“วิโรจน์” ชี้ 6 มาตรการกัมพูชา เดือดร้อนประชาชนตัวเอง

รัฐสภา 13 มิ.ย.- “วิโรจน์” ชี้ 6 มาตรการกัมพูชาตอบโต้ไทย เดือดร้อนประชาชนตัวเอง แนะ รัฐไทย พุ่งเป้า กลุ่มทุนกระเป๋าสตางค์ตระกูลฮุน โดยตรง เชื่อเป็นมาตรการกลับสู่โต๊ะเจรจาได้ ย้ำ ข้อพิพาทนี้เกิดจากกัมพูชาทำผิดเอ็มโอยู 43 บอกเวลานี้ ต้องเชียร์ทีมไทยไว้ก่อน


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึง 6 มาตรการตอบโต้ไทยของกัมพูชา ว่า มาตรการที่ออกมาส่งผลกระทบทางลบต่อประชาชนชาวกัมพูชาทั้งสิ้น ทั้งเรื่องค้าขาย การส่งตัวผู้ป่วย ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่สนใจ ไม่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวกัมพูชา ไม่มีมาตรการใดที่ยอมเสียสละผลประโยชน์ของตัวเอง ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโน

นายวิโรจน์ ฝากข้อแนะนำไปยัง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ตอนนี้คงต้องพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผลประโยชน์ที่มีเครือข่ายโยงใยกับฮุน มาเนต และ ฮุน เซน หรือกลุ่ม LYP Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับตระกูลโดยตรง ที่มีความหนักเกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโนขนาดใหญ่ และมีความโยงใยกับกลุ่มทุนไทยและนักการเมืองไทยบางกลุ่ม ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้าไปตรวจสอบหากพบว่ามีการกระทำใดที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการกระทำความผิดตามกฎหมายก็ดำเนินการปราบปรามกวาดล้างให้สิ้นซาก และเชื่อว่ามาตรการในการจัดการแบบนี้ก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทยแน่ๆ และเป็นมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่ผลประโยชน์และกระเป๋าเงินของตระกูลฮุนโดยตรง ดังนั้น 6 มาตรการไม่ได้ใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชนชาวกัมพูชาเลย หากเราดำเนินการมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่ฮุน มาเนต หรือ ฮุน เซน ก็จะสามารถจูงใจให้รัฐบาลกัมพูชาเข้าสู่โต๊ะเจรจาด้วยความสมเหตุสมผลได้


นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า จนถึงปัจจุบันประเทศไทยยังไม่เคยมีข้อเรียกร้องใหม่ หรือมีเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้กับกัมพูชาเลย ซึ่งเราไม่ได้มีปัญหากับประชาชนชาวกัมพูชา และยังยึดมั่นกับเอ็มโอยู 43 จึงตั้งคำถามว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงนี้ ไม่มีความชอบธรรมที่จะเรียกร้อง และวันนี้ก็ยังออกมาตรการที่ทำร้ายประชาชนของตัวเองอีก ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีก็ควรอนุมัติงบกลาง รายการฉุกเฉินและจำเป็นในการช่วยเหลือชดเชยเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภาระดอกเบี้ยของผู้ประกอบการ และมีมาตรการซอฟต์โลน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้ปรับตัว ยืนยันว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นข้อพิพาทระหว่างประชาชนชาวไทยกับกัมพูชา

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปเจรจา เพราะกัมพูชาอาจจะเข้าใจผิดเรื่องการตัดไฟและตัดเน็ต เป็นท่าทีที่ประนีประนอมเกินไปหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่าหากมีการเจรจาก็ดำเนินการ แต่เท่าที่เห็นแถลงการณ์ของฮุนเซน ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่เข้าใจยาก ซึ่งการตัดน้ำตัดไฟก็เป็นมาตรการที่เป็นไปได้ แต่ยืนยันว่ามาตรการที่ได้ผล ควรจำกัดมาตรการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศ เพราะการที่ทำอะไรลงไป ฮุน เซน หรือฮุน มาเนต ก็อาจจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ประชาชนได้รับผลกระทบ ดังนั้นกล่องดวงใจสำคัญที่ทำให้รัฐบาลรัฐบาลกัมพูชากลับมาสู่โต๊ะเจรจาอย่างสมเหตุสมผล คือการพุ่งเป้าไปที่ กลุ่มทุนกัมพูชา LYP Group

เมื่อถามว่า 6 มาตรการที่ออกมาของกัมพูชาไม่กระทบกับไทยมากใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบบ้าง จึงได้แนะนำให้นายกฯ อนุมัติงบกลางเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบ เพราะประชาชนคนไทยก็ส่งกำลังใจให้กับประชาชนเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น ดังนั้นมาตรการนี้ถือว่าเป็น มาตรการที่สมเหตุสมผล และเป็นการบอกรัฐบาลฝั่งกัมพูชาว่าเราพร้อมที่จะยืนระยะแบบนี้ตลอดไป ถ้าจะปิดตลอดไปก็เป็นความประสงค์ของ ฮุน เซน ฮุนที่ไม่สนใจประชาชนของตนเอง


“ผมอ่านแล้วผมตกใจมาก ขนาดคนป่วยที่มีความจำเป็น ที่ต้องการมีชีวิตรอด ถ้าเป็นรัฐบาลไทยคงไม่ทำ ที่จะไม่มีการอนุญาตให้มีการส่งตัวมารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพมากกว่า ผมว่ารัฐบาลไทย
ประเทศไทยประเทศไทยเราห่วงชีวิตของประชาชนทุกคน และยืนยันว่าหนึ่งในมาตรการของฮุน เซน เรื่องการส่งออกผู้ป่วย สะท้อนแล้วว่าฮุน เซน และฮุน มาเนต ไม่ได้แคร์ประชาชนของเขา แต่เค้าแคร์กระเป๋าสตางค์ผ่านกลุ่มธุรกิจกาสิโนของเขามากกว่า เมื่อเรารู้กล่องดวงใจเขาแล้วเราก็ดำเนินการ พุ่งเป้าเลย“ นายวิโรจน์ กล่าว

ส่วนการออกมาตรการแบบนี้เป็นการยั่วยุไม่ให้เกิดการเจรจาเจบีซีหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องรู้เท่าทัน ฮุน เซน และฮุน มาเนต ภาพลักษณ์ของการเจรจาคาดได้เลยว่าไม่มีผลสัมฤทธิ์ใดๆ แต่จะมีท่าทีกลับไปของทั้งสองฝั่ง ซึ่งทางฝั่งกัมพูชาพยายามปลุกเร้าว่า ประเทศไทยรังแกเขา ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะฝ่ายที่ละเมิดเอ็มโอยู 43 คือฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา เรื่องคนที่มาเจรจามาในฐานะวีรบุรุษ ต้องแบกรับแรงและต้องกลับไปอย่างมีศักดิ์ศรี นี่คือสตอรี่ ที่กัมพูชาพยายามสร้าง ขณะที่ประเทศไทยอย่างไรก็ตามต้องสนับสนุน ท่านทูต นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ก่อน และต้องยอมรับว่า มีความรู้ความสามารถและเข้าใจการเมืองในประเทศกัมพูชา

“เหมือนมวย สู้กันในศึกวันลุมพินี ทางฝั่งเขาโห่ร้องปลุกเร้ามา ฝั่งเราดิสเครดิตกันเอง ตรงนั้นชั่วดีถี่ห่าง ก็เก็บไว้ก่อน แต่อย่างไรก็ต้องให้กำลังใจทีมประเทศไทยในการเจรจา และเมื่อรู้อยู่แล้วว่าฉากจบเขาวางแผนอย่างนี้ วันนี้สุนทรพจน์หรือสปีด ของนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องเตรียมได้แล้ว ที่ต้องยืนยันให้กับชาวกัมพูชาและนานาประเทศรู้ ว่าเราไม่ได้ผิดข้อตกลง เอ็มโอยู 43 เลย และไม่ได้ทำอะไรให้ฝั่งกัมพูชาอึดอัดเลย และไม่ได้กระทำการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชาวกัมพูชาและชาวไทยเลย แต่ผลกระทบทั้งหมดมาจากรัฐบาลกัมพูชาทั้งสิ้น และยืนยันไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลกัมพูชาไม่มีความชอบธรรม และไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ และความเป็นอยู่ของประชาชนชาติตัวเอง หากกลับมายึดตามเอ็มโอยู 43 ประเทศไทยก็พร้อมจะเจรจา” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่วว่า ได้เวลาแล้วที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเชิญทูตานุทูตต่างๆรวมถึง UN เข้ามาชี้แจงว่าเราไม่ได้ละเมิดเอ็มโอยู 43 แล้ววันนี้ที่ดูเหมือนว่าการเจรจาจะไม่สัมฤทธิ์ผล และไม่ได้เรียกร้องอะไรที่กระอักกระอ่วนและ ไม่ได้เรียกร้องอะไรที่เกินกว่าที่กัมพูชาจะรับได้เลย ดังนั้นข้อพิพาทระหว่างประเทศ ตนยังยืนยันว่าคือความชอบธรรม และความชอบธรรมควรได้รับการเข้าอกเข้าใจ จากการสื่อสารทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพ

ส่วนมาตรการที่ไม่ให้มีการฉายละครไทย แต่เปลี่ยนไปฉายประวัติของฮุน เซน แทน นายวิโรจน์ ถามกลับว่า ชาวกัมพูชาอยากดูหรือไม่ ทำไม กัมพูชาไม่ตัดไฟที่เข้ามายังกาสิโน ที่เป็นกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง แต่มาตรการที่ออกมา มีแต่จะทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดือดร้อนทั้งนั้น แต่กลุ่มทุนมือซ้ายมือขวาไม่ได้รับผลกระทบเลย

นายวิโรจน์ ยังกล่าวต่อว่า แม้เอ็มโอยู 43 ไม่ได้ลงนามด้วยรัฐบาลนี้ แต่ก็พร้อม ที่จะรับผลพวงจากการลงนาม ในฐานะรัฐบาลทั้งสิ้น เรายังไม่ปฏิเสธเลย ทั้งที่รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นคนลงนาม แต่เอ็มโอยู 43 คนลงนามและมีส่วนเกี่ยวข้องคือ ฮุน เซน แน่นอน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการจรดปากกาด้วยความสมัครใจ แต่วันนี้กลับลืม ว่าเคยจะจรดปากกาอะไรไว้ แล้วจะมีความชอบธรรมอะไร กับการก่อข้อพิพาท และ มีความชอบธรรมอะไรกับการกำหนดมาตรการ ที่ทำร้าย ทำลายประชาชนชาวกัมพูชา.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย