ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.- กต.แถลงผลประชุม JBC ผิดหวังกัมพูชาเมินกลไกทวิภาคี “นิกรเดช” ยันเตรียมรับมือไว้แล้ว ชี้เพื่อนบ้านที่ดี ต้องไม่ยื่นคำขู่ บอกไทยมีสติรอบคอบ เน้นตอบโต้ระดับรัฐบาล ไม่ใช้ความสัมพันธ์ระดับประเทศมาเป็นประเด็นการเมือง เจรจาด้วยความจริงใจ-สุจริตใจ ขณะ JBC ครั้งหน้า กัมพูชาตอบรับมาแล้ว ก.ย.นี้
กระทรวงการต่างประเทศ จัดแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14-15 มิ.ย.68 นำโดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการ JBC ฝ่ายไทย และนายเบจมินทร์ สุกาญจนัทจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
นายนิกรเดช เปิดเผยว่าตามที่ได้ทราบแล้วว่าเมื่อคืนวานนี้ (15 มิ.ย.68) กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงข่าวเรื่องผลการประชุม JBC สะท้อนท่าทีว่าไทยที่ชัดเจนเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และกลไกทวิภาคีตามที่รัฐบาลไทยได้แถลงยืนยันมาโดยตลอดว่า ไทยยึดมั่นในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนด้วยความจริงใจและสุจริตใจ รวมถึงการเข้าร่วมประชุม JBC ที่ผ่านมาที่ไทยเข้าร่วมด้วยความตั้งใจจริงและความสุจริตใจที่จะเห็นผลลัพธ์เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย
นายนิกรเดช กล่าวว่า วันนี้เห็นเราว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบสนอง แต่ยังคงเลือกที่จะเสนอพื้นที่ 4 จุด ได้แก่ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งในการเจรจาร่างระเบียบวาระการประชุม ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะไม่หารือกรณีพื้นที่ 4 จุดในการประชุมครั้งนี้ ฝ่ายไทยจึงแสดงความผิดหวัง เพราะประเด็นด้านเขตแดนทั้งหมดอยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC ซึ่งเป็นประเด็นเชิงเทคนิค
นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุม JBC ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมีประสิทธิผลและทำต่อเนื่องมาตลอด 25 ปี การประชุม JBC จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากสถานการณ์ชายที่เกิดขึ้น จึงย้ำว่ากลไกทวิภาคีผ่านการประชุม JBC ยังดำเนินการได้ มีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์นำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบตกลงที่จะเข้าร่วม
ขณะที่การร้องต่อ ICJ ของกัมพูชา รัฐบาลไทยไม่รับเขตอำนาจศาล ICJ มาตั้งตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน ประธาน JBC ฝ่ายไทยได้ย้ำในถ้อยแถลง ซึ่งประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชาได้รับทราบ และกระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมแนวทางการรับมือเรื่องนี้ไว้แล้ว
สำหรับมาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชา กัมพูชามีมาตรการต่างๆ รวมถึงคำขู่ว่าจะปิดด่านและงดนำเข้าสินค้าจากไทย หากไม่เปิดด่าน นายนิกรเดช ย้ำว่าไทยปฏิบัติตามหลักสากล การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน โดยที่ไม่มีการหารือ หรือหาทางออกสร้างสรรค์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ทั้งนี้ไทยยึดถือผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนมาโดยตลอด
“มาตรการของไทยที่ผ่านมาเป็นการตอบโต้ระดับรัฐบาล ไม่มีเป้าหมายโจมตีประชาชน แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมิเดีย ไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดต่อกันอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชน สะท้อนว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกับบทพื้นฐานความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณและความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบและมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง ยกตัวอย่างกรณีแรงงานต่างชาติ นายกรัฐมนตรีไทยได้กล่าวเรื่องนี้ไปแล้วว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดผลักดันแรงงานไทยออกนอกราชอาณาจักร ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแรงงานเอง” นายนิกรเดช กล่าว
นายนิกรเดช กล่าวว่า ส่วนการชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยยังดำเนินการอยู่และดำเนินการมาพักหนึ่งแล้ว เราไม่เคยนิ่งนอนใจ ซึ่งวันนี้กระทรวงการต่างประเทศจะจัดรายงานสรุปให้กับคณะทูตในเวลา 15.30 น. เพื่อให้ข้อเท็จจริงว่าอะไรเกิดขึ้น ทั้งนโยบายสันติที่ไทยดำเนินการมาโดยตลอด และแนวทางที่จะไทยจะใช้ต่อไป
นายนิกรเดช ย้ำว่าขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลอย่างชัดเจน ฝ่ายไทยจะนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือน เพื่อให้ประชาชนรับทราบอย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปเผยแพร่ในวงกว้าง
ในช่วงถามตอบ นายนิกรเดช ชี้แจงถึงการแถลงข่าวของทางการไทยที่ล่าช้า ว่า การตอบโต้ไม่ใช่ทางออกเสมอไป และจะต้องเป็นคำตอบที่ไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเชิงลึก อีกทั้งคณะกรรมาธิการ JBC ฝ่ายไทยเพิ่งเดินทางกลับมาถึงประมาณ 21.00 น. ของวานนี้ (15 มิ.ย.) จึงไม่เหมาะสมในการเชิญสื่อมวลชนมาแถลงข่าวตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จึงมีการออกแถลงการณ์ในช่วงกลางดึก และเชิญนายประศาสน์ มาแถลงด้วยตนเองวันนี้.-315.-สำนักข่าวไทย