กมธ.มั่นคงฯ ฝาก กห. ตั้งรับ-มีมาตรการเชิงรุก ตอบโต้กัมพูชาขึ้นศาลโลก

รัฐสภา 12 มิ.ย.- กมธ.ความมั่นคงฯ แนะ รัฐบาลเพิ่มมาตรการปราบคอลเซ็นเตอร์ ตัดท่อน้ำเลี้ยง เพิ่มน้ำหนักเจรจา JBC ฝากกลาโหม ตั้งรับและมีมาตรการเชิงรุก ตอบโต้กัมพูชาขึ้นศาลโลก


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า มีข้อมูลหลายอย่างที่ได้รับผ่านการประชุม ซึ่งวันนี้เป็นการประชุมลับและได้รับความร่วมมือจาก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี แต่อาจขาดกระทรวงต่างประเทศไป เนื่องจากติดภารกิจ เรื่องการเตรียมความพร้อมในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ซึ่งมีการพูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมในทุกมิติและทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ เบื้องต้นเราเห็นพ้องต้องกันในหลาย ๆ เรื่องถึงยุทธศาสตร์และวิธีการไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ โดยทางกรรมาธิการได้ให้ข้อเสนอว่ารัฐบาลสมควรเพิ่มมิติในการปราบปรามแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาของฝั่งไทย แต่อีกส่วนก็เป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญที่หล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมเศรษฐกิจของกัมพูชา และยังเป็นการสร้างแต้มต่อที่สำคัญให้กับฝ่ายไทย หากมีการรุกในเรื่องนี้การเจรจาจะมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามเน้นย้ำกับทางผู้แทนของรัฐบาล

นายรังสิมันต์ ระบุว่า เนื่องจากกัมพูชาพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่การใช้กลไกของศาลโลกอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเสนอแนะต่อทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่ามีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเรื่องนี้และไม่สามารถประมาทได้ในทุกมิติ ประเทศไทยหลังจากมีประเด็นเขาพระวิหาร ก็ได้มีการถอนตัวในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะวางใจได้ เพราะทางกัมพูชาเองมีการเตรียมความพร้อมมานานแล้วในการขึ้นศาลโลก มีการว่าจ้างทีมกฎหมายจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อม ทั้งนักกฎหมายระหว่างประเทศ ไปจนถึงกลไก ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ เราเชื่อว่าฝ่ายกัมพูชาจะเอาทุกกระบวนการไปใช้ประโยชน์ในศาลโลกแน่นอน ประเทศไทยเองต้องมีการเตรียมทั้งตั้งรับและทางเชิงรุกซึ่งเป็นเรื่องที่กรรมาธิการได้แนะนำไปกับทางรัฐบาลให้ดำเนินการ


นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ได้หารือในกรรมาธิการ คือ เรื่องหลุมหลบภัยหรือบังเกอร์ต้องยอมรับว่ากัมพูชาได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าเดิม มีศักยภาพมากกว่าเดิม ระยะยิงไกลกว่าเดิม แม้เราจะเชื่อมั่นในศักยภาพของฝ่ายเรา แต่การเตรียมการของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญทางกรรมาธิการก็ได้ให้คำแนะนำจากตัวแทนของรัฐบาลว่า เรื่องนี้ต้องสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน การเจรจา JBC ที่จะเกิดวันที่ 14 มิ.ย. นี้ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากทางฝั่งกัมพูชาต้องการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งมากขึ้น สุดท้ายหากมีการขัดกันทางอาวุธประชาชนจะเดือดร้อนแน่นอน และระยะยิงที่อาจไกลกว่า 100 กิโลเมตร ประชาชนอาจจะต้องหลบภัยกว่า 2-3 อำเภอ ด้วยเหตุผลตรงนี้จึงมีความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีซึ่งมีงบกลางในการดำเนินการแก้ไขปัญหา มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเร่งสร้างหลุมหลบภัยให้เพียงพอต่อความต้องการ และให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าวันที่ 14 จะจบอย่างไร แต่สิ่งที่เริ่มเตรียมการได้ตั้งแต่วันนี้คือการทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยปลอดภัยที่สุด จึงอยากฝาก รัฐบาลอีกครั้งว่าจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของหลุมหลบภัย และในเรื่องของงบประมาณ นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการในเรื่องนี้เชื่อว่าเงินงบประมาณในส่วนของงบกลางมีในการดำเนินการเอาความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า ภาพรวมทั้งหมดเริ่มเห็นการตั้งหลักของการใช้กลไกอย่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในการประชุมและพูดคุยกัน แต่สิ่งที่ต้องคุยกันต่อไป คือความขัดแย้งนี้มีโอกาสลุกลามบานปลายจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ที่ค่อนข้างละเอียดและวางมารการเป็นขั้นตอน วันนี้เท่าที่คุยก็พอเห็นภาพของรัฐบาลที่เตรียมไว้ และยังต้องติดตามกันต่อไปโดยเฉพาะวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ทางกรรมการเองก็จะติดตามอย่างใกล้ชิดและพูดคุยกับทางรัฐบาลต่อไป และพร้อมที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล

ส่วนมีโอกาสจะเลื่อนหรือยกเลิกการประชุม JBC หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทางกัมพูชาจะไม่เอาเรื่องที่มีความขัดแย้งอย่างทั้ง 3 ปราสาท และพื้นที่ช่องบกมาพูดคุย แต่ทางประเทศไทย คิดว่าอย่างไรก็ต้องคุยไม่เช่นนั้นจะหาทางออกไม่ได้ เราก็ต้องใช้กลไกทวิภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุดและจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย การไปสู่ศาลโลกสุดท้ายเราก็มีบทเรียนในเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ว่าไม่จบจริงและจะทำให้ความขัดแย้งขยายตัว จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องใช้กลไกทวิภาคีและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ หากทางกัมพูชาไม่ใช้กลไกทวิภาคีแบบนี้สุดท้ายกัมพูชาจะตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งความจริงไม่จำเป็นต้องพูดคุยเฉพาะแค่ 3 ประสาทในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายจุดเพื่อนำไปสู่การทำให้ไม่มีโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธหรือลดโอกาสขัดกันทางอาวุธออกไปให้ได้มากที่สุดซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องทำ


นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังค่อนข้างมาก วันนี้เราต้องชื่นชมพลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 ว่ามีส่วนสำคัญในการพูดคุยและทำให้บรรยากาศที่ร้อนแรงลดลงไป แต่ต้องยอมรับว่ายังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะในการลดความร้อนแรง และเงื่อนไขทางทหารไม่ใช่ทุกอย่าง สิ่งสำคัญวันนี้คือกัมพูชาต้องการยกระดับไปสู่ศาลโลก แล้วคิดว่าสามารถใช้กลไกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย้ำว่าประเทศไทยต้องทำงานแบบทวิภาคีต้องวางไพ่ในแต่ละใบให้ได้มากที่สุด ตนไม่สามารถพูดได้ทั้งหมดแต่คิดว่าวันนี้ต้องช่วยกันสนับสนุน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติหน้างานและฝ่ายนโยบายที่ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพและแก้ไขปัญหาวิกฤตนี้ให้ได้

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในวันที่ 26 มิถุนายน ทางกรรมาธิการจะมีการประชุมเรื่องนี้ต่อ ในส่วนของการเตรียมการเรื่องศาลโลก เราต้องเตรียมการ ต้องทำให้เกิดความรอบคอบมากที่สุดทางกรรมาธิการจะประชุมเรื่องนี้ต่อไป และอาจจะมีการหารือต่อไปว่าจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมในการพูดคุยและนำไปสู่การเจรจาอย่างทวิภาคีจริง ๆ และยังต้องติดตามเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย และแน่นอนว่าจะมีการเชิญกระทรวงต่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมายระหว่างประเทศมาร่วมประชุม.-315 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย