“วิโรจน์” ชี้ 6 มาตรการกัมพูชา เดือดร้อนประชาชนตัวเอง

รัฐสภา 13 มิ.ย.- “วิโรจน์” ชี้ 6 มาตรการกัมพูชาตอบโต้ไทย เดือดร้อนประชาชนตัวเอง แนะ รัฐไทย พุ่งเป้า กลุ่มทุนกระเป๋าสตางค์ตระกูลฮุน โดยตรง เชื่อเป็นมาตรการกลับสู่โต๊ะเจรจาได้ ย้ำ ข้อพิพาทนี้เกิดจากกัมพูชาทำผิดเอ็มโอยู 43 บอกเวลานี้ ต้องเชียร์ทีมไทยไว้ก่อน


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึง 6 มาตรการตอบโต้ไทยของกัมพูชา ว่า มาตรการที่ออกมาส่งผลกระทบทางลบต่อประชาชนชาวกัมพูชาทั้งสิ้น ทั้งเรื่องค้าขาย การส่งตัวผู้ป่วย ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่สนใจ ไม่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวกัมพูชา ไม่มีมาตรการใดที่ยอมเสียสละผลประโยชน์ของตัวเอง ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโน

นายวิโรจน์ ฝากข้อแนะนำไปยัง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ตอนนี้คงต้องพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผลประโยชน์ที่มีเครือข่ายโยงใยกับฮุน มาเนต และ ฮุน เซน หรือกลุ่ม LYP Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับตระกูลโดยตรง ที่มีความหนักเกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโนขนาดใหญ่ และมีความโยงใยกับกลุ่มทุนไทยและนักการเมืองไทยบางกลุ่ม ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้าไปตรวจสอบหากพบว่ามีการกระทำใดที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการกระทำความผิดตามกฎหมายก็ดำเนินการปราบปรามกวาดล้างให้สิ้นซาก และเชื่อว่ามาตรการในการจัดการแบบนี้ก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทยแน่ๆ และเป็นมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่ผลประโยชน์และกระเป๋าเงินของตระกูลฮุนโดยตรง ดังนั้น 6 มาตรการไม่ได้ใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชนชาวกัมพูชาเลย หากเราดำเนินการมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่ฮุน มาเนต หรือ ฮุน เซน ก็จะสามารถจูงใจให้รัฐบาลกัมพูชาเข้าสู่โต๊ะเจรจาด้วยความสมเหตุสมผลได้


นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า จนถึงปัจจุบันประเทศไทยยังไม่เคยมีข้อเรียกร้องใหม่ หรือมีเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้กับกัมพูชาเลย ซึ่งเราไม่ได้มีปัญหากับประชาชนชาวกัมพูชา และยังยึดมั่นกับเอ็มโอยู 43 จึงตั้งคำถามว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงนี้ ไม่มีความชอบธรรมที่จะเรียกร้อง และวันนี้ก็ยังออกมาตรการที่ทำร้ายประชาชนของตัวเองอีก ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีก็ควรอนุมัติงบกลาง รายการฉุกเฉินและจำเป็นในการช่วยเหลือชดเชยเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภาระดอกเบี้ยของผู้ประกอบการ และมีมาตรการซอฟต์โลน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้ปรับตัว ยืนยันว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นข้อพิพาทระหว่างประชาชนชาวไทยกับกัมพูชา

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปเจรจา เพราะกัมพูชาอาจจะเข้าใจผิดเรื่องการตัดไฟและตัดเน็ต เป็นท่าทีที่ประนีประนอมเกินไปหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่าหากมีการเจรจาก็ดำเนินการ แต่เท่าที่เห็นแถลงการณ์ของฮุนเซน ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่เข้าใจยาก ซึ่งการตัดน้ำตัดไฟก็เป็นมาตรการที่เป็นไปได้ แต่ยืนยันว่ามาตรการที่ได้ผล ควรจำกัดมาตรการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศ เพราะการที่ทำอะไรลงไป ฮุน เซน หรือฮุน มาเนต ก็อาจจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ประชาชนได้รับผลกระทบ ดังนั้นกล่องดวงใจสำคัญที่ทำให้รัฐบาลรัฐบาลกัมพูชากลับมาสู่โต๊ะเจรจาอย่างสมเหตุสมผล คือการพุ่งเป้าไปที่ กลุ่มทุนกัมพูชา LYP Group

เมื่อถามว่า 6 มาตรการที่ออกมาของกัมพูชาไม่กระทบกับไทยมากใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบบ้าง จึงได้แนะนำให้นายกฯ อนุมัติงบกลางเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบ เพราะประชาชนคนไทยก็ส่งกำลังใจให้กับประชาชนเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น ดังนั้นมาตรการนี้ถือว่าเป็น มาตรการที่สมเหตุสมผล และเป็นการบอกรัฐบาลฝั่งกัมพูชาว่าเราพร้อมที่จะยืนระยะแบบนี้ตลอดไป ถ้าจะปิดตลอดไปก็เป็นความประสงค์ของ ฮุน เซน ฮุนที่ไม่สนใจประชาชนของตนเอง


“ผมอ่านแล้วผมตกใจมาก ขนาดคนป่วยที่มีความจำเป็น ที่ต้องการมีชีวิตรอด ถ้าเป็นรัฐบาลไทยคงไม่ทำ ที่จะไม่มีการอนุญาตให้มีการส่งตัวมารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพมากกว่า ผมว่ารัฐบาลไทย
ประเทศไทยประเทศไทยเราห่วงชีวิตของประชาชนทุกคน และยืนยันว่าหนึ่งในมาตรการของฮุน เซน เรื่องการส่งออกผู้ป่วย สะท้อนแล้วว่าฮุน เซน และฮุน มาเนต ไม่ได้แคร์ประชาชนของเขา แต่เค้าแคร์กระเป๋าสตางค์ผ่านกลุ่มธุรกิจกาสิโนของเขามากกว่า เมื่อเรารู้กล่องดวงใจเขาแล้วเราก็ดำเนินการ พุ่งเป้าเลย“ นายวิโรจน์ กล่าว

ส่วนการออกมาตรการแบบนี้เป็นการยั่วยุไม่ให้เกิดการเจรจาเจบีซีหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องรู้เท่าทัน ฮุน เซน และฮุน มาเนต ภาพลักษณ์ของการเจรจาคาดได้เลยว่าไม่มีผลสัมฤทธิ์ใดๆ แต่จะมีท่าทีกลับไปของทั้งสองฝั่ง ซึ่งทางฝั่งกัมพูชาพยายามปลุกเร้าว่า ประเทศไทยรังแกเขา ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะฝ่ายที่ละเมิดเอ็มโอยู 43 คือฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา เรื่องคนที่มาเจรจามาในฐานะวีรบุรุษ ต้องแบกรับแรงและต้องกลับไปอย่างมีศักดิ์ศรี นี่คือสตอรี่ ที่กัมพูชาพยายามสร้าง ขณะที่ประเทศไทยอย่างไรก็ตามต้องสนับสนุน ท่านทูต นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ก่อน และต้องยอมรับว่า มีความรู้ความสามารถและเข้าใจการเมืองในประเทศกัมพูชา

“เหมือนมวย สู้กันในศึกวันลุมพินี ทางฝั่งเขาโห่ร้องปลุกเร้ามา ฝั่งเราดิสเครดิตกันเอง ตรงนั้นชั่วดีถี่ห่าง ก็เก็บไว้ก่อน แต่อย่างไรก็ต้องให้กำลังใจทีมประเทศไทยในการเจรจา และเมื่อรู้อยู่แล้วว่าฉากจบเขาวางแผนอย่างนี้ วันนี้สุนทรพจน์หรือสปีด ของนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องเตรียมได้แล้ว ที่ต้องยืนยันให้กับชาวกัมพูชาและนานาประเทศรู้ ว่าเราไม่ได้ผิดข้อตกลง เอ็มโอยู 43 เลย และไม่ได้ทำอะไรให้ฝั่งกัมพูชาอึดอัดเลย และไม่ได้กระทำการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชาวกัมพูชาและชาวไทยเลย แต่ผลกระทบทั้งหมดมาจากรัฐบาลกัมพูชาทั้งสิ้น และยืนยันไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลกัมพูชาไม่มีความชอบธรรม และไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ และความเป็นอยู่ของประชาชนชาติตัวเอง หากกลับมายึดตามเอ็มโอยู 43 ประเทศไทยก็พร้อมจะเจรจา” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่วว่า ได้เวลาแล้วที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเชิญทูตานุทูตต่างๆรวมถึง UN เข้ามาชี้แจงว่าเราไม่ได้ละเมิดเอ็มโอยู 43 แล้ววันนี้ที่ดูเหมือนว่าการเจรจาจะไม่สัมฤทธิ์ผล และไม่ได้เรียกร้องอะไรที่กระอักกระอ่วนและ ไม่ได้เรียกร้องอะไรที่เกินกว่าที่กัมพูชาจะรับได้เลย ดังนั้นข้อพิพาทระหว่างประเทศ ตนยังยืนยันว่าคือความชอบธรรม และความชอบธรรมควรได้รับการเข้าอกเข้าใจ จากการสื่อสารทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพ

ส่วนมาตรการที่ไม่ให้มีการฉายละครไทย แต่เปลี่ยนไปฉายประวัติของฮุน เซน แทน นายวิโรจน์ ถามกลับว่า ชาวกัมพูชาอยากดูหรือไม่ ทำไม กัมพูชาไม่ตัดไฟที่เข้ามายังกาสิโน ที่เป็นกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง แต่มาตรการที่ออกมา มีแต่จะทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดือดร้อนทั้งนั้น แต่กลุ่มทุนมือซ้ายมือขวาไม่ได้รับผลกระทบเลย

นายวิโรจน์ ยังกล่าวต่อว่า แม้เอ็มโอยู 43 ไม่ได้ลงนามด้วยรัฐบาลนี้ แต่ก็พร้อม ที่จะรับผลพวงจากการลงนาม ในฐานะรัฐบาลทั้งสิ้น เรายังไม่ปฏิเสธเลย ทั้งที่รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นคนลงนาม แต่เอ็มโอยู 43 คนลงนามและมีส่วนเกี่ยวข้องคือ ฮุน เซน แน่นอน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการจรดปากกาด้วยความสมัครใจ แต่วันนี้กลับลืม ว่าเคยจะจรดปากกาอะไรไว้ แล้วจะมีความชอบธรรมอะไร กับการก่อข้อพิพาท และ มีความชอบธรรมอะไรกับการกำหนดมาตรการ ที่ทำร้าย ทำลายประชาชนชาวกัมพูชา.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]