กมธ.มั่นคงฯ ฝาก กห. ตั้งรับ-มีมาตรการเชิงรุก ตอบโต้กัมพูชาขึ้นศาลโลก

รัฐสภา 12 มิ.ย.- กมธ.ความมั่นคงฯ แนะ รัฐบาลเพิ่มมาตรการปราบคอลเซ็นเตอร์ ตัดท่อน้ำเลี้ยง เพิ่มน้ำหนักเจรจา JBC ฝากกลาโหม ตั้งรับและมีมาตรการเชิงรุก ตอบโต้กัมพูชาขึ้นศาลโลก


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า มีข้อมูลหลายอย่างที่ได้รับผ่านการประชุม ซึ่งวันนี้เป็นการประชุมลับและได้รับความร่วมมือจาก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี แต่อาจขาดกระทรวงต่างประเทศไป เนื่องจากติดภารกิจ เรื่องการเตรียมความพร้อมในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ซึ่งมีการพูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมในทุกมิติและทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ เบื้องต้นเราเห็นพ้องต้องกันในหลาย ๆ เรื่องถึงยุทธศาสตร์และวิธีการไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ โดยทางกรรมาธิการได้ให้ข้อเสนอว่ารัฐบาลสมควรเพิ่มมิติในการปราบปรามแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาของฝั่งไทย แต่อีกส่วนก็เป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญที่หล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมเศรษฐกิจของกัมพูชา และยังเป็นการสร้างแต้มต่อที่สำคัญให้กับฝ่ายไทย หากมีการรุกในเรื่องนี้การเจรจาจะมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามเน้นย้ำกับทางผู้แทนของรัฐบาล

นายรังสิมันต์ ระบุว่า เนื่องจากกัมพูชาพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่การใช้กลไกของศาลโลกอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเสนอแนะต่อทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่ามีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเรื่องนี้และไม่สามารถประมาทได้ในทุกมิติ ประเทศไทยหลังจากมีประเด็นเขาพระวิหาร ก็ได้มีการถอนตัวในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะวางใจได้ เพราะทางกัมพูชาเองมีการเตรียมความพร้อมมานานแล้วในการขึ้นศาลโลก มีการว่าจ้างทีมกฎหมายจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อม ทั้งนักกฎหมายระหว่างประเทศ ไปจนถึงกลไก ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ เราเชื่อว่าฝ่ายกัมพูชาจะเอาทุกกระบวนการไปใช้ประโยชน์ในศาลโลกแน่นอน ประเทศไทยเองต้องมีการเตรียมทั้งตั้งรับและทางเชิงรุกซึ่งเป็นเรื่องที่กรรมาธิการได้แนะนำไปกับทางรัฐบาลให้ดำเนินการ


นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ได้หารือในกรรมาธิการ คือ เรื่องหลุมหลบภัยหรือบังเกอร์ต้องยอมรับว่ากัมพูชาได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าเดิม มีศักยภาพมากกว่าเดิม ระยะยิงไกลกว่าเดิม แม้เราจะเชื่อมั่นในศักยภาพของฝ่ายเรา แต่การเตรียมการของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญทางกรรมาธิการก็ได้ให้คำแนะนำจากตัวแทนของรัฐบาลว่า เรื่องนี้ต้องสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน การเจรจา JBC ที่จะเกิดวันที่ 14 มิ.ย. นี้ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากทางฝั่งกัมพูชาต้องการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งมากขึ้น สุดท้ายหากมีการขัดกันทางอาวุธประชาชนจะเดือดร้อนแน่นอน และระยะยิงที่อาจไกลกว่า 100 กิโลเมตร ประชาชนอาจจะต้องหลบภัยกว่า 2-3 อำเภอ ด้วยเหตุผลตรงนี้จึงมีความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีซึ่งมีงบกลางในการดำเนินการแก้ไขปัญหา มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเร่งสร้างหลุมหลบภัยให้เพียงพอต่อความต้องการ และให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าวันที่ 14 จะจบอย่างไร แต่สิ่งที่เริ่มเตรียมการได้ตั้งแต่วันนี้คือการทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยปลอดภัยที่สุด จึงอยากฝาก รัฐบาลอีกครั้งว่าจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของหลุมหลบภัย และในเรื่องของงบประมาณ นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการในเรื่องนี้เชื่อว่าเงินงบประมาณในส่วนของงบกลางมีในการดำเนินการเอาความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า ภาพรวมทั้งหมดเริ่มเห็นการตั้งหลักของการใช้กลไกอย่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในการประชุมและพูดคุยกัน แต่สิ่งที่ต้องคุยกันต่อไป คือความขัดแย้งนี้มีโอกาสลุกลามบานปลายจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ที่ค่อนข้างละเอียดและวางมารการเป็นขั้นตอน วันนี้เท่าที่คุยก็พอเห็นภาพของรัฐบาลที่เตรียมไว้ และยังต้องติดตามกันต่อไปโดยเฉพาะวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ทางกรรมการเองก็จะติดตามอย่างใกล้ชิดและพูดคุยกับทางรัฐบาลต่อไป และพร้อมที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล

ส่วนมีโอกาสจะเลื่อนหรือยกเลิกการประชุม JBC หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทางกัมพูชาจะไม่เอาเรื่องที่มีความขัดแย้งอย่างทั้ง 3 ปราสาท และพื้นที่ช่องบกมาพูดคุย แต่ทางประเทศไทย คิดว่าอย่างไรก็ต้องคุยไม่เช่นนั้นจะหาทางออกไม่ได้ เราก็ต้องใช้กลไกทวิภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุดและจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย การไปสู่ศาลโลกสุดท้ายเราก็มีบทเรียนในเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ว่าไม่จบจริงและจะทำให้ความขัดแย้งขยายตัว จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องใช้กลไกทวิภาคีและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ หากทางกัมพูชาไม่ใช้กลไกทวิภาคีแบบนี้สุดท้ายกัมพูชาจะตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งความจริงไม่จำเป็นต้องพูดคุยเฉพาะแค่ 3 ประสาทในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายจุดเพื่อนำไปสู่การทำให้ไม่มีโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธหรือลดโอกาสขัดกันทางอาวุธออกไปให้ได้มากที่สุดซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องทำ


นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังค่อนข้างมาก วันนี้เราต้องชื่นชมพลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 ว่ามีส่วนสำคัญในการพูดคุยและทำให้บรรยากาศที่ร้อนแรงลดลงไป แต่ต้องยอมรับว่ายังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะในการลดความร้อนแรง และเงื่อนไขทางทหารไม่ใช่ทุกอย่าง สิ่งสำคัญวันนี้คือกัมพูชาต้องการยกระดับไปสู่ศาลโลก แล้วคิดว่าสามารถใช้กลไกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย้ำว่าประเทศไทยต้องทำงานแบบทวิภาคีต้องวางไพ่ในแต่ละใบให้ได้มากที่สุด ตนไม่สามารถพูดได้ทั้งหมดแต่คิดว่าวันนี้ต้องช่วยกันสนับสนุน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติหน้างานและฝ่ายนโยบายที่ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพและแก้ไขปัญหาวิกฤตนี้ให้ได้

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในวันที่ 26 มิถุนายน ทางกรรมาธิการจะมีการประชุมเรื่องนี้ต่อ ในส่วนของการเตรียมการเรื่องศาลโลก เราต้องเตรียมการ ต้องทำให้เกิดความรอบคอบมากที่สุดทางกรรมาธิการจะประชุมเรื่องนี้ต่อไป และอาจจะมีการหารือต่อไปว่าจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมในการพูดคุยและนำไปสู่การเจรจาอย่างทวิภาคีจริง ๆ และยังต้องติดตามเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย และแน่นอนว่าจะมีการเชิญกระทรวงต่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมายระหว่างประเทศมาร่วมประชุม.-315 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]