กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา
เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน
ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC จัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจ ไปพร้อมๆ กับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อเสนอต่อ JBC ต่อไป
ในเเถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาเฉพาะและลดความตึงเครียดระหว่างกัน แต่ยังเดินหน้านำเรื่องพื้นที่ 4 จุด (พื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย) ไปสู่การพิจารณาของ ICJ ซึ่งสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีต่างๆ ที่มีอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
ในการนี้ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา (ซึ่งได้บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้) ดังนี้
1.การดำเนินการของไทยเป็นไปโดยความจำเป็นตามหลักการป้องกันตัวจากการที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีก่อน และเป็นไปอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
2.ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ ใน JBC
3.ไทยย้ำถึงความสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดมั่น MOU 2543 (ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกับไทย) โดยไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
4.ทั้งสองฝ่ายจะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและขัดแย้งในวงกว้าง และย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอื่นๆ ในการช่วยแก้ปัญหาด้วย เช่น GBC, RBC การประชุมผู้ว่าจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้แนวชายแดนมีความสงบเป็นปกติ และอำนวยความสะดวกการเดินทางของคนและขนส่งสินค้า ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือในประเด็นนี้
ทั้งนี้ การประชุมมิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ ICJ และมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในประเด็นเทคนิคในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตามแผนแม่บทฯ
ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายน 2568
สมช.ประชุมด่วนวันนี้ หลังกัมพูชายกระดับ กดดันไทย
ขณะที่ นายสรพงค์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง รักษาราชการแทนรองเลขาธิการฯ ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกประชุมหารือและประเมินสถานการณ์ รวมถึงแนวทางดำเนินการ หลังรัฐบาลกัมพูชาประกาศยุติซื้ออินเทอร์เน็ตและกระแสไฟฟ้าจากไทย วันนี้ เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะหารือใน 5 ประเด็น คือ ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชา, การดำเนินการภายหลังที่รัฐบาลกัมพูชามีมาตรการยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าจากไทย, ผลกระทบจากมาตรการฯ ของฝ่ายกัมพูชา, ข้อกฎหมายและอุปสรรคการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไป
ขณะที่ในเวลา 10.00 น. มีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือผลการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 จากเดิมนายกรัฐมนตรีมีวาระงาน “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 และคณะ จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
กองทัพบกพร้อมยกระดับ “ไม่อ่อนข้อหากถูกรุกราน”
ขณะที่กองทัพบอกแสดงท่าทีชัดเจน โพสต์ข้อความว่า “เชื่อมั่นกองทัพบก” เมื่อเส้นเขตแดน คือเส้นเปราะบาง ละเมิด MOU 43 หลายร้อยครั้ง-ทำคูเลตในพื้นที่ช่องบก ไทยเจรจาตามหลักสากล เป็นขั้นตอน แจ้งเตือน เจรจา ประท้วง อยู่ในระเบียบ ไม่รุกราน กองทัพบอกปกป้องอธิปไตย ภายใต้มาตการ สมช. สนับสนุนการทูตเชิงรุกของรัฐบาล ความปลอดภัยประชาชนมาก่อน ปิดด้าน ตามหลักมาตรการความมั่นคง ลกความขัดแย้งและการปะทะ แต่ไม่ยอมอ่อนข้อหากถูกรุกราน ยึดแนวทางสันติวิธี และผ่านกลไกทวิภาคี เตรียมกำลังทหาร พร้อมปกป้องอธิปไตย.-สำนักข่าวไทย