“ชาญชัย” เตรียมเอกสารมาแจงเพิ่ม กรณี “ทักษิณ” หากศาลต้องการ

ศาลฎีกาฯ 13 มิ.ย.-“ชาญชัย” ย้ำไม่ใช่คดีการเมือง แต่คือการพิสูจน์ว่า “ทักษิณ” ถูกบังคับโทษจริงหรือไม่ พร้อมเผยเตรียมเอกสารมาแจงเพิ่ม หากศาลต้องการก็พร้อมแจงทันที

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการบังคับโทษตามกฎหมายหรือไม่ เข้าร่วมรับฟังการไต่สวน พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้เป็นนัดแรกที่ศาลเรียกทุกฝ่ายเข้ามา เพื่อดำเนินกระบวนการไต่สวนตามคำร้องที่เคยยื่นไว้ก่อนหน้านี้


นายชาญชัย ระบุว่า ตนเดินทางมาเพื่อรับฟังและเตรียมความพร้อม หากศาลเปิดโอกาสให้ชี้แจงเพิ่มเติมจะได้นำเสนอเอกสารหลักฐานใหม่ที่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่าข้อมูลที่ยื่นไปก่อนหน้านี้มีรายละเอียดจำนวนมาก และหากฝ่ายใดให้ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนก็จะเสนอข้อมูลให้ศาลพิจารณาเพิ่มเติม

นายชาญชัย ย้ำว่า คดีนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้มีความถูกต้อง ทั้งยังมองว่า ศาลมีอำนาจเรียกพยานและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน


สำหรับกรณีที่ทนายของนายทักษิณขอขยายเวลาชี้แจงคำร้อง นายชาญชัย เห็นว่าเป็นสิทธิที่สามารถใช้ได้ เพราะศาลได้ออกหมายกำหนดให้ส่งคำชี้แจงภายใน 30 วันหลังได้รับคำสั่ง และหากเพิ่งได้รับหมายในภายหลัง ก็ถือเป็นการนับเวลาใหม่ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ พร้อมระบุว่าศาลอาญามักให้ความเป็นธรรมกับจำเลยเป็นหลัก

ในส่วนที่เกี่ยวกับมติของแพทยสภาซึ่งลงโทษแพทย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ นายชาญชัยกล่าวว่า ทุกองค์ประกอบสามารถเกี่ยวโยงได้ แต่สุดท้ายศาลจะวินิจฉัยจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าการบังคับโทษที่มีพระบรมราชโองการให้จำคุกหนึ่งปีนั้น มีการปฏิบัติจริงหรือไม่

นายชาญชัย ระบุด้วยว่า ศาลจะไม่ย้อนพิจารณาคดีเดิม แต่จะพิจารณาเฉพาะประเด็นว่า มีการจำคุกจริงตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากหลักฐาน เช่น เวชระเบียน ใบเสร็จ หรือหลักฐานการรักษาพยาบาล เพื่อยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ


นายชาญชัย ยังกล่าวถึงประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการเลื่อนนัดไต่สวนออกไปว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ซึ่งตนไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการไต่สวน และศาลก็ยังไม่ได้อนุญาตให้เปิดเผยรายละเอียดคำร้องที่ตนยื่นไว้ โดยตนมาในวันนี้เพื่อรับฟัง และเตรียมความพร้อม หากศาลเปิดโอกาสให้เพิ่มเติมข้อมูลก็พร้อมที่จะยื่นเอกสารเพิ่มเติม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีประชาชนจำนวนมากติดตามคดีนี้ และอยากทราบว่าอยากฝากอะไรถึงประชาชนหรือไม่ นายชาญชัย ระบุว่า ขณะนี้ศาลอยู่ในระหว่างพิจารณาหาข้อเท็จจริง โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตั้งแต่ศาลรับคำร้องของตน ก็เปรียบเสมือนศาลเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนและมีหน้าที่ตรวจสอบกระบวนการทั้งหมดว่าถูกต้องหรือไม่

นายชาญชัย อธิบายเพิ่มเติมว่า ศาลได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอัยการ สำนักงาน ป.ป.ช. หรือราชทัณฑ์ เข้ามาชี้แจงว่าในกระบวนการที่ผ่านมามีความผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นว่า “นายทักษิณ” ได้รับการบังคับโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ เช่น การถูกคุมขังจริงหรือไม่ ระยะเวลารักษาพยาบาลนอกเรือนจำมากกว่า 80 วันนั้น มีหลักฐานทางการแพทย์รองรับหรือไม่

นายชาญชัย ย้ำว่า ศาลไม่ได้กล่าวหาใคร แต่เป็นการไต่สวนเพื่อค้นหาความจริง และศาลมีอำนาจเรียกพยานหรือผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมหากเห็นว่าจำเป็น โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้กระบวนการไต่สวนตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้การตรวจสอบบุคคลดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปโดยรอบคอบและยุติธรรม

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า การบังคับคดีนั้นมีบางฝ่ายที่พยายามบอกว่าการบังคับคดีเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์แต่เพียงฝ่ายเดียวซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะการบังคับคดีนั้นมีการคาบเกี่ยวระหว่างกรมราชทัณฑ์เรือนจำและศาลที่ยังมีอำนาจอยู่ ที่ต้องขอติดตามว่าการบังคับคดีนั้นทำได้ถูกต้องหรือไม่ เมื่อ นายชาญชัย เห็นว่า การบังคับคดีนั้นยังไม่ถูกต้องจึงมาร้องตามข้อบังคับที่ 62 ของข้อบังคับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าบุคคลใดที่พบเห็นว่ามีการกระทำผิดระหว่างบังคับคดีสามารถร้องต่อศาลได้

นพ.ตุลย์ แจงว่าการบังคับคดีไม่ใช่เพียงแค่ของกรมราชทัณฑ์ฝ่ายเดียวเพราะศาลก็ยังมีอำนาจ ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 66 ที่ไหนทักษิณได้เปลี่ยนสถานที่จากเรือนจำไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจโดยมีความเห็นของแพทย์ที่ราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจให้อยู่ตลอด 180 วันนั้นตนมองว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อาจจะมีส่วนสำคัญถ้าศาลจะเห็นว่าการบังคับคดียังไม่เกิดขึ้นแม้แต่วันเดียว ซึ่งอาจจะมีผลต่อการพิจารณาว่าการบังคับคดีได้เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ ส่วนการพักโทษภายหลังจากรักษาตัวไป 180 วันนั้นเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ เพราะหากศาลพิจารณาเห็นว่าไม่ถูกต้องทั้งสองส่วนก็อาจจะทำให้ นายทักษิณกลับมาสู่เรือนจำตามพระบรมราชโองการลดโทษเหลือหนึ่งปี

ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เผยว่า คดีนี้เป็นคดีที่จะดำเนินการไต่สวนเพื่อบังคับคดีคือมีเหตุกรณีว่าศาลมีการพิพากษาจำคุกไปแล้วนั้นมีการบังคับโทษให้จำคุกจริงหรือไม่ วันนี้จะมีการไต่สวนหรือไม่นั้นก็ต้องดูบุคคลที่ศาลให้ออกคำชี้แจงมาซึ่งจะมีกรมราชทัณฑ์ราชธาน โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง (ปปช.) และนายทักษิณ ซึ่งแต่ละคนต้องส่งเอกสารเข้ามาและตัวบุคคลก็ต้องมา ซึ่งที่ศาลนัดในวันนี้เป็นสองเรื่องคือการไต่สวนและนัดพร้อมถ้าหากว่ามีพยานมาแล้วและเห็นควรว่าจะไต่สวนก็ควรมีพยานมาซึ่งประเด็นของคดีอยู่แค่ตรงส่วนนี้ ส่วนหากพบว่าการบังคับโทษยังไม่ถูกต้องและเป็นไปตามกฏหมายและใครเป็นผู้กระทำบ้างอันนั้นนั้นศาลจะลงในรายละเอียดเอาไว้และจะดำเนินคดีกันอีกส่วนหนึ่งศาลคงจะทำให้เกิดความกระจ่างและเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพื่อไม่ให้มีข้อสงสัยและให้เวลากัยลูกความตามกฎหมายอย่างเต็มที่

นายนิติธร ยังกล่าวอีกว่า เมื่อศาลใช้ระบบไต่สวนนั้นตนก็เข้าใจว่าศาลคงรวบรวมพยานหลักฐานไปแล้วแต่ส่วนหนึ่งหากศาลเห็นว่าอันนี้เป็นเอกสารสำคัญก็อาจจะออกหมายเรียกให้แพทยสภาส่งมาซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันหมดเพราะทุกฝ่ายที่ทำงานนั้นมาจากรปัญหาเดียวกันคือการบังคับโทษของนายทักษิณ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็จะถูกเรียกเอกสารมาที่ศาล

เมื่อถามว่า ทิศทางนั้นจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่นายทักษิณถึงไทยเลยหรือไม่ นายนิติธร เผยว่า ประเด็นอยู่ที่การบังคับโทษว่ามีการบังคับโทษหรือไม่ถ้าหากราชธานบอกว่าบังคับโทษไปแล้วนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่แต่ในขณะเดียวกันมีประเด็นปัญหาว่าประกาศคำสั่งระเบียบข้อบังคับหรือกฎหมายบางเรื่องที่ออกมานั้นอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายอาญาเพราะหลักนี้ใช้พรบ.ราชทัณฑ์ แต่ว่ามาตรา หก ของ พรบมาตรฐานนั้นบอกว่าที่ผ่านมาทุกเรื่องที่ต่อจากนี้ก็อยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา ถ้าการบังคับโทษไม่เกิดขึ้นก็ต้องมีการบังคับโทษ ส่วนแต่ละฝ่ายที่ไม่ได้บังคับโทษให้เป็นไปตามกฏหมายนั้นก็ต้องว่ากันอีกทีนึง

เมื่อถามย้ำว่า หากความจริงของคดีนี้กระจ่างขึ้นมาส่งผลมากน้อยแค่ไหนต่อรัฐบาล นายนิติธร มองว่า รัฐบาลมีส่วนร่วมให้เกิดแบบนี้ขึ้นเพราะตัวนายกรัฐมนตรีจะต้องมีส่วนในการบังคับคดีและการบริหารกระบวนการยุติธรรมซึ่งต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดว่าการบังคับใช้กฎหมายไม่ถูกต้องหรือไม่ ส่วนรัฐมนตรีทุกคน ตั้งแต่อดีตนายกเศรษฐา มาจนถึงนางสาวแพทองธาร ทุกคนเพิกเฉยหมดซึ่งคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานและย้อนกลับไปถึงกรณีที่มีการพักโทษ.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]

รวบอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์-หญิงคนสนิท ยักยอกเงินวัด

นครสวรรค์ 14 ส.ค. – ตำรวจ บก.ปปป. รวบอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์-หญิงคนสนิท หลังมีหลักฐานยักยอกเงินวัดกว่า 4.1 ล้านบาท “บิ๊กเต่า” เตรียมแถลงเย็นนี้ ตำรวจ บก.ปปป. จับกุมนายสฤษฏิ์ หรือ พระธรรมวชิรธีรคุณสฤษฏิ์ จันท์ประธาตุ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในคดีเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 147 และ 157 และนางสาวภูธินี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาคกลาง ในคดีเป็นผู้สนับสนุนพนักงานยักยอกทรัพย์ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่ หรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 147 157 และ 86 โดยพฤติกรรมของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2568 ที่ผ่านมา อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ น.ส.ภูธินี และยักยอกเงินวัดนครสวรรค์ จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 2567-10 ก.ค.2568 เจ้าอาวาสได้สั่งให้พระศตยา พุ่มเดช พระลูกวัด เบิกถอนเงินจากบัญชีวัดนครสวรรค์ […]

สภาถกงบฯ 69 วันที่ 2 “ปชน.” ซัดงบ ก.เกษตรฯ ไม่ตอบโจทย์

รัฐสภา 14 ส.ค.- สภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 วันที่ 2 “สส.ปชน.” ซัดงบ ก.เกษตรฯ ไม่ตอบโจทย์คนไทย ดูดีบนกระดาษ แต่ใช้ในชีวิตจริงของเกษตรกรไม่ได้ ข้องใจ ทำไมต้องทำโครงการตลาดกลางที่พะเยา ทั้งที่มูลค่าส่งออกแพ้เชียงราย-น่าน เสี่ยงผูกขาด หรือเป็นเหตุผลทางการเมือง ฉะ “ล้งแห่งชาติ” ของ อ.ต.ก. ล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2 – 3 เป็นวันที่ 2 โดยพิจารณามาตรา 14 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในกำกับ โดยนายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน พรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณในส่วนขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ว่า มีสองโครงการที่ไม่ตอบโจทย์ให้กับคนไทยทั้งประเทศ และเสี่ยงต่อการใช้เงินภาษีอย่างไม่คุ้มค่า เสี่ยงต่อการล้มเหลวของโครงการ ได้แก่โครงการตลาดกลางที่ จ.พะเยา […]