็นคนทำใครเป็นคนจ่าย ซึ่งต้องจ่ายคนละครึ่งแน่ๆ เราทำกับลาวกับเมียนมาร์ ก็เคยทำร่วมกัน ไม่มีปัญหาอะไร แต่ทางกัมพูชาค่อนข้างเซนต์ซิทีฟหน่อย ว่าใครจะเป็นคนบิน” นายประศาสน์ กล่าว

นายประศาสน์ ย้ำว่า ขั้นตอนการประชุมเป็นไปด้วยความรวดเร็วมาก ซึ่งทางกัมพูชาได้สอบถามว่า ทำไมไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจหลักเขต ตนก็ได้ชี้แจงว่า เห็นด้วยในหลักการที่จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไป แต่ติดอยู่สองเรื่องคือ ยังไม่ได้ทำคู่มือให้เจ้าหน้าที่ และตาม TOR จะต้องมีเทคนิค Lidar ให้พร้อมก่อน จะให้ไปเดินไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไปเดินดุ่มๆ แถวชายแดน เราก็ห่วงเจ้าหน้าที่ของเรา เพราะมีกับระเบิด ถึงจะเก็บไปเยอะแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม กัมพูชาก็ได้ทักท้วงว่า ทำไมไม่ส่งเจ้าหน้าที่ ลงสำรวจพื้นที่ ตอนที่ 6 ช่วงปราสาทเขาพระวิหารจนถึงภาคตะวันออก ซึ่งประเด็นนี้ก็เถียงกันไปเถียงกันมา โดยตนก็ได้ชี้แจงไปว่าต้องทำภาพถ่ายทางอากาศก่อน
ตอนนั้นในปี 2556 เป็นพื้นที่ที่มีการยิงกัน ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน

นายประศาสน์ อธิบายเพิ่มถึงการประชุมที่มีเนื้อหาละเอียดอ่อน โดยจะเป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ซึ่งข่าววาระการประชุมที่มีหลุดออกมา คือวาระก่อนการประชุมกลุ่มเล็กของทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมย้ำว่าการทำงานของคณะ JBC คือการทำให้เห็นเขตแดนอย่างชัดเจน โดยยกตัวอย่างของประเทศมาเลเซียที่ใช้เวลานานกว่า 12 ปีกับเขตแดน 556 กิโลเมตร โดยที่ไม่มีปัญหาของการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่กับไทยยังเรียกได้ว่ายังไม่ถึงขั้นตั้งไข่ ไม่รู้ว่าจะสำเร็จได้เมื่อไหร่ อาจจะนาน 15-20 ปีในด้านเทคนิค ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

เมื่อถามว่าทำแมปปิ้ง มีการตกลงกันหรือไม่ไม่ว่าจะยึดแผนที่ 1 ต่อ 200,000 หรือ 1 ต่อ 50,000 นายประศาสน์ กล่าวว่า ขอยืนยันให้ชัดเจนเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่เป็นข่าวว่าตนไปตกลง และพูดในที่ประชุม ยืนยันว่าไม่มีพูดเลย แต่จัดทำเขตแดนที่พูดถึงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 หรือ 1 ต่อ 50,000 ที่ต่างฝ่ายต่างทำกันเองเลย แต่เป็นแผนที่จากภาพทางอากาศที่ทำในอัตรา 1 ต่อ 50,000 ซึ่งสองฝ่ายจะต้องทำร่วมกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ในส่วนของแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ที่ไทยใช้ เป็นแผนที่ทางยุทธการ ซึ่งมีความเร็วในระดับหนึ่งแล้ว

เมื่อถามว่า หลังจากกัมพูชาได้มีการแถลงการณ์ออกมาแล้ว ทางไทยได้มีการติดต่อไปเจรจาเพื่อทำความเข้าใจหรือไม่ นายประศาสน์ กล่าวว่า ตนทำเฉพาะเรื่องทางเทคนิคเท่านั้น ส่วนเรื่องการแถลงคลาดเคลื่อน เป็นหน้าที่ของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะแถลงชี้แจง ซึ่งเมื่อเช้าตนได้แจ้งว่า เพิ่งเปิดประตูให้เจรจากันได้ ดังนั้นจะเป็นการคุยแค่เฉพาะเทคนิคล้วนๆ เรื่องชวนทะเลาะไม่เอา เรื่องชวนทะเลาะ ปิดประตูคุยกันก็เคยมาแล้ว ตนเจอหนักกว่านี้มาแล้ว เมื่อวานถือว่าสมูทที่สุดแล้ว มีการอัดกันเบาๆ ในห้องประชุม ประมาณ 2 ชั่วโมง สำหรับตนคือเบามาก กว่าที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่า กัมพูชาได้มีการแจ้งว่า จะยื่นเรื่อง 4 พื้นที่พิพาท ต่อศาลโลกในที่ประชุมหรือไม่ และในการประชุมครั้งหน้า กัมพูชายืนยันว่าจะไม่มีการพูดคุย 4 พื้นที่พิพาท ในกลไกทวีภาคี ดังนั้นในการพูดคุยในเดือนกันยายน ไทยจะเป็นผู้เสนอ กลับเข้าสู่ที่ประชุมเจบีซีได้หรือไม่ นายประศาสน์ กล่าวว่าเรื่องนี้อยู่เกินขอบข่ายที่ตนจะต้องพูด แต่ตนขอตอบเลยว่า นายกฯของเขา ได้โพสต์ข้อความก่อนวันประชุม ว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้ในที่ประชุม เขาจึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาในวงเล็ก เพื่อบอกว่าเขาจะไม่พูด ตนก็โอเครับทราบว่าเขาจะไม่พูด แต่บอกว่าเสียดาย แม้จะไม่พูดเรื่องเขตแดนเพราะต้องการเอาขึ้นศาลโลกก็เรื่องของท่าน แต่หนึ่งในนั้นเป็นจุดที่เกิดการปะทะกัน และอดีตเคยมีประธานไปคุยกันที่แนวชายแดน ไปดูให้เห็นกับตาและกำหนดมาตรการชั่วคราว มีการตีกรอบไม่ให้เข้าไปทำกิจกรรมใดๆ กำหนดความกว้างความยาวเท่าที่จำเป็น ไม่ให้เข้าไปใกล้กันจนเกิดการกระทบกระทั่ง แต่ตนขอว่าเราเคยมีหลักปฏิบัติชั่วคราวเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านทะเลาะกัน ขอยกรื่องนี้มาพูดได้หรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการพูดในวงเล็ก จึงไม่มีอยู่ในรายงานการประชุมเลย แต่มีการคุยกันเกือบชั่วโมง แต่เขาได้รับคำสั่งชัดเจนว่าไม่ให้พูด ไม่ให้ยกขึ้นหารือ และเมื่อเขาเอาเรื่องในกลุ่มเล็กมาพูด ตนก็เอามาพูดได้บ้างแล้วกัน ในเรื่องที่คิดว่าไม่ ทำให้เกิดความเสียหาย ให้เห็นบรรยากาศ จริงๆ มันสมูท ไม่ได้งี่เง่าไปถูกเขาหลอกแบบสมูทนะ เพราะมีการอัดกันแรงพอสมควร แต่ยืนยันว่าแรงน้อยที่สุดแล้ว ตั้งแต่ตนเคยเจอมา

เมื่อถามว่า ในMOU 43 มีการบันทึกว่า การปักปันแนวเขตจะต้องยึดที่สันปันน้ำใช่หรือไม่ และแนวเขตในการปักปันแตกต่างแผนที่ 1 ต่อ 200,000 และ 1 ต่อ 50,000 อย่างไร นายประศาสน์ กล่าวว่า เรายึดจากสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ปี 1904 และ 1907 รวมถึงแผนที่ ซึ่งเป็นผลการสำรวจปักปันในอดีต รวมถึงเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่กฏหมายระหว่างประเทศให้การรับรอง เช่นรายงานข้าหลวง ที่ไปปั่นเขตแดน ทางกัมพูชานอกจากนี้ทางกัมพูชาเคยไปปักปันหลักไม้ไว้ 2 ครั้ง และมีการจัดทำภาพแผนผัง ที่หลายคนเรียกว่าบันทึกวาจา ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเป็นหลักซีเมนต์ และทำบันทึกวาจาไว้

เมื่อถามว่าเมื่อกัมพูชาอ้างว่า แผนที่ 1 ต่อ 50,000 เป็นแผนที่ที่ไทยทำเพียงฝ่ายเดียว นายประศาสน์ ชี้แจงว่า แผนที่ 1 ต่อ 50,000 เป็นแผนที่ยุทธการ ที่แต่ละประเทศผลิตขึ้นมาเองไม่ว่าจะด้วยทางเทคโนโลยีหรือความร่วมมือต่างๆ ในส่วนของไทยในปี 2495 เราเคยทำมาแล้วที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยสหรัฐ เป็นผู้ทำให้กับ อินโดจีน ไทย ลาว กัมพูชา หลังจากนั้นแต่ละประเทศ ก็จะไปพัฒนาข้อมูลต่างๆ ซึ่งถือเป็นการทำฝ่ายเดียว เป็นการต่างคนต่างทำ ไม่มีผลผูกพัน แต่ต่อให้ทำร่วมกันก็ไม่มีผลผูกพันระหว่างประเทศ ไม่ใช่แผนที่ที่ทำโดยสนธิสัญญา.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]