ศาลฯ ไต่สวน ​ผบ.เรือนจำคนปัจจุบัน คดี “ทักษิณ”​ ละเอียดยิบกว่า 1 ชม.

ศาลฎีกาฯ ​13 มิ.ย.-ศาลฯ ไต่สวน ​ผบ.เรือนจำคนปัจจุบัน คดี “ทักษิณ”​ ละเอียดยิบกว่า 1 ชม. ขั้นตอนส่งตัวเข้า​ รพ.​ตำรวจ​ ผบ.เรือนจำ รับแพทย์เขียนใบส่งตัวล่วงหน้ารักษานอกเรือนจำได้กรณีฉุกเฉิน ไม่ผ่านทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ตามขั้นตอน ด้านศาลเรียกประวัติการรักษาตัวต่างประเทศ-มติแพทสภา นัดไต่สวนอีก ​6 นัด ช่วง ​ก.ค.​ และเรียกสอบพยานเพิ่ม 20 ปาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 9.30 น. วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีการนัดไต่สวน กรณีการเข้ารักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเพื่อพิจารณาว่าการรักษาตัวดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่และมีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อกำหนดของกรมราชทัณฑ์หรือไม่


โดยศาลได้ไต่สวนนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งศาลได้ไต่สวนในขั้นตอนของการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ซึ่งเป็นข้อสงสัยหลังศาลได้อ่านเอกสารคำชี้แจง กว่า 1 ชั่วโมง

ศาลได้ถามถึงกระบวนการในวันส่งตัวนายทักษิณ ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ว่าได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีการตรวจและปฏิบัติกับนายทักษิณอย่างไร ซึ่งทางนายมานพได้ชี้แจงว่า ในวันที่ 22 สิงหาคม ได้รับตัวนายทักษิณจากศาล มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลา 14.00 น. ซึ่งมีการตรวจร่างกาย โดย พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ได้ตรวจร่างกายและเขียนใบรับรองว่ามีโรคความดันสูงโรคหัวใจ อยู่ในกลุ่ม 608 พร้อมเขียนใบส่งตัวไว้ล่วงหน้าหากฉุกเฉิน จะได้สามารถส่งตัวได้ทันทีเมื่อมีอาการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือและรับมอบประวัติการรักษาจากต่างประเทศ มีการตรวจค้น ตรวจตัวและบันทึกลงระบบ


นายมานพ ชี้แจงอีกว่า​ จากนั้นในเวลา 22.00 น. พยาบาลของสถานพยาบาลภายในเรือนจำได้เข้าไปตรวจนายทักษิณ พบว่ามีความดันผิดปกติ ออกซิเจนมีความผิดปกติ แน่นหน้าอก นอนไม่หลับ แขนขาอ่อนแรง จึงได้โทรไปปรึกษาหมอของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งแพทย์ได้ ให้ความเห็นว่าสามารถส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำได้ ทางพัสดีเวรจึงมีคำสั่งตามคำวินิจฉัยแพทย์ ส่งตัวนายทักษิณ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

ศาลจึงได้ถามว่าปกติมีการเขียนใบส่งตัวไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นายมานพ ยืนยันว่า มี ทำเป็นปกติในกรณีผู้ป่วยกลุ่ม 608 แต่กรณีของนายทักษิณตนไม่ทราบเหตุผล ส่วนอาการในคืนนั้นของนายทักษิณตรงกับใบส่งตัวล่วงหน้าเลยใช่หรือไม่ นายมานพ กล่าวว่า เห็นแค่ในรายงานเอกสารแต่ส่วนตัวไม่เห็น

ศาลจึงได้ทวงถามถึงประวัติการรักษาจากต่างประเทศของนายทักษิณ เนื่องจากไม่มีการส่งหลักฐานให้กับศาล พร้อมถามถึงรายละเอียดการส่งตัวของผู้ต้องขังไปรักษา นอกเรือนจำมีขั้นตอนอย่างไรและอาศัยตามอำนาจกฎหมายใด ตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตามระเบียบราชทัณฑ์ 2563 เนื่องจากมีความแตกต่างกัน นายมานพ ได้ชี้แจงว่าเป็นขั้นตอนตามมาตรา 55 ของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ปี 2560 และกฎกระทรวง ว่าสามารถส่งตัวผู้ต้องขัง ที่มีอาการป่วยในเวลาปกติได้ ซึ่งก็คือในเวลาราชการ โดยตามระเบียบจะต้องประเมินอาการในสถานพยาบาลในเรือนจำก่อน หากมีอาการหนักก็จะส่งตัวไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทุกกรณี และหากมีอาการหนักกว่าเดิมสามารถส่งไปรักษาตัวโรงพยาบาลนอกเรือนจำได้ ส่วนก่อนหน้านี้จะมีนักโทษในคดีทางการเมืองถูกส่งไปรักษานอกประจำแบบนายทักษิณ หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ในระยะเวลาที่ตนดำรงตำแหน่งมานั้นมี เช่นผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยมะเร็ง


ศาลจึงถามต่อว่า ตอนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปควบคุมตลอดเวลาหรือไม่ นายมานพ กล่าวว่ามีการส่งไปตลอด มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ จำนวน 4 นาย เวรละ 2 นาย สลับกลางวันกับกลางคืน แต่เจ้าหน้าที่ 1 คนสามารถเข้าเวรต่อเนื่องได้ โดยจะมีการลงชื่อในสมุดเข้าเวร และมีการเซ็นเบิกค่าเงินเข้าเวร สารจึงได้ขอหลักฐานการเบิกเงินเข้าเวร จะให้ส่งมาพร้อมกับประวัติการรักษาตัวนายทักษิณในต่างประเทศ ภายใน 15 วัน

จากนั้นศาลได้เปิดให้คู่ความไต่สวนพยานได้ แต่จะต้องไม่เป็นการซักค้านศาล โดยนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ได้ขออนุญาตต่อศาลเพื่อ สอบถามข้อมูลบางส่วนกับพยานโดยตรงในชั้นไต่สวน ศาลได้ชี้แจงต่อทนายความจำเลยว่า ไม่สามารถอนุญาตให้ทนายความจำเลยถามคำถามต่อพยานได้โดยตรง แต่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาแต่ละคำถามตามความเหมาะสม

โดยทนายวิญญัติ ได้เริ่มถามข้อที่ 1 ว่าการส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วยออกไปรักษาโรงพยาบาลนอกความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ทางกรมราชทัณฑ์ได้ทำ MOU ร่วมกับโรงพยาบาลอื่นหรือไม่ เช่นโรงพยาบาลตำรวจ

ศาลได้ตอบแทนพยานว่า ส่วนนี้ทางกรมราชทัณฑ์มี MOU ในเอกสารอยู่แล้ว

ทนายจึงถามข้อที่ 2 ต่อว่า ที่ผ่านมาทางเรือนจำ มีกรณีใดหรือไม่ ที่ส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วยไปรักษาตัวภายนอกโดยไม่ผ่านขั้นตอนโรงพยาบาลเรือนจำฯ แต่คำถามนี้ศาลไม่อนุญาตให้ถาม เนื่องจากเป็นการถามค้านศาล

ส่วนข้อที่ 3 พยานรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ผู้ต้องขังมีประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ไม่ใช่พึ่งมีอาการ นายมานพ ระบุว่าไม่ทราบ

ข้อที่ 4 พยานทราบหรือไม่ว่าในระหว่างปฏิบัติราชการอยู่มีการคุมตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาที่นอกเรือนจำทั้งประเทศจำนวนเท่าใด

ศาลไม่อนุญาตให้ตอบ

ข้อที่ 5 ตามกฎกระทรวงเรื่องการคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำเจ้าหน้าที่ต้องมีการควบคุมตัวตลอดเวลาใช่หรือไม่

ศาลแจ้งกลับว่า ในข้อคำถามดังกล่าวศาลได้กำหนดนัดหมายเรียกพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่ควบคุมตัวนายทักษิณมาไต่สวนแล้ว จึงไม่อนุญาตให้ถาม

ข้อที่ 6 จากการที่พยานกล่าวว่าแนวทาง ปฏิบัติกฎกระทรวงปี 2563 พยานไม่มีส่วนในการร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ทั้งนี้มาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำ(SOP) ถือว่าเกิดขึ้นก่อนหน้ากรณีของนายทักษิณใช่หรือไม่

นายมานพ ยืนยันว่า ใช่

ข้อที่ 7 การที่ราชทัณฑ์มารับตัวผู้ต้องขังจากศาลฎีกาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 วิธีการซักประวัติถ่ายรูปตรวจร่างกายถือว่าเป็นการรับโทษแล้วหรือไม่ แต่ ศาลไม่อนุญาตให้ถามเพราะจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง

ข้อที่ 8 พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในเรือนจำมี 1 คนต่อ 1 รอบเวรใช่หรือไม่

นายมานพ ระบุว่า พยาบาล 1 คนต่อ 1 เวรจะต้องดูแลผู้ต้องขังจำนวน 4,000 คน

ส่วนข้อที่ 9 กลุ่ม 608 คือกลุ่มอะไร แต่ในข้อคำถามนี้ศาลแนะนำว่าควรจะสอบถามไปทีแพทย์มากกว่าเพราะมีความรู้เฉพาะเจาะจงแต่นายวิญญัติ ยืนยันว่าจะถามผู้บัญชาการเรือนจำ ว่าเข้าใจหรือไม่ว่าคนไข้กลุ่ม 608 คือใคร ศาลจึงอนุญาตให้ผู้บัญชาการเรือนจำชี้แจงซึ่งระบุว่า กลุ่ม 608 หมายถึงกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปป่วยด้วย 8 โรค กลุ่มนี้ทางเรือนจำจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดการเรียกว่ากลุ่ม 608 เกิดขึ้นในสมัยการแพร่ระบาดของโควิด

ต่อมาเวลา 10.30 น. ทนายวิญญัติขออนุญาตอ่านคำชี้แจงต่อศาลว่าขอขยายระยะเวลาการส่งเอกสารเพิ่มเติมภายใน 23 มิถุนายนนี้ และขอเบิกตัวพยานฝ่ายจำเลยที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยจะส่งรายชื่อและรายละเอียดให้ศาลพิจารณาก่อนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยศาลได้ระบุว่าในคดีดังกล่าวจะมีการไต่สวนอีกหลายนัดและมีการเรียกพยานมา และขอให้ทำเรื่องมาซึ่งศาลจะวินิจฉัยเองว่าได้หรือไม่ได้

นายวิญญัติ ได้ขอต่อศาลว่าขอไม่ให้มีนัดในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากนายทักษิณ มีกำหนดนัดคดี ม.112 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ต้องไปปรากฏตัว โดยศาลได้ชี้แจงว่า ทั้งสารเองก็มีข้อจำกัดในการกำหนดนัดผู้พิพากษาและการจัดเตรียมสถานที่จึงขอให้ทีมทนายความจัดสรร เวลาและผู้มาฟังการไต่สวนเพราะนายทักษิณ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเองสามารถมอบหมายทนายความให้เป็นตัวแทนได้

แต่นายวิญญัติ ได้ชี้แจงว่าอยากขอความเมตตาเนื่องจากตนเองเป็นทนายความเพียงคนเดียวที่ได้เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ขณะที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ อีกทั้งนายทักษิณ จำเป็นต้องมีทนายความที่ไว้วางใจในการ เดินทางขึ้นศาลในแต่ละครั้ง

อย่างไรก็ตามศาลได้นัดไต่สวนพยานในครั้งถัดไปคือวันที่ 4 , 8, 15, 18, 25 และ 30 ก.ค.2568 พร้อมเรียกพยานสอบ 3 นัดในจำนวนดังกล่าว​ รวม 20 ปาก ซึ่งประกอบด้วย พยาบาลในสถานพยาบาลในเรือนจำ พิเศษกรุงเทพฯ แพทย์ใน ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ อดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์มาชี้แจง พร้อมเรียกเอกสาร รายงานของกสม.และมติแพทยสภา ที่มีการพิจารณากรณีส่งตัวรักษานายทักษิณ ชั้น 14 เพิ่มเติมจากป.ป.ช..-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]