“ชาญชัย” เตรียมเอกสารมาแจงเพิ่ม กรณี “ทักษิณ” หากศาลต้องการ

ศาลฎีกาฯ 13 มิ.ย.-“ชาญชัย” ย้ำไม่ใช่คดีการเมือง แต่คือการพิสูจน์ว่า “ทักษิณ” ถูกบังคับโทษจริงหรือไม่ พร้อมเผยเตรียมเอกสารมาแจงเพิ่ม หากศาลต้องการก็พร้อมแจงทันที

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการบังคับโทษตามกฎหมายหรือไม่ เข้าร่วมรับฟังการไต่สวน พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้เป็นนัดแรกที่ศาลเรียกทุกฝ่ายเข้ามา เพื่อดำเนินกระบวนการไต่สวนตามคำร้องที่เคยยื่นไว้ก่อนหน้านี้


นายชาญชัย ระบุว่า ตนเดินทางมาเพื่อรับฟังและเตรียมความพร้อม หากศาลเปิดโอกาสให้ชี้แจงเพิ่มเติมจะได้นำเสนอเอกสารหลักฐานใหม่ที่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่าข้อมูลที่ยื่นไปก่อนหน้านี้มีรายละเอียดจำนวนมาก และหากฝ่ายใดให้ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนก็จะเสนอข้อมูลให้ศาลพิจารณาเพิ่มเติม

นายชาญชัย ย้ำว่า คดีนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้มีความถูกต้อง ทั้งยังมองว่า ศาลมีอำนาจเรียกพยานและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน


สำหรับกรณีที่ทนายของนายทักษิณขอขยายเวลาชี้แจงคำร้อง นายชาญชัย เห็นว่าเป็นสิทธิที่สามารถใช้ได้ เพราะศาลได้ออกหมายกำหนดให้ส่งคำชี้แจงภายใน 30 วันหลังได้รับคำสั่ง และหากเพิ่งได้รับหมายในภายหลัง ก็ถือเป็นการนับเวลาใหม่ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ พร้อมระบุว่าศาลอาญามักให้ความเป็นธรรมกับจำเลยเป็นหลัก

ในส่วนที่เกี่ยวกับมติของแพทยสภาซึ่งลงโทษแพทย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ นายชาญชัยกล่าวว่า ทุกองค์ประกอบสามารถเกี่ยวโยงได้ แต่สุดท้ายศาลจะวินิจฉัยจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าการบังคับโทษที่มีพระบรมราชโองการให้จำคุกหนึ่งปีนั้น มีการปฏิบัติจริงหรือไม่

นายชาญชัย ระบุด้วยว่า ศาลจะไม่ย้อนพิจารณาคดีเดิม แต่จะพิจารณาเฉพาะประเด็นว่า มีการจำคุกจริงตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากหลักฐาน เช่น เวชระเบียน ใบเสร็จ หรือหลักฐานการรักษาพยาบาล เพื่อยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ


นายชาญชัย ยังกล่าวถึงประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการเลื่อนนัดไต่สวนออกไปว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ซึ่งตนไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการไต่สวน และศาลก็ยังไม่ได้อนุญาตให้เปิดเผยรายละเอียดคำร้องที่ตนยื่นไว้ โดยตนมาในวันนี้เพื่อรับฟัง และเตรียมความพร้อม หากศาลเปิดโอกาสให้เพิ่มเติมข้อมูลก็พร้อมที่จะยื่นเอกสารเพิ่มเติม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีประชาชนจำนวนมากติดตามคดีนี้ และอยากทราบว่าอยากฝากอะไรถึงประชาชนหรือไม่ นายชาญชัย ระบุว่า ขณะนี้ศาลอยู่ในระหว่างพิจารณาหาข้อเท็จจริง โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตั้งแต่ศาลรับคำร้องของตน ก็เปรียบเสมือนศาลเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนและมีหน้าที่ตรวจสอบกระบวนการทั้งหมดว่าถูกต้องหรือไม่

นายชาญชัย อธิบายเพิ่มเติมว่า ศาลได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอัยการ สำนักงาน ป.ป.ช. หรือราชทัณฑ์ เข้ามาชี้แจงว่าในกระบวนการที่ผ่านมามีความผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นว่า “นายทักษิณ” ได้รับการบังคับโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ เช่น การถูกคุมขังจริงหรือไม่ ระยะเวลารักษาพยาบาลนอกเรือนจำมากกว่า 80 วันนั้น มีหลักฐานทางการแพทย์รองรับหรือไม่

นายชาญชัย ย้ำว่า ศาลไม่ได้กล่าวหาใคร แต่เป็นการไต่สวนเพื่อค้นหาความจริง และศาลมีอำนาจเรียกพยานหรือผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมหากเห็นว่าจำเป็น โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้กระบวนการไต่สวนตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้การตรวจสอบบุคคลดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปโดยรอบคอบและยุติธรรม

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า การบังคับคดีนั้นมีบางฝ่ายที่พยายามบอกว่าการบังคับคดีเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์แต่เพียงฝ่ายเดียวซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะการบังคับคดีนั้นมีการคาบเกี่ยวระหว่างกรมราชทัณฑ์เรือนจำและศาลที่ยังมีอำนาจอยู่ ที่ต้องขอติดตามว่าการบังคับคดีนั้นทำได้ถูกต้องหรือไม่ เมื่อ นายชาญชัย เห็นว่า การบังคับคดีนั้นยังไม่ถูกต้องจึงมาร้องตามข้อบังคับที่ 62 ของข้อบังคับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าบุคคลใดที่พบเห็นว่ามีการกระทำผิดระหว่างบังคับคดีสามารถร้องต่อศาลได้

นพ.ตุลย์ แจงว่าการบังคับคดีไม่ใช่เพียงแค่ของกรมราชทัณฑ์ฝ่ายเดียวเพราะศาลก็ยังมีอำนาจ ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 66 ที่ไหนทักษิณได้เปลี่ยนสถานที่จากเรือนจำไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจโดยมีความเห็นของแพทย์ที่ราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจให้อยู่ตลอด 180 วันนั้นตนมองว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อาจจะมีส่วนสำคัญถ้าศาลจะเห็นว่าการบังคับคดียังไม่เกิดขึ้นแม้แต่วันเดียว ซึ่งอาจจะมีผลต่อการพิจารณาว่าการบังคับคดีได้เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ ส่วนการพักโทษภายหลังจากรักษาตัวไป 180 วันนั้นเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ เพราะหากศาลพิจารณาเห็นว่าไม่ถูกต้องทั้งสองส่วนก็อาจจะทำให้ นายทักษิณกลับมาสู่เรือนจำตามพระบรมราชโองการลดโทษเหลือหนึ่งปี

ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เผยว่า คดีนี้เป็นคดีที่จะดำเนินการไต่สวนเพื่อบังคับคดีคือมีเหตุกรณีว่าศาลมีการพิพากษาจำคุกไปแล้วนั้นมีการบังคับโทษให้จำคุกจริงหรือไม่ วันนี้จะมีการไต่สวนหรือไม่นั้นก็ต้องดูบุคคลที่ศาลให้ออกคำชี้แจงมาซึ่งจะมีกรมราชทัณฑ์ราชธาน โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง (ปปช.) และนายทักษิณ ซึ่งแต่ละคนต้องส่งเอกสารเข้ามาและตัวบุคคลก็ต้องมา ซึ่งที่ศาลนัดในวันนี้เป็นสองเรื่องคือการไต่สวนและนัดพร้อมถ้าหากว่ามีพยานมาแล้วและเห็นควรว่าจะไต่สวนก็ควรมีพยานมาซึ่งประเด็นของคดีอยู่แค่ตรงส่วนนี้ ส่วนหากพบว่าการบังคับโทษยังไม่ถูกต้องและเป็นไปตามกฏหมายและใครเป็นผู้กระทำบ้างอันนั้นนั้นศาลจะลงในรายละเอียดเอาไว้และจะดำเนินคดีกันอีกส่วนหนึ่งศาลคงจะทำให้เกิดความกระจ่างและเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพื่อไม่ให้มีข้อสงสัยและให้เวลากัยลูกความตามกฎหมายอย่างเต็มที่

นายนิติธร ยังกล่าวอีกว่า เมื่อศาลใช้ระบบไต่สวนนั้นตนก็เข้าใจว่าศาลคงรวบรวมพยานหลักฐานไปแล้วแต่ส่วนหนึ่งหากศาลเห็นว่าอันนี้เป็นเอกสารสำคัญก็อาจจะออกหมายเรียกให้แพทยสภาส่งมาซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันหมดเพราะทุกฝ่ายที่ทำงานนั้นมาจากรปัญหาเดียวกันคือการบังคับโทษของนายทักษิณ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็จะถูกเรียกเอกสารมาที่ศาล

เมื่อถามว่า ทิศทางนั้นจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่นายทักษิณถึงไทยเลยหรือไม่ นายนิติธร เผยว่า ประเด็นอยู่ที่การบังคับโทษว่ามีการบังคับโทษหรือไม่ถ้าหากราชธานบอกว่าบังคับโทษไปแล้วนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่แต่ในขณะเดียวกันมีประเด็นปัญหาว่าประกาศคำสั่งระเบียบข้อบังคับหรือกฎหมายบางเรื่องที่ออกมานั้นอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายอาญาเพราะหลักนี้ใช้พรบ.ราชทัณฑ์ แต่ว่ามาตรา หก ของ พรบมาตรฐานนั้นบอกว่าที่ผ่านมาทุกเรื่องที่ต่อจากนี้ก็อยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา ถ้าการบังคับโทษไม่เกิดขึ้นก็ต้องมีการบังคับโทษ ส่วนแต่ละฝ่ายที่ไม่ได้บังคับโทษให้เป็นไปตามกฏหมายนั้นก็ต้องว่ากันอีกทีนึง

เมื่อถามย้ำว่า หากความจริงของคดีนี้กระจ่างขึ้นมาส่งผลมากน้อยแค่ไหนต่อรัฐบาล นายนิติธร มองว่า รัฐบาลมีส่วนร่วมให้เกิดแบบนี้ขึ้นเพราะตัวนายกรัฐมนตรีจะต้องมีส่วนในการบังคับคดีและการบริหารกระบวนการยุติธรรมซึ่งต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดว่าการบังคับใช้กฎหมายไม่ถูกต้องหรือไม่ ส่วนรัฐมนตรีทุกคน ตั้งแต่อดีตนายกเศรษฐา มาจนถึงนางสาวแพทองธาร ทุกคนเพิกเฉยหมดซึ่งคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานและย้อนกลับไปถึงกรณีที่มีการพักโทษ.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]