กทม. 16 มิ.ย.-“นันทนา” ชี้ การสื่อสารของรัฐบาลปมไทย-กัมพูชา ทำให้วิกฤติยิ่งวิกฤติมาก ตามหลังเขมรหนึ่งก้าวเสมอ แนะตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ชายแดน เพื่อการสื่อสารที่เป็นเอกภาพ ซัดนายกฯ ควรสื่อสารทางการ ไม่ใช่เฉพาะโซเชียลฯ ทำคนไทยขาดความเชื่อมั่น บอกควรคุยประชาคมโลกให้อยู่ข้างไทย
นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงท่าทีของไทยหลังจากการประชุม JBC ว่า กระบวนการสื่อสารทางการเมืองของรัฐบาลไทยสอบตกตั้งแต่เริ่มมีข้อพิพาท จนกระทั่งถึงการเจรจา JBC รัฐบาลสื่อสารช้าเกินไป น้อยเกินไป ขาดเอกภาพ ขาดประสิทธิภาพ เห็นได้ชัดจากการสื่อสารที่ไม่รู้ว่าจะฟังใคร เพราะมีทั้งกระทรวงการต่างประเทศและแถลงการณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และแถลงการณ์ของทหาร รวมทั้งทวิตเตอร์ของนายกรัฐมนตรี ตกลงแล้วไม่รู้ว่าอันไหนคือการสื่อสารอย่างเป็นทางการ ทำให้การรับรู้ข้อมูลเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ข่าวลือก็เยอะ รัฐบาลต้องหันมาดูสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งระหว่างไทย- กัมพูชา เป็นสถานการณ์ที่วิกฤต แต่การสื่อสารของรัฐบาลทำให้วิกฤตยิ่งวิกฤตมากขึ้น และจนถึงขนาดนี้ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลตั้งวอลรูม หรือศูนย์บริหารสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชา เพื่อที่จะบูรณาการความร่วมมือ 3 ฝ่ายคือ รัฐบาล ทหาร และกระทรวงการต่างประเทศ และพยายามที่จะเป็นศูนย์กลางของข้อมูลข่าวสาร และกระบวนการตัดสินใจทั้งหมดควรอยู่ที่นี่
โดยแถลงการณ์ทหารทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจ แต่ความจริงแล้วการสื่อสารควรออกมาจากศูนย์บัญชาการเดียว โดยมีฝ่ายรัฐบาลเป็นคนนำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาข่าวลือ และสร้างความขัดแย้งสร้างความบาดมาระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งการตั้งวอลรูมตนเรียกร้องมาตั้งแต่ต้น ให้มีการทำงานร่วมกันของทั้ง 3 ฝ่ายและมีโฆษกเพียงคนเดียว ไม่ใช่การสื่อสารออกมาของแต่ละหน่วยงาน ต่างคนก็ต่างสื่อสาร ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดอย่างแรง ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่าจะต้องฟังจากที่ไหน ซึ่งการสื่อสารภายในประเทศถือว่าทำได้ไร้ประสิทธิภาพ
“ดูจากเมื่อวานนี้การประชุม JBC เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ บ่าย3 และบ่าย 3 มีแถลงการณ์ออกมา แต่กระทรวงการต่างประเทศมีแถลงการณ์ออกมา 3ทุ่ม นี่เป็นการสื่อสารที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ทิ้งระยะห่าง ไป 6 ชั่วโมงเพิ่งนึกขึ้นได้ 9 ชั่วโมงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะมาสื่อสาร ทำให้การสื่อสารของเราอยู่หลังฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอด เขาจะนำหน้าเราหนึ่งก้าวเสมอ ขณะฝ่ายไทยใช้ภาษาการทูตทุกอย่าง ส่วนฝั่งกัมพูชาใช้ภาษาทางการทหารมาโดยตลอด ฉะนั้นเมื่อเห็นการสื่อสารทางฝั่งกัมพูชาแล้วทางฝั่งไทยควรปรับการสื่อสาร ให้มีลักษณะที่ชัดเจนจะใช้ภาษาดอกไม้ต่อไป ก็จะทำให้คนไทยทั้งประเทศไม่รับรู้ข้อมูลที่แท้จริง และอาจจะมีผลในเชิงจิตวิทยาที่ทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งรู้สึกหวั่นไหวกับสถานการณ์”นางสาวนันทนากล่าว
นางสาวนันทนา กล่าวต่อว่า การสื่อสารของไทยขาดน้ำหนักและไม่สามารถทำให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลควบคุม สถานการณ์ได้แล้ว หรือควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดว่าสามารถรักษาอธิปไตยของไทยได้แล้ว
นางสาวนันทนา ยังกล่าวถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีกับสถานการณ์แบบนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีควรออกมาสื่อสารในฐานะนายกรัฐมนตรี หรือออกมาสื่อสารในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ ความชัดเจนยังไม่มี แต่ถ้าออกมาสื่อสารในฐานะนายกรัฐมนตรี ช่องทางในการสื่อสารควรเป็นทางการมากกว่านี้ การโพสทวิตเตอร์ไม่ได้ทำให้การสื่อสารเป็นทางการ ที่ต้องการจะบอกอะไรกับประชาชน เพราะสถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ในภาวะวิกฤต ที่ประชาชนรู้สึกหวั่นไหว เพราะพูดถึงดินแดนของประเทศไทย อธิปไตยของชาติไทย ฉะนั้นถ้านายกรัฐมนตรีจะสื่อสาร ควรสื่อสารในฐานะนายกรัฐมนตรี และควรถ่ายทอดผ่านสื่อกระแสหลัก หรือโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และสื่อสาร ด้วยสคริปที่เรียบเรียงมาอย่างชัดเจน ที่เป็นข้อมูลที่ต้องการจะสื่อสารกับคนในประเทศ เพื่อรายงานข้อมูลสถานการณ์และสร้างความมั่นใจในการควบคุมสถานการณ์
“นายกฯต้องสื่อสารอย่างเป็นทางการ ไม่อาจที่จะใช้ Social Media ในการที่ออกมาเพราะเราไม่แน่ใจว่า นั่นคือตัวของนายกที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แล้วเป็นการสื่อสารเฉพาะกลุ่มที่ต้องการให้คนในโลกโซเชียลรู้เท่านั้น ไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งนี่จะเป็นปัญหา ถ้านายกยังสื่อสารแบบก้ำกึ่ง คนโดยทั่วไปก็ไม่รู้ว่าจะฟังใคร และสุดท้ายก็จะรู้สึกไม่มั่นใจในรัฐบาล นี่ก็เป็นผลมาจากการสื่อสารทางการเมืองในภาวะวิกฤตของนายกรัฐมนตรีเอง”นางสาวนันทนา กล่าว
นางสาวนันทนา กล่าวต่อว่า การสื่อสารในประเทศไทยไม่ใช่แค่สื่อสารกับคนในประเทศ ตอนนี้ประเทศไทยต้องเร่งสื่อสารกับประชาคมโลก ในขณะที่กัมพูชาเดินหน้าสื่อสารกับประชาคมโลก ด้วยการที่บอกว่าจะเอาเรื่องทั้งหมดขึ้นศาลโลก แต่ประเทศไทยยังไม่ได้ทำอะไรเลย สิ่งที่ควรจะทำในภาวะนี้ และเร็วที่สุดคือเรียกประชุมทูตานุทูตของทุกประเทศในไทย และสื่อสารให้ทราบว่าเราประเทศไทยจะทำอะไรกับสถานการณ์นี้ แล้วชี้แจงข้อข้องใจทั้งหมดที่บรรดาทูตานุทูตทั่วโลกสงสัย ว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่ยอมขึ้นศาลโลก ดังนั้นต้องสื่อสารเชิงรุก เพราะเรารับมาโดยตลอด และเราต้องสื่อสารกับ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ด้วย ที่เป็นเสาหลักของ UNให้รับทราบว่า กระบวนการในประเทศไทย กลับกัมพูชาขณะนี้ ได้เดินตามหลักการที่ถูกต้องอย่างไร เพื่อให้ประชาคมโลกอยู่ฝั่งเรา ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาประชาคมโลกคนอยู่ฝั่งเดียวกับเรา ฉะนั้นต้องรีบสื่อสารกับประชาคมโลกและสร้างเอกภาพในการสื่อสารด้วยการตั้งวอลรูมขึ้นมา รวมทั้งสื่อสารให้มาก และเป็นทางการเพื่อป้องกันข่าวลือ.-315 -สำนักข่าวไทย