“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้

นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน


ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก 29 หลัก ยังเห็นต่างกัน

ส่วนที่สอง คือ การบินหาหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเขาเสนอว่าต้องหาหลักเขตที่ปักไว้ ในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่เราบอกว่า “ไม่พอ” จุดประสงค์ของเราไม่ต้องการให้ทำเหมือนกับมาเลเซีย แต่ต้องการให้เห็นเขตแดนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จะได้เป็นประโยชน์ต่อหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ จึงได้มีการถ่ายภาพทางอากาศ


จากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็มานั่งคุยกันว่า จะเดินสำรวจในแนวทางไหน เมื่อเห็นพ้องตรงกันก็ปักหลักเขตให้ถี่ขึ้น และทำแผนที่ฉบับใหม่

นายประศาสน์ กล่าวว่า ในการประชุมเมื่อวานนี้ เราได้เห็นชอบบันทึกการประชุมอนุกรรมธิการ ในชั้นเทคนิคเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้คุยกันใช้เวลาไม่นาน แค่ 2 นาทีก็เสร็จแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีการตกลงกันว่าจะใช้ เครื่องบินบินถ่ายภาพทางอากาศ โดยใช้เทคนิคการติดกล้อง เรียกว่า Lidar และยิงเลเซอร์ลงมา เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำกว่าเดิม และได้มีการคุยในรายละเอียดว่า จะใช้ขนาดโดรนเท่าไหร่ บินสูงแค่ไหน ใช้ความถี่เท่าไหร่ และมีการคุยกันว่าใครจะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย


“คงคุยต่อกันไปว่าใครเป็นคนทำใครเป็นคนจ่าย ซึ่งต้องจ่ายคนละครึ่งแน่ๆ เราทำกับลาวกับเมียนมาร์ ก็เคยทำร่วมกัน ไม่มีปัญหาอะไร แต่ทางกัมพูชาค่อนข้างเซนต์ซิทีฟหน่อย ว่าใครจะเป็นคนบิน” นายประศาสน์ กล่าว

นายประศาสน์ ย้ำว่า ขั้นตอนการประชุมเป็นไปด้วยความรวดเร็วมาก ซึ่งทางกัมพูชาได้สอบถามว่า ทำไมไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจหลักเขต ตนก็ได้ชี้แจงว่า เห็นด้วยในหลักการที่จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไป แต่ติดอยู่สองเรื่องคือ ยังไม่ได้ทำคู่มือให้เจ้าหน้าที่ และตาม TOR จะต้องมีเทคนิค Lidar ให้พร้อมก่อน จะให้ไปเดินไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไปเดินดุ่มๆ แถวชายแดน เราก็ห่วงเจ้าหน้าที่ของเรา เพราะมีกับระเบิด ถึงจะเก็บไปเยอะแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม กัมพูชาก็ได้ทักท้วงว่า ทำไมไม่ส่งเจ้าหน้าที่ ลงสำรวจพื้นที่ ตอนที่ 6 ช่วงปราสาทเขาพระวิหารจนถึงภาคตะวันออก ซึ่งประเด็นนี้ก็เถียงกันไปเถียงกันมา โดยตนก็ได้ชี้แจงไปว่าต้องทำภาพถ่ายทางอากาศก่อน
ตอนนั้นในปี 2556 เป็นพื้นที่ที่มีการยิงกัน ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน

นายประศาสน์ อธิบายเพิ่มถึงการประชุมที่มีเนื้อหาละเอียดอ่อน โดยจะเป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ซึ่งข่าววาระการประชุมที่มีหลุดออกมา คือวาระก่อนการประชุมกลุ่มเล็กของทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมย้ำว่าการทำงานของคณะ JBC คือการทำให้เห็นเขตแดนอย่างชัดเจน โดยยกตัวอย่างของประเทศมาเลเซียที่ใช้เวลานานกว่า 12 ปีกับเขตแดน 556 กิโลเมตร โดยที่ไม่มีปัญหาของการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่กับไทยยังเรียกได้ว่ายังไม่ถึงขั้นตั้งไข่ ไม่รู้ว่าจะสำเร็จได้เมื่อไหร่ อาจจะนาน 15-20 ปีในด้านเทคนิค ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

เมื่อถามว่าทำแมปปิ้ง มีการตกลงกันหรือไม่ไม่ว่าจะยึดแผนที่ 1 ต่อ 200,000 หรือ 1 ต่อ 50,000 นายประศาสน์ กล่าวว่า ขอยืนยันให้ชัดเจนเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่เป็นข่าวว่าตนไปตกลง และพูดในที่ประชุม ยืนยันว่าไม่มีพูดเลย แต่จัดทำเขตแดนที่พูดถึงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 หรือ 1 ต่อ 50,000 ที่ต่างฝ่ายต่างทำกันเองเลย แต่เป็นแผนที่จากภาพทางอากาศที่ทำในอัตรา 1 ต่อ 50,000 ซึ่งสองฝ่ายจะต้องทำร่วมกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ในส่วนของแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ที่ไทยใช้ เป็นแผนที่ทางยุทธการ ซึ่งมีความเร็วในระดับหนึ่งแล้ว

เมื่อถามว่า หลังจากกัมพูชาได้มีการแถลงการณ์ออกมาแล้ว ทางไทยได้มีการติดต่อไปเจรจาเพื่อทำความเข้าใจหรือไม่ นายประศาสน์ กล่าวว่า ตนทำเฉพาะเรื่องทางเทคนิคเท่านั้น ส่วนเรื่องการแถลงคลาดเคลื่อน เป็นหน้าที่ของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะแถลงชี้แจง ซึ่งเมื่อเช้าตนได้แจ้งว่า เพิ่งเปิดประตูให้เจรจากันได้ ดังนั้นจะเป็นการคุยแค่เฉพาะเทคนิคล้วนๆ เรื่องชวนทะเลาะไม่เอา เรื่องชวนทะเลาะ ปิดประตูคุยกันก็เคยมาแล้ว ตนเจอหนักกว่านี้มาแล้ว เมื่อวานถือว่าสมูทที่สุดแล้ว มีการอัดกันเบาๆ ในห้องประชุม ประมาณ 2 ชั่วโมง สำหรับตนคือเบามาก กว่าที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่า กัมพูชาได้มีการแจ้งว่า จะยื่นเรื่อง 4 พื้นที่พิพาท ต่อศาลโลกในที่ประชุมหรือไม่ และในการประชุมครั้งหน้า กัมพูชายืนยันว่าจะไม่มีการพูดคุย 4 พื้นที่พิพาท ในกลไกทวีภาคี ดังนั้นในการพูดคุยในเดือนกันยายน ไทยจะเป็นผู้เสนอ กลับเข้าสู่ที่ประชุมเจบีซีได้หรือไม่ นายประศาสน์ กล่าวว่าเรื่องนี้อยู่เกินขอบข่ายที่ตนจะต้องพูด แต่ตนขอตอบเลยว่า นายกฯของเขา ได้โพสต์ข้อความก่อนวันประชุม ว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้ในที่ประชุม เขาจึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาในวงเล็ก เพื่อบอกว่าเขาจะไม่พูด ตนก็โอเครับทราบว่าเขาจะไม่พูด แต่บอกว่าเสียดาย แม้จะไม่พูดเรื่องเขตแดนเพราะต้องการเอาขึ้นศาลโลกก็เรื่องของท่าน แต่หนึ่งในนั้นเป็นจุดที่เกิดการปะทะกัน และอดีตเคยมีประธานไปคุยกันที่แนวชายแดน ไปดูให้เห็นกับตาและกำหนดมาตรการชั่วคราว มีการตีกรอบไม่ให้เข้าไปทำกิจกรรมใดๆ กำหนดความกว้างความยาวเท่าที่จำเป็น ไม่ให้เข้าไปใกล้กันจนเกิดการกระทบกระทั่ง แต่ตนขอว่าเราเคยมีหลักปฏิบัติชั่วคราวเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านทะเลาะกัน ขอยกรื่องนี้มาพูดได้หรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการพูดในวงเล็ก จึงไม่มีอยู่ในรายงานการประชุมเลย แต่มีการคุยกันเกือบชั่วโมง แต่เขาได้รับคำสั่งชัดเจนว่าไม่ให้พูด ไม่ให้ยกขึ้นหารือ และเมื่อเขาเอาเรื่องในกลุ่มเล็กมาพูด ตนก็เอามาพูดได้บ้างแล้วกัน ในเรื่องที่คิดว่าไม่ ทำให้เกิดความเสียหาย ให้เห็นบรรยากาศ จริงๆ มันสมูท ไม่ได้งี่เง่าไปถูกเขาหลอกแบบสมูทนะ เพราะมีการอัดกันแรงพอสมควร แต่ยืนยันว่าแรงน้อยที่สุดแล้ว ตั้งแต่ตนเคยเจอมา

เมื่อถามว่า ในMOU 43 มีการบันทึกว่า การปักปันแนวเขตจะต้องยึดที่สันปันน้ำใช่หรือไม่ และแนวเขตในการปักปันแตกต่างแผนที่ 1 ต่อ 200,000 และ 1 ต่อ 50,000 อย่างไร นายประศาสน์ กล่าวว่า เรายึดจากสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ปี 1904 และ 1907 รวมถึงแผนที่ ซึ่งเป็นผลการสำรวจปักปันในอดีต รวมถึงเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่กฏหมายระหว่างประเทศให้การรับรอง เช่นรายงานข้าหลวง ที่ไปปั่นเขตแดน ทางกัมพูชานอกจากนี้ทางกัมพูชาเคยไปปักปันหลักไม้ไว้ 2 ครั้ง และมีการจัดทำภาพแผนผัง ที่หลายคนเรียกว่าบันทึกวาจา ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเป็นหลักซีเมนต์ และทำบันทึกวาจาไว้

เมื่อถามว่าเมื่อกัมพูชาอ้างว่า แผนที่ 1 ต่อ 50,000 เป็นแผนที่ที่ไทยทำเพียงฝ่ายเดียว นายประศาสน์ ชี้แจงว่า แผนที่ 1 ต่อ 50,000 เป็นแผนที่ยุทธการ ที่แต่ละประเทศผลิตขึ้นมาเองไม่ว่าจะด้วยทางเทคโนโลยีหรือความร่วมมือต่างๆ ในส่วนของไทยในปี 2495 เราเคยทำมาแล้วที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยสหรัฐ เป็นผู้ทำให้กับ อินโดจีน ไทย ลาว กัมพูชา หลังจากนั้นแต่ละประเทศ ก็จะไปพัฒนาข้อมูลต่างๆ ซึ่งถือเป็นการทำฝ่ายเดียว เป็นการต่างคนต่างทำ ไม่มีผลผูกพัน แต่ต่อให้ทำร่วมกันก็ไม่มีผลผูกพันระหว่างประเทศ ไม่ใช่แผนที่ที่ทำโดยสนธิสัญญา.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย