นายกฯ มอบนโยบายเอกอัครราชทูต-กงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก

ถนนวิทยุ 13 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” มอบนโยบายเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เน้น ทำการทูตเชิงรุก ภายใต้แนวคิด “ทีมไทยแลนด์” จับมือทูตพาณิชย์ช่วยกันขายสินค้าไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ ยึดหลักสันติ ไม่หาเรื่องใคร สื่อสารโลก “ไทย” ช่วยเหลืออะไร “กัมพูชา” บ้าง จัดการ “เฟกนิวส์” สร้างทีมโชเซียล เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมอบนโยบายในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 ณ ห้อง Grand hall โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รู้สึกดีที่ได้คุ้นหน้าเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ หลายคน แสดงว่าตนมีโอกาสเดินทางเยือนต่างประเทศแบบเป็นทางการหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดคือ การประชุมอาเซียน ที่ได้เจอผู้นำหลายประเทศ และวันหนึ่งมีวงประชุมกว่า 20 วงประชุม สุดท้ายพูดผิดพูดถูกจนรู้สึกมึนซึ่งต้องเตรียมตัวเยอะ แต่คุ้มค่าในการสร้างความสัมพันธ์ ซึ่งเรื่องนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้พูดเหมือนกันว่า ทุกคนคือมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ต้องการสร้างความสัมพันธ์แบบมนุษย์ แต่การพูดผ่านขั้นตอนทางการทูต ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่ถ้าหากพูดคุยจากความเป็นเพื่อน แบบพึ่งพาพึ่งอาศัยกัน ความเป็นมนุษย์ก็จะทำให้สื่อสารกันง่าย


นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าอีกว่า ทั่วโลกทุกประเทศต้องเผชิญความท้าทายหลายเรื่อง เพราะฉะนั้นหลายฝ่ายต้องปรับตัว ซึ่งการทูต ก็ต้องทำการทูตเชิงรุก โดยพลังทีมไทยแลนด์ต้องออกไปคว้าโอกาสกลับเข้ามาในประเทศ เช่น การดึงดูดการลงทุน ซึ่งการทำทูตสำคัญมาก โดยการทำงานในรูปแบบ Actions plan

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องการท่องเที่ยวในไทย ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนน้อยลง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็คือ ประเทศจีนได้ผลักดันการท่องเที่ยวภายในประเทศ และมีเรื่องของข้อมูลที่ผิดพลาด หรือ เฟกนิวส์ ซึ่งไม่สามารถไปไล่ลบข่าวเหล่านั้นได้หมด เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องเพิ่มข้อมูลที่ดีเข้าไปในระบบ เช่น ทำเพจข่าวส่วนตัว ส่งข้อมูลที่ถูกต้องจากกลุ่มเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ จะกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเรื่องเฟกนิวส์ที่สำคัญ คือ เรื่อง เหตุการณ์ระหว่างประเทศ ที่ต้องเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าไปในโลกออนไลน์ ซึ่งทุกคนต้องมีทีมทำงานด้านโชเซียลอย่างเข้มแข็ง เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยรัฐบาลได้มาก จึงอยากให้มีการสื่อสารในทุกระดับของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทูต, รัฐมนตรี หรือผู้นำ ที่ต้องมีการสื่อสารกันให้มาก เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทุกกลุ่ม

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำกับที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่สนับสนุนเรื่องความรุนแรง ยึดหลักสันติสุขเป็นหลัก และการพูดคุย หรือตกลงกัน เน้นให้อยู่ในกรอบทวิภาคี ซึ่งความรุนแรงคือ สิ่งสุดท้ายที่จะเลือก แต่อย่างไรก็ตาม ไทยต้องมีกำลังพอ ที่จะปกป้องคนไทย เพราะฉะนั้นเราจะไม่หาเรื่อง และไปทำความเข้าใจกับทุกประเทศ


ส่วนเรื่องการเจรจาภาษีกับสหรัฐอเมริกา ที่มีการเข้าใจผิดว่าประเทศไทยขยับเรื่องนี้ช้า ซึ่งตนเองได้พูดคุยกับต่างประเทศ จึงได้รู้ว่า สิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการคือ อยู่ในระดับเดียวกันกับอีกหลายประเทศ ที่ต้องรอการเจรจา ซึ่งการประชุม BIMSTEC ที่ผ่านมาก็มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังพูดถึง สินค้าเกษตรไทย เช่น ผลไม้ ที่ต้องช่วยการโพรโมทให้มากขึ้น เช่นเดียวกับการเร่งเจรจา FTA ให้มากขึ้น รวมไปถึงเรื่องเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ต้องเพิ่มจุดแข็ง เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในด้านนี้

นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงโครงการแลนด์บริจดิ์ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่ปัจจุบันมีบริษัทภาคเอกชน และภาครัฐในหลายประเทศให้ความสนใจในการลงทุนโครงการดังกล่าว

ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำจุดยืน และท่าทีของไทย 3 เรื่อง ที่รู้สึกว่า ยังขาดการชี้แจงที่เหมาะสมกับประเทศต่าง ๆ

  1. มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่สามารถสื่อสารกับทุกประเทศได้เลยว่า วันนี้ไทยได้ดำเนินการถึงไหนแล้ว
  2. สถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมา ซึ่งจุดยืนในเรื่องนี้ ไทย และอาเซียนพร้อมส่งเสริมให้เกิดความสงบสุขในประเทศเมียนมาอีกครั้ง
  3. เรื่องข้อพิพาทกับประเทศกัมพูชา ที่ต้องอธิบายเหตุผลให้กับมิตรประเทศต่าง ๆ ทราบ ที่ไทยต้องมีความจำเป็นในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ และเหตุผลที่ไทยต้องยึดมั่นกลไกทวิภาคีเพราะอะไร รวมไปถึงความช่วยเหลือที่ประเทศไทย มีให้ประเทศกัมพูชาตลอด ที่ช่วยเหลือตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และยังช่วยเหลืออยู่ ซึ่งอยากให้เน้นย้ำในเรื่องนี้ แม้จะมีเสียงเชียร์ให้เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง แต่ว่าเสียงเชียร์เหล่านั้นในโชเซียลไม่ได้อยู่หน้างาน เพราะบุคคลที่เสี่ยงจริง คือ คนหน้างาน โดยที่ไม่มีใครต้องการความรุนแรง แม้ว่าจะฝึกรบมาแล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นคนในประเทศต้องสามัคคีกันไว้ ซึ่งไทยพร้อมจะพูดคุยกันด้วยเหตุผล

.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]