รัฐสภา 13 มิ.ย.- กมธ.การทหารฯ สว. รวบรวมความเห็นทางวิชาการ-การลงพื้นที่ เสนอรัฐบาล ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ปกป้องประเทศและอธิปไตย มองปัญหา ไทยไม่ชัดเจนบางเรื่อง ชี้ ต้องหนักแน่น รอดูผลกระทบใครมากกว่า มอง จำเป็นต้องเปิดศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนฯ เพื่อความรวดเร็วในการสั่งการ
พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวภายหลังการเสวนาในหัวข้อ “การถกแถลงเพื่อรักษาแผ่นดินไทย : เราจะรักษาแผ่นดินไทยอย่างไร” ว่า การเสวนาในวันนี้ เป็นการเติมเต็มข้อมูล หลังจากได้มีการลงพื้นที่แล้วพบว่า ปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มีความทับซ้อนและสะสมมานาน ดังนั้นการจะดำเนินการเรื่องใดเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จึงต้องความรอบคอบ จำเป็นต้องถกแถลง เพื่อให้ได้มุมมองทางวิชาการ ซึ่งเชื่อว่ามีประโยชน์หลังจากได้รับข้อมูลจากผู้ทรงคุณวุฒิทางวิชาการทั้ง 4 คน ที่เข้าร่วมเสวนาในวันนี้ โดยจะนำข้อมูลที่ได้ไปประชุมในกรรมาธิการ และทำการรวบรวมเพื่อเสนอแนะให้คำแนะนำรัฐบาล
พล.อ.สวัสดิ์ มองว่าที่ผ่านมาการดำเนินการของฝ่ายทหาร รัฐบาล หรือในโซเชียลมีเดีย มีบางอย่างที่ไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชาดูมีความเป็นเอกภาพ สามารถปลุกเร้าคนในชาติได้ แต่ฝั่งไทย มีบางเรื่องไม่ชัดเจนหรืออ่อนเกินไป จำเป็นต้องรวบรวมเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลนำไปสู่การปกป้องประเทศ และอธิปไตยให้ดีที่สุด
ส่วนจะต้องเชิญสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือกองทัพ เข้าชี้แจงในกรรมาธิการฯ ด้วยหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ มองว่า ปัญหาเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน พร้อมยกตัวอย่างปัญหาในพื้นที่ เช่น เส้นทางเพื่อความมั่นคง ในฝั่งกัมพูชามีถนนถึงหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นและชายแดน ขณะที่ฝั่งประเทศไทย กลับมีความยากลำบากในการเดินทางหรือไม่มี ส่งผลให้ทหารตามแนวชายแดน มีความยากลำบาก ต้องใช้วิธีการลำเลียงด้วยเฮลิคอปเตอร์หรือใช้ล่อในการบรรทุก ที่ผ่านมาพบว่าทหารอยากสร้างถนน แต่ติดปัญหาเรื่องอุทยาน หรือป่าไม้ ซึ่งเมื่อกรรมาธิการได้หารือ ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง ต้องพิจารณาเรื่องกฎหมาย และแก้ไขปัญหาโดยภาพรวม
ส่วนที่กัมพูชามีความพยายามจะนำเรื่องดังกล่าวไปสู่ศาลโลกนั้น พล.อ.สวัสดิ์ มองว่าเป็นยุทธศาสตร์ของกัมพูชาตั้งแต่แรก เพราะรู้อยู่แล้วว่าได้เปรียบ ในทางกลับกันเป็นบทเรียนและความเจ็บปวดของประเทศไทย เชื่อว่า รัฐบาลได้เตรียมตัวเพื่อเจรจาในการประชุมเจบีซี ในวันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) ไว้อยู่แล้ว และแม้ไทยยืนยันจะไม่ไปศาลโลก ก็ต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน
เมื่อถามว่า วันนี้(13 มิ.ย.) กัมพูชาปิดด่านที่จังหวัดจันทบุรี รวมถึงประกาศ ไม่ฉายภาพยนตร์ไทย และนำเข้าสินค้าไทย ถือเป็นเกมก่อนการประชุมเจบีซีหรือไม่นั้น พล.อ.สวัสดิ์ มองว่า ทุกอย่างทุกอย่างถูกวางแผนเป็นขั้นตอนมาแล้ว เพราะการเจรจาต่อรองจำเป็นต้องทำให้มีอำนาจในการต่อรอง ดังนั้นฝั่งรัฐบาลไทยเราต้องหนักแน่น และชัดเจนในการปฏิบัติ เพื่อเป็นการกดดันบ้าง
“การที่จะเจรจาต่อรองอะไร เราก็ต้องมีวิธีการ ทำให้เรามีอำนาจในการต่อรอง เช่นเดียวกัน ทางฝ่ายเขา เหมือนกับสร้างว่าไม่มีผลกระทบ ไม่จำเป็น ถ้าเรามีความหนักแน่น หรือมีความชัดเจนมากขึ้น ปิดก็ปิดให้มันหมด ก็ลองดูว่า ผลกระทบนั้นใครมันจะมากกว่ากัน ไม่ได้ยั่วยุให้เกิดอะไรต่างๆ แต่บางอย่างเราก็ต้องชัดเจนบ้าง” พล.อ.สวัสดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำ ถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีว่าอ่อนเกินไปหรือไม่ โดย พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า คงไม่ต้องตอบ แต่ภาพที่ออกมาชัดเจนแล้วว่า คำตอบเป็นอย่างไร แม้แต่การที่นายกรัฐมนตรีไปเยี่ยมทหาร แล้วบอกให้ไปปรับเวลาเปิดปิดด่านให้ตรงกัน พร้อมย้ำอีกครั้งว่า ไม่ต้องตอบ เพราะการปฎิบัติชัดเจน
พล.อ.สวัสดิ์ ยังบอกถึงการที่กัมพูชาไปชี้แจงต่อนานาชาติรวมถึงประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นประเทศ ต้นทางในการทำแผนที่ จะเป็นปัญหาหรือไม่ ว่า กัมพูชาเคยอยู่ภายใต้ อาณานิคมของฝรั่งเศส คงมีความใกล้ชิดกัน มองว่าการขอร้องคงเป็นเรื่องที่ได้เปรียบกว่าเรา
ส่วนขณะนี้มีความจำเป็นต้องเปิดศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนไทยกัมพูชาขึ้นมาโดยเฉพาะหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา การประชุมในหนึ่งรอบต้องรอ สมช. 1 สัปดาห์นั้น พล.อ.สวัสดิ์ มองว่า มีความจำเป็น เพราะเรื่องของความมั่นคงต้องรวมหลายส่วนเข้าไป.-315 -สำนักข่าวไทย