“อนุทิน” ประกาศเชื่อมั่น​-​เชื่อใจ​นายกฯ

อุดรธานี 15 มิ.ย.-“อนุทิน” ประกาศเชื่อมั่น​-​เชื่อใจ​ นายกฯ แพทองธาร มั่นใจไม่ชิงยุบสภา​สร้างความได้เปรียบการเมือง​ วอนอย่ามองปรับ ครม.เป็นคณิตศาสตร์​ ขอยึดโยงประชาชน อย่าเอาคนใดคนหนึ่งเป็นที่ตั้ง​ เผย​หลังประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ยังคุยนายกฯ ปกติ ไม่มีเรื่องตำแหน่ง พร้อมปัดข่าวกินข้าว “ทักษิณ”

นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย​ กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ที่มีนายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ลงพื้นที่ด้วยนั้น และมีการประกาศบนเวทีตอนหนึ่งว่ามีความสนิทสนมกัน ว่า​ นี่คือการเมืองยุคใหม่ เราจะมาบอกว่าคนที่ ไม่ใช่พรรคเดียวกันเราไม่สนใจไม่ได้ เพราะเราเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ต้องให้ความสนใจกับเสียงของประชาชนทุกคน สส.คนไหนที่นำความต้องการของประชาชนมาแจ้ง ก็พร้อมที่จะลงพื้นที่กับทุกคน เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาให้ เพราะเป็นงบประมาณของหลวง ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดนี่คือการทำงานของตน


เมื่อถามว่าจากนี้จะมี สส.จากพรรคอื่นมาร่วมงานเพิ่มอีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าขออย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้น เพราะการเลือกตั้งอย่างไม่เกิดขึ้น เพราะถ้ารัฐบาลนี้อยู่ครบเทอม ก็ไปถึงปี 70 โน้น​ มีเวลาเหลือเฟือในการตัดสินใจ พี่จะร่วมงานทางการเมืองกัน หรือถ้ามีเหตุยุบสภาก่อน ก็ยังมีเวลา 30 วันที่ สส.จะคิดย้ายสังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง​ ดูแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลไหนที่ปล่อยให้มีการ หมดอายุของสภา โดยที่ไม่ได้ยุบสภาก่อน เพราะการขับเคลื่อนใดๆอาจจะติดอุปสรรค ต้องใช้เวลา 90 วันเป็นอย่างต่ำ​ ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีจะเลือกการยุบสภาก่อน จะสั้นหรือจะยาว หรือจะอยู่หมดจนหมดสมัยก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่าน

ส่วนมองว่านายกรัฐมนตรี จะชิงยุบสภาก่อน เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เขาก็ไปจนครบจนถึงเดือนหรือ​สองเดือน สุดท้ายก่อนหมดสมัยก็ยุบสภา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็ถือว่านั่นครบแล้ว เพียงแต่การดำเนินการทั้งหลายจะมีความคล่องตัวและสะดวกขึ้น


ส่วนคณิตศาสตร์ทางการเมือง​ หากดูจากตัวเลขสส.ในมือ หลังประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ การเมือง หรือการฟอร์มรัฐบาล อย่าไปมองเป็นคณิตศาสตร์ เพราะประชาชนเขาไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์ด้วย เขาต้องการว่าใครทำประโยชน์ ให้กับประชาชนได้มากที่สุด การเมืองเป็นเรื่องของการเมือง ตนไม่ได้คำนึงถึงว่าใครจะมีคณิตศาสตร์​ ตนไม่ได้ไปคำนึงถึงว่าใครจะไปมีคณิตศาสตร์​ บวก​ ลบคูณ​ หารเท่าไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับทำงานให้กับประชาชนได้เท่าไหร่ ทำงานการทำงานอยู่ร่วมกันก็ต้องจริงใจ ความเข้าใจ มีเจตนารมณ์​ร่วมกัน​ ที่จะทำงานรับใช้ชาติบ้านเมือง​ รับใช้แผ่นดินรับใช้ประชาชน ถ้าเรารวมกันได้เราเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่าเอาใครคนใดคนหนึ่งเป็นที่ตั้ง

เมื่อถามต่อว่าหลังจากที่แสดงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยที่พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ได้พูดคุยกับนางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายอนุทิน​ กล่าวว่า คุยเรื่องงานอย่างเดียว เมื่อวานก็ยังไลน์รายงานสถานการณ์​ต่างๆให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ แต่ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า นายอนุทินได้ไปร่วมรับประทานอาหารกับนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี นายอนุทินถึงกับร้องฮะ ก่อนกล่าวยืนยันว่าเมื่อไหร่​ ไม่มี​ ตนรับประทานอาหารกับนายทักษิณ ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน


ส่วนที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค สส. และรัฐมนตรีของพรรคในเย็นวันพรุ่งนี้ นายอนุทิน​ ยืนยันว่า​ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เป็นวาระการประชุมปกติประจำสัปดาห์​ ขณะนี้ใกล้เปิดสมัยประชุมสภาและขณะนี้เราเป็นกรรมาธิการต้องมาหารือกัน​ที่จะปกป้องงบประมาณ​ ในส่วนที่กระทรวงทบวงกรมที่พรรคภูมิใจไทย ดูแลอยู่ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อประโยชน์ของประชาชน

ส่วนจะมีการแจ้งท่าทีของพรรคในการร่วมรัฐบาลให้ สส.รับทราบหรือไม่ นายอนุทิน​ ยืนยันว่าไม่มี เพราะเรื่องสภาก็เป็นเรื่องของสภา การบริหารราชการแผ่นดินก็เป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรี จะได้ไม่ต้องเอาความกังวล ไปให้กับสส เขาจะได้ทำงานในฐานะผู้แทนราษฎรรับใช้ประชาชน ให้เลือกเขามาอย่างเต็มที่

ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง การปรับคณะรัฐมนตรี ที่อยากให้ปรับกระทรวงกลาโหมมากที่สุด​ และกระทรวงมหาดไทยอยู่ในลำดับที่ 12 นายอนุทินกล่าวว่า​ โพล มหาวิทยาลัยมหิดล โชคดีของตนอยู่ท้ายหน่อย โพลแบบนี้อยากอยู่ท้ายๆไม่อยากอยู่ 1 ใน 5 ก็ดีที่กระทรวงของพรรคภูมิใจไทย ต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจ ให้คะแนน กับการทำงานของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้กรุณาให้ตนอยู่ในลำดับท้ายๆ เท่ากับแสดงให้เห็นว่าพวกเราทำงาน

เมื่อถามต่อว่า สวนทางกับการทำงานทางการเมืองหรือไม่ พรรคภูมิใจไทยถูกขย่มเรื่อง ของเก้าอี้กระทรวง​มหาดไทย​ นายอนุทิน​ เชื่อว่า เสียงของประชาชนศักดิ์​สิทธิ์ และถูกต้องมากกว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดๆทางการเมือง เพราะตรงนั้นเราไม่รู้ว่ามีอคติ หรือมีความโน้มเอียงใดๆบ้าง เราต้องฟังเสียงจากประชาชน ถึงบอกว่าต้องฝากผู้สื่อข่าวไปกราบ ขอบคุณประชาชนจากโพลมหิดล​ เพราะอย่างน้อยเป็นขวัญและกำลังใจของคนทำงาน

เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ทำตามโจทย์ของประเทศแก้ไขปัญหาชายแดน​ก่อน แต่ตอนนี้กลับมุ่งไปที่การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นหลัก​ นายอนุทิน​ เชื่อว่า​ ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ก็เอาประชาชนเป็นที่ตั้งเหมือนกันอยู่แล้ว​ คนก็พูดแต่เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ไม่เคยเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว ยังไม่เคยหารือ ผู้สื่อข่าวก็ถามว่า เดี๋ยวก็จะปรับแล้ว แต่ตนก็ยังหารือกับนายกฯเมื่อวาน ท่านก็ยังสั่งงาน อวยพรให้เดินทางปลอดภัย แล้วช่วงนี้นายกรัฐมนตรีก็เดินทางเยอะ มท. 1 ก็เดินทางเยอะ ก็ให้กำลังใจในการทำงานของกันและกัน​

เมื่อถามว่ายังเชื่อมั่นและเชื่อใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร​ อยู่หรือไม่​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ เชื่อมั่นและเชื่อใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร​ เสมอ

ส่วนผลสำรวจประชาชน ที่ระบุว่าเชื่อมั่นกองทัพในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มากกว่ารัฐบาล จะเป็นการสะท้อนภาวะผู้นำหรือไม่ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ เราต้องมองทุกอย่างให้เป็นบวก​หมด​ วันนี้อย่าไปมองอะไร เพื่อให้มันแตกแยก ถ้าเป็นเรื่องการป้องกันอริราชศัตรู การรักษาธิปไตยของบ้านเมือง ตอนนี้เรามีกองทัพ แต่กองทัพทำตามนโยบายของรัฐบาลถูกไหม​ ซึ่งนโยบายรัฐบาลผ่านสมช.​ และในเรื่องการบริหารราชการชายแดนขอให้เป็นการตัดสินใจของกองทัพ ก็มอบไปที่แม่ทัพภาคที่ 2 ทุกอย่างมีการมอบเป็นทอดๆ สิ่งที่เราควรจะต้องทำก็คือ การสนับสนุนผู้ปฏิบัติงาน ทุกรูปแบบอย่างเต็ม กำลัง เรื่องในชายแดน เป็นเรื่องของทหารและกองทัพ รัฐบาลก็สนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ กระทรวงมหาดไทย ในฐานะฝ่ายปกครอง ก็อยู่ในพื้นที่ด้วย ให้การสนับสนุน ระวังหลังให้ มหาดไทยเป็นบ้านทหารเป็นรั้ว ตามสโลแกนของนายกรัฐมนตรี เราต้องทำบ้านให้เรียบร้อยเพื่อที่รั้วของเราจะได้มีความปลอดภัย

ส่วนที่ทางกัมพูชาหันปลายกระบอกปืนมายังฝั่งไทย ในฐานะที่การกระทรวงมหาดไทยจะช่วยสนับสนุนงานอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่าทหารเขามีวิธีการ ที่จะป้องกันอันตรายอยู่แล้ว​ ตนคิดว่าคนที่ไม่มีหน้าที่ในเรื่องนี้อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ หรือให้ความเห็นใดๆ ทหารมีแผนเผชิญเหตุรองรับ​ แผนการปะทะแผนการรุกทุกรูปแบบอยู่แล้ว ต้องเชื่อมั่นในแสงยานุภาพของกองทัพ และตนเชื่อมั่น พร้อมขออย่าไปเพิ่มปัญหาใดๆ ให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น และต้องให้การสนับสนุน ผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด และเกิดความปลอดภัยสูงสุด.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย