นายกฯ มอบนโยบายเอกอัครราชทูต-กงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก

ถนนวิทยุ 13 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” มอบนโยบายเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เน้น ทำการทูตเชิงรุก ภายใต้แนวคิด “ทีมไทยแลนด์” จับมือทูตพาณิชย์ช่วยกันขายสินค้าไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ ยึดหลักสันติ ไม่หาเรื่องใคร สื่อสารโลก “ไทย” ช่วยเหลืออะไร “กัมพูชา” บ้าง จัดการ “เฟกนิวส์” สร้างทีมโชเซียล เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมอบนโยบายในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 ณ ห้อง Grand hall โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รู้สึกดีที่ได้คุ้นหน้าเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ หลายคน แสดงว่าตนมีโอกาสเดินทางเยือนต่างประเทศแบบเป็นทางการหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดคือ การประชุมอาเซียน ที่ได้เจอผู้นำหลายประเทศ และวันหนึ่งมีวงประชุมกว่า 20 วงประชุม สุดท้ายพูดผิดพูดถูกจนรู้สึกมึนซึ่งต้องเตรียมตัวเยอะ แต่คุ้มค่าในการสร้างความสัมพันธ์ ซึ่งเรื่องนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้พูดเหมือนกันว่า ทุกคนคือมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ต้องการสร้างความสัมพันธ์แบบมนุษย์ แต่การพูดผ่านขั้นตอนทางการทูต ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่ถ้าหากพูดคุยจากความเป็นเพื่อน แบบพึ่งพาพึ่งอาศัยกัน ความเป็นมนุษย์ก็จะทำให้สื่อสารกันง่าย


นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าอีกว่า ทั่วโลกทุกประเทศต้องเผชิญความท้าทายหลายเรื่อง เพราะฉะนั้นหลายฝ่ายต้องปรับตัว ซึ่งการทูต ก็ต้องทำการทูตเชิงรุก โดยพลังทีมไทยแลนด์ต้องออกไปคว้าโอกาสกลับเข้ามาในประเทศ เช่น การดึงดูดการลงทุน ซึ่งการทำทูตสำคัญมาก โดยการทำงานในรูปแบบ Actions plan

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องการท่องเที่ยวในไทย ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนน้อยลง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็คือ ประเทศจีนได้ผลักดันการท่องเที่ยวภายในประเทศ และมีเรื่องของข้อมูลที่ผิดพลาด หรือ เฟกนิวส์ ซึ่งไม่สามารถไปไล่ลบข่าวเหล่านั้นได้หมด เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องเพิ่มข้อมูลที่ดีเข้าไปในระบบ เช่น ทำเพจข่าวส่วนตัว ส่งข้อมูลที่ถูกต้องจากกลุ่มเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ จะกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเรื่องเฟกนิวส์ที่สำคัญ คือ เรื่อง เหตุการณ์ระหว่างประเทศ ที่ต้องเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าไปในโลกออนไลน์ ซึ่งทุกคนต้องมีทีมทำงานด้านโชเซียลอย่างเข้มแข็ง เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยรัฐบาลได้มาก จึงอยากให้มีการสื่อสารในทุกระดับของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทูต, รัฐมนตรี หรือผู้นำ ที่ต้องมีการสื่อสารกันให้มาก เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทุกกลุ่ม

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำกับที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่สนับสนุนเรื่องความรุนแรง ยึดหลักสันติสุขเป็นหลัก และการพูดคุย หรือตกลงกัน เน้นให้อยู่ในกรอบทวิภาคี ซึ่งความรุนแรงคือ สิ่งสุดท้ายที่จะเลือก แต่อย่างไรก็ตาม ไทยต้องมีกำลังพอ ที่จะปกป้องคนไทย เพราะฉะนั้นเราจะไม่หาเรื่อง และไปทำความเข้าใจกับทุกประเทศ


ส่วนเรื่องการเจรจาภาษีกับสหรัฐอเมริกา ที่มีการเข้าใจผิดว่าประเทศไทยขยับเรื่องนี้ช้า ซึ่งตนเองได้พูดคุยกับต่างประเทศ จึงได้รู้ว่า สิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการคือ อยู่ในระดับเดียวกันกับอีกหลายประเทศ ที่ต้องรอการเจรจา ซึ่งการประชุม BIMSTEC ที่ผ่านมาก็มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังพูดถึง สินค้าเกษตรไทย เช่น ผลไม้ ที่ต้องช่วยการโพรโมทให้มากขึ้น เช่นเดียวกับการเร่งเจรจา FTA ให้มากขึ้น รวมไปถึงเรื่องเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ต้องเพิ่มจุดแข็ง เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในด้านนี้

นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงโครงการแลนด์บริจดิ์ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่ปัจจุบันมีบริษัทภาคเอกชน และภาครัฐในหลายประเทศให้ความสนใจในการลงทุนโครงการดังกล่าว

ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำจุดยืน และท่าทีของไทย 3 เรื่อง ที่รู้สึกว่า ยังขาดการชี้แจงที่เหมาะสมกับประเทศต่าง ๆ

  1. มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่สามารถสื่อสารกับทุกประเทศได้เลยว่า วันนี้ไทยได้ดำเนินการถึงไหนแล้ว
  2. สถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมา ซึ่งจุดยืนในเรื่องนี้ ไทย และอาเซียนพร้อมส่งเสริมให้เกิดความสงบสุขในประเทศเมียนมาอีกครั้ง
  3. เรื่องข้อพิพาทกับประเทศกัมพูชา ที่ต้องอธิบายเหตุผลให้กับมิตรประเทศต่าง ๆ ทราบ ที่ไทยต้องมีความจำเป็นในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ และเหตุผลที่ไทยต้องยึดมั่นกลไกทวิภาคีเพราะอะไร รวมไปถึงความช่วยเหลือที่ประเทศไทย มีให้ประเทศกัมพูชาตลอด ที่ช่วยเหลือตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และยังช่วยเหลืออยู่ ซึ่งอยากให้เน้นย้ำในเรื่องนี้ แม้จะมีเสียงเชียร์ให้เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง แต่ว่าเสียงเชียร์เหล่านั้นในโชเซียลไม่ได้อยู่หน้างาน เพราะบุคคลที่เสี่ยงจริง คือ คนหน้างาน โดยที่ไม่มีใครต้องการความรุนแรง แม้ว่าจะฝึกรบมาแล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นคนในประเทศต้องสามัคคีกันไว้ ซึ่งไทยพร้อมจะพูดคุยกันด้วยเหตุผล

.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ-กลาง-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา และน่าน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมิวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา และน่าน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

มทภ.2 เผยกำลังพลเหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวน เจ็บ 3

อุบลราชธานี 17 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 เผยกำลังพลเหยียบกับระเบิด ขณะออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี บาดเจ็บ 3 นาย อาการปลอดภัย ชี้เป็นระเบิดตกค้างในพื้นที่สู้รบเดิม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ชุดลาดตระเวนกองร้อยทหารพรานที่ 2302 (ชุด ลว. ร้อย ทพ.2302 ) (ดุสิต) ได้จัดกำลังพลจำนวน 14 นาย ประกอบด้วย ทพ. 2 นาย ชุด RDF 6 นาย ทหารช่าง 6 นาย ออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำลังพลชุดลาดตระเวนได้ประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บริเวณพิกัด WA 220 […]

เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก-เจ้าคุณประสิทธิ์ สึกแล้ว

พิษณุโลก 16 ก.ค. – พระชั้นผู้ใหญ่ที่พัวพันสีกากอล์ฟยังทยอยสึกเพิ่ม ล่าสุด “เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก” แอบสึกแล้วที่วัดสว่างอารมณ์ จ.ตาก หลังมีข่าวลือสะพัดมาตั้งแต่เช้า ขณะที่ “เจ้าคุณประสิทธิ์” ถอดใจสึกแล้ว พระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก เป็นพระชั้นผู้ใหญ่อีก 1 รูป ที่มีชื่อพัวพันกับสีกากอล์ฟ ซึ่งในช่วงเช้ามีข่าวลือว่าจะลาสิกาในวันนี้ ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบตามวัดต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร มีตำรวจนอกเครื่องแบบ และเจ้าหน้าที่ มาคอยเฝ้าดูแลตลอดเวลา กระทั่ง เวลา 12.00 น. เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ปรากฏตัวในชุดขาว คาดว่าไปลาสิกขาที่วัดสว่างอารมณ์ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก สำหรับพระราชรัตนสุธี มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดพิษณุโลกที่ได้รับความเคารพอย่างสูงรูปหนึ่ง เพราะมีบทบาทสำคัญและมีคุณูปการขับเคลื่อนงานคณะสงฆ์ให้รุ่งเรือง นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกมายืนยันเช่นกันว่า ขณะนี้อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกได้ทำการลาสิกขาแล้ว และวันนี้เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก็มารายงานตัวกับเจ้าคณะใหญ่หนกลางด้วยเช่นเดียวกัน กรณีเอกสารสำนักพุทธจังหวัดสมุทรสาครหายออกไปจากวัด ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเอกสารยังมีอยู่หรือไม่ และถ้าหากเอกสารหายไปจริงก็ถือว่าเป็นการผิดวินัย และเจ้าอาวาสบกพร่อง ต้องไปดูด้วยว่าสาเหตุที่หายเพราะอะไร เพราะเอกสารทางราชการมีการรับส่งเป็นระบบ […]

เปิดคำสารภาพ “สีกากอล์ฟ”

กทม. 16 ก.ค.-เปิดคำสารภาพ “สีกากอล์ฟ” ด้านอดีตพระมหาบุญเลิศ แฉถูกสีกากอล์ฟ กุเรื่องลวงไปบ้านพัก ซ้ำถูกเชิดเงิน 1 แสน เตรียมเข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่ม พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีน.ส.วิลาวัลย์ หรือ สีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ว่า จากการสอบปากคำเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก พร้อมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ซึ่งในวันพรุ่งนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฝากขังเป็นผัดแรก ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ น.ส.วิลาวัลย์ ในส่วนของคดีข่มขืนใจและรีดเอาเงินทิดแหล่ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ว่า เบื้องต้น สีกากอล์ฟ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี รวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้นเจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับในข้อเท็จจริงว่าเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระผู้ใหญ่รูปต่างๆ จริง ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าข่มขู่รีดเอาเงิน และบังคับทิดแหล่ ให้ร่างหนังสือร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีฯ เรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว เจ้าตัวอ้างว่าไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าเป็นคนให้ทิดแหล่ร่างหนังสือดังกล่าวจริง เพียงแต่เป็นการไหว้วาน ไม่ได้เป็นการบังคับ […]