“รังสิมันต์” แนะตัดไฟฟ้าก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อให้ไทย

รัฐสภา 12 มิ.ย-“รังสิมันต์” เชื่อปมไทย-กัมพูชา คุยทวิภาคีสร้างบาดแผลน้อยที่สุด แนะตัดไฟฟ้าก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อให้ไทย พ่วงแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว บอก นายกฯ ต้องประกาศให้ชัด ความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุม กมธ.วันนี้ ที่จะมีการพูดคุยประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีผู้เข้าร่วมเข้าชี้แจง คือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ส่งผู้แทนมาชี้แจง โดยให้เหตุผลว่าติดเตรียมข้อมูลเข้าร่วมประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เป็นการประชุมลับ สืบเนื่องมาจากที่เราเคยลงพื้นที่ช่องจอม เราได้เห็นสภาพความเป็นจริง ว่าสถานการณ์ไทยกัมพูชาเป็นสถานการณ์ที่เราควรเตรียมพร้อม ทั้งในแง่ของยุทธศาสตร์ และทุกรูปแบบเอาไว้ ซึ่งการประชุมวันนี้ จะไม่มีการบันทึกการประชุม ไม่มีการถ่ายทอดสด ไม่ให้เลขานุการและที่ปรึกษาเข้าร่วม อยากให้ทุกฝ่ายได้คุยกับกมธ. อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา หวังว่าข้อมูลตรงนี้ จะเป็นประโยชน์ในการที่เราจะร่วมมือกัน ระหว่างผู้ปฏิบัติ รัฐบาล สภาฯ

“ในวิกฤตินี้เรามีความจำเป็นต้องรวมพลัง ในการที่จะแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าวิกฤตนี้ลุกลามบานปลาย และคิดว่าประชาชนตามแนวชายแดนเดือดร้อนก่อน ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จากการลงพื้นที่ที่จังหวัดสุรินทร์ ประชาชนเตรียมทำบังเกอร์ ดังนั้น สถานการณ์ตามแนวชายแดนตึงเครียดจริงๆ” นายรังสิมันต์กล่าว


นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนักวิชาการบางคนที่ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ได้ ซึ่งตอนนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรับปากว่าจะเข้ามาชี้แจง ดังนั้น จึงมองว่าวันนี้จะเป็นการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ทางสภาฯ กับทางฝ่ายบริหาร รวมถึงผู้ปฏิบัติ จะได้เห็นความร่วมไม้ร่วมมือกันในการแก้ปัญหานี้ พร้อมยืนยันว่าการทำสงครามการขัดกันด้วยอาวุธ ไม่จำเป็นต้องเป็นทางเลือก และยืนยันว่าทางออกที่จะพูดคุยกันแบบทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทย ยังเป็นทางออกที่เป็นไปได้ และเชื่อว่าเป็นทางออกที่จะสร้างบาดแผลให้กับทั้ง 2 ชาติน้อยที่สุด และการมองไปข้างหน้าที่ทำให้ 2 ประเทศ เห็นถึงความร่วมไม้ร่วมมือกัน โดยเฉพาะการค้าชายแดน ในเรื่องของเศรษฐกิจยังมีความเป็นไปได้ แต่ถ้าเราไปเลือกวิธีการอื่น ตนคิดว่าอนาคตที่จะมีความสัมพันธ์ร่วมมือเชิงบวกจะยิ่งยากเข้าไปเรื่อยๆ เพราะสุดท้ายมีผู้แพ้และผู้ชนะ มีผู้ที่ได้และเสีย สุดท้ายประชาชนตามแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ไม่มีใครได้อะไรเลย

ส่วนประเด็นที่จะสอบถามต่อหน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงมีประเด็นอะไรบ้างและเป็นประเด็นที่จะนำไปพูดคุยในโต๊ะเจรจา JBC ด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เกี่ยวพันกับเรื่องที่จะนำไปพูดคุย เราต้องเข้าใจว่าสุดท้ายกัมพูชาต้องการอะไร นี่คือคำถามที่ยังไม่มีใครได้คำตอบ เป็นคำถามสำคัญ ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น กัมพูชาต้องการอะไร ใช่ 3 ประสาท 1 ช่องบกจริงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราต้องพิจารณากันดีๆ ส่วนที่จะร้องไปศาลโลกจะเป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการจริงๆ ใช่หรือไม่ รวมถึงต้องเตรียมการเรื่องความมั่นคง เพราะมีภัยคุกคาม เช่น การจัดวางกองทัพมากน้อยแค่ไหน ส่วนนี้เราก็ต้องทราบ และยุทธศาสตร์ของเรา ที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งคืออะไร วันนี้ต้องคุยกันบนพื้นฐานของการมียุทธศาสตร์ และกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมทำอะไร รวมถึงแนวทางการเจรจาวันที่ 14 มิ.ย. นี้จะเป็นอย่างไร

“ภาพที่ออกมาวันนี้การประชุมวันที่ 14 มิ.ย. นี้ ดูเหมือนทางกัมพูชาจะไม่ค่อยอยากประชุมเท่าไหร่ เขาไม่รู้สึกถึงความสำคัญขนาดนั้น แสดงว่าเกิดจากแต้มต่อเราน้อยไปหรือไม่ ดังนั้น ถ้าเราอยากให้เครื่องไม้เครื่องมือในการเจรจาได้ผล เราต้องสร้างแต้มต่อในการเจรจาของประเทศไทยให้ได้มากที่สุด คือการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ถ้าเราไม่มีแต้มต่อตรงนี้สุดท้ายหากความขัดแย้งลุกลามบานปลายทุกฝ่ายมองไม่เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ มองไม่เห็นถึงความจำเป็นในการพูดคุย และใช้วิธีการขัดกันทางทหาร สุดท้ายประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่เคลื่อนไหวได้ยาก จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ตาม” นายรังสิมันต์กล่าว


เมื่อถามว่า ก่อนจะถึงวันที่ 14 มิ.ย. มีการปรับกำลังทหาร แล้วเราต้องใช้ไพ่ใดในการเจรจา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงทางทหารมีหลายส่วน ตนทราบดีว่าทางกัมพูชาได้เตรียมการเรื่องกำลังทหารมาโดยตลอดตั้งแต่มีประเด็นเรื่องเขาพระวิหาร ไม่ใช่แค่กำลังพล อาวุธ แต่รวมไปถึงการส่งกำลังบำรุงบริเวณชายแดนชาย ทางกัมพูชามั่นใจมากขึ้น แต่ในส่วนของไทยที่ถือความได้เปรียบมาตลอดคือเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน เราอาจจะได้ดุลการค้าเขา แต่เราต้องยอมรับว่ามีหลายภาคส่วนที่กัมพูชาเขามีความจำเป็น มีเศรษฐกิจที่อาจจะเทาหน่อย เช่น กาสิโน ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงแต่ธุรกิจนี้ได้ใช้ประโยชน์จากคนไทยที่ไปทำงาน ไฟฟ้า และอินเตอร์เน็ตจากไทย วันนี้มีข่าวออกมาว่าถ้าไทยตัดไฟฟ้าจะไม่ส่งผลกระทบกับกัมพูชา แต่ธุรกิจเหล่านี้ส่งผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่ตามแนวชายแดน นี่ถือเป็นไพ่ที่สำคัญที่จะใช้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ตัวที่ 1 คือแก้ปัญหาภายในประเทศ ปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ตัวที่ 2 เป็นการทำลายโครงสร้างแก๊งค์อาชญากรรมข้ามชาติ ตัวที่ 3 การสร้างแรงกดดัน และเพิ่มแต้มต่อให้กับการเจรจาของไทย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เราอย่าดูเบา เพราะล่าสุดมีการจับกุมชาวญี่ปุ่น 30 กว่าคน ดังนั้นเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เป็นแต้มต่อให้กับประเทศไทยไปพูดคุยในการแสวงหาพันธมิตร จากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ดังนั้นหากใครจะเอาเรื่องนี้เป็นจุดหลักการสร้างแต้มต่อ ในการเจรจาเราสร้างได้เยอะเลย อีกทั้ง ยังมีประเด็นเรื่องการรักษาพยาบาล การทำงานของแรงงานข้ามชาติที่วันนี้เราต้องการการบูรณาการ และเราต้องใช้กลไกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้เป็นประโยชน์ เบื้องต้นรัฐบาลต้องโฟกัสกับเรื่อง ความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชาก่อน

“ส่วนเรื่องภายในรัฐบาล ไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งพูด มันไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน วันนี้ต้องสร้างความเข้มแข็ง ความเป็นเอกภาพ” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องตัดไฟฟ้า ต้องทำการตัดก่อนประชุมJBC หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แล้วส่งผลกระทบต่อไทยวันนี้ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ยังมีอยู่ ตนยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเก็บเอาไว้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ถ้าเราตัดไปก่อนตนคิดว่าเป็นการเพิ่มแต้มต่อให้กับประเทศไทย แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบหลายด้าน แต่สุดท้ายประเทศไทยต้องตัดสินใจในเชิงนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้ ไม่เช่นนั้นปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ก็ไม่จบเสียที

เมื่อถามว่า การทำงานทางการทูตต้องทำแบบเชิงรุกมากกว่านี้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ใช่ วันนี้เราต้องคุยกันตรงไปตรงมา สายตาทั่วโลกมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็ก และมองว่าไทยไปรังแกเขาหรือไม่ เขาพยายามเอากรณีการเสียชีวิตของทหารกัมพูชาที่ถูกยิงบริเวณชายแดน เพื่อบอกว่าไทยรังแกเขา ซึ่งไทยต้องมียุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ ทำให้จะต้องทำให้ต่างประเทศเห็นว่าความเป็นจริงคืออะไร ไทยไม่ได้ต้องการเริ่มต้นเรื่องนี้ กัมพูชาต่างหากที่เป็นผู้เริ่มต้น และไทยต้องมองถึงโอกาสและความเป็นไปได้ทางการทูต วันนี้เราคุยกับจีนแต่ทางกัมพูชามั่นใจเพราะได้รับอาวุธจากจีน ดังนั้น ต้องคุยจุดประสงค์กับจีนว่าต้องการอะไร ไม่ได้อาจจะมีเจตนาร้าย แต่จีนไม่ใช่ทุกอย่างของสมการนี้ เราต้องสร้างความเป็นไปได้ ทางการทูตใหม่ๆ เช่น ต้องคุยกับเวียดนาม หรือฝรั่งเศส เพื่อและอีกหลายประเทศเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ ประเทศไทยต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ถ้ากัมพูชาได้อาวุธ แล้วประเทศไทยจะโดดเดี่ยวหรือไม่ ต่อให้เราโดดเดี่ยวเราก็ต้องทำงานเชิงรุก

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราคาดหวังกับนายกฯ อยากเห็นนายกฯ มีบทบาทนำ ตอนนี้มีคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของเราและรัฐบาลพนมเปญ แต่ตนคิดว่านายกฯ ต้องใช้โอกาสนี้ประกาศให้ชัดว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว จะไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศชาติ ดังนั้น ถ้านายกฯ ทำเรื่องนี้ดี จะได้รับความนิยมที่ดี ซึ่งต้องจัดลำดับความสำคัญให้ดี อย่างการไปลงพื้นที่ที่ช่องจอมจังหวัดสุรินทร์เป็นเรื่องดี แต่ไม่เห็นด้วยกับหัวข้อที่พูดคุยเรื่องการเปิด-ปิดด่านให้ตรงกัน เพราะมองว่าไม่ใช่เวลา มีประเด็นอื่นที่สำคัญอีกมาก และนายกฯ ควรหยิบยกมาพูดคุย และสั่งการไปหน่วยความมั่นคง ซึ่งวันนี้สิ่งที่เราต้องการที่สุดคือ การลดความตึงเครียดกันทั้ง 2 ฝั่ง และทุกฝ่ายต้องกลับมาพูดคุยกันแบบทวิภาคี ถ้ากัมพูชายังยืนยันที่จะไปศาลโลก ตนคิดว่าคุยกันลำบาก ดังนั้น การจัดลำดับของรัฐบาล มีความสำคัญมากต่อการไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน ถ้าวันนี้ไม่มียุทธศาสตร์ วันที่ 14 มิ.ย. น่าจะลำบาก

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าในกรณีของกัมพูชาอาจเกี่ยวโยงกับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ รวมถึงมติของแพทยสภาในวันนี้ (12 มิ.ย.) นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องคดีจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ประชาชนไปพิจารณาจากสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ แต่สุดท้ายโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล หากพูดเรื่องการเมืองภายในประเทศคือความเชื่อมั่น หากประชาชนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะมีการใช้อำนาจหน้าที่ที่ตรงไปตรงมาชอบด้วยกฎหมายการบริหารของรัฐบาลทุกเรื่องก็จะยาก

“เป็นโจทย์ของรัฐบาล ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว เรื่องภายในครอบครัว ไม่ใหญ่กว่าเรื่องของผลประโยชน์ของชาติ เรื่องระบบกฎหมายกระบวนการยุติธรรม สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ดังนั้นรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ให้ได้ อย่างไรในคดีเรื่องชั้น 14 ก็จะเป็นปมปัญหาต่อไปอย่างแน่นอน เพราะนายกฯ บอกเองตอนเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าให้ฟังแพทยสภา เมื่อแพทยสภาออกมาอย่างนี้ อยากเห็นท่าทีที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร น่าจะจบแล้วหรือไม่ และกระบวนการที่ทำอยู่ต่อไป อยากให้ระวังให้ดีว่าอาจจะยิ่งทำลายความศรัทธาที่ประชาชนจะมีต่อกระบวนการยุติธรรมและต่อรัฐบาลเอง” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีการจับตามติแพทยสภา คดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ว่า จะต้องมองดูโดยเห็นว่าอาจจะไม่จบในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) แต่แพทยสภาจะต้องดูให้ดี เห็นว่าสุดท้ายควรให้เป็นไปตามผลทางวิทยาศาสตร์ หากไม่ได้เป็นไปตามเรื่องของการช่วยเหลือกันก็จบ แต่ประเด็นคือในวันนี้ดูแล้วรัฐบาลจะต้องแบกรับภาระในการอธิบายกับประชาชนให้ดี.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

เด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่

กทม. 5 ก.ค. – สั่งเด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่ ขณะที่เช้านี้เจ้าหน้าที่คุมตัว 72 นักพนัน ไปฝากขังศาลแขวงดอนเมือง พบส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุภาอ้วน รอง ผบก.น.2 รรท.ผบก.น.2 ลงนามในคำสั่ง กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่ 183/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.68 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าทำการสืบสวนสถานที่ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าเป็นบ่อนการพนัน บริเวณอาคารพาณิชย์ กลางซอยพหลโยธิน 52 แยก 3 แขวงคลงถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร และได้จับกุมผู้ต้องหากับพวกในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันไฮโล เพื่อพนันเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต”และ “ร่วมกันเข้าเล่นหรือเล่นการพนันโฮโลเพื่อพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของสน.บางเขน เพื่อให้การบริหารงานในภาพรวมของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเรียบร้อย […]

ค้นบ้านพักสีกา คนสนิท “ทิดอาชว์” พบจีวรหลายผืน

กทม. 5 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” รับเมื่อวาน ปปป. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายศาลค้นบ้านพักสีกา ก.ไก่ คนสนิท “ทิดอาชว์” อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ พบภายในบ้านมีจีวรหลายผืน เวลา 10.00 น. พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. เปิดเผยถึงความคืบหน้า การสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลและหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับวัดตรีทศเทพ ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านดังของสีกาไฮโซ อักษรย่อ ก.ไก่ หญิงสาวคนสนิทของทิดอาชว์ เพื่อค้นหาพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำสีกาคนดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้านพัก พบพยานหลักฐานจำนวนหนึ่ง โดย 1 ในนั้นเป็นจีวรพระหลายพื้น แต่จะเป็นของพระรูปไหนอย่างไร ยังไม่ทราบ เพราะเจ้าตัวยังไม่เปิดเผย จากการสอบปากคำสีกา ก. ให้การเป็นประโยชน์เป็นที่น่าพอใจ สามารถขยายผลนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตในอนาคตได้ นอกจากนี้ สีกาไฮโซ ก. ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ได้ ซึ่งถือว่าเป็นให้ความร่วมมือในทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตาม หลังหมดเวลาตรวจค้น 18.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว […]

‘ทรัมป์’ ฉลองวันชาติสหรัฐด้วยการลงนามร่างกฎหมายสำคัญ

วอชิงตัน 5 ก.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เมลาเนีย ทรัมป์ ได้ร่วมฉลองวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐเมื่อวานนี้ ด้วยการแสดงพลุไฟตระการตาเหนือน่านฟ้ากรุงวอชิงตัน นายทรัมป์จัดพิธีฉลองวันชาติที่สนามหญ้าด้านทิศใต้ของทำเนียบขาวในวันหยุดเพื่อรำลึกวันประกาศอิสรภาพ 4 กรกฎาคม โดยมีการแสดงการบินของเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนและเครื่องบินขับไล่ คล้ายกับที่เครื่องบินที่ใช้ในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้สนับสนุนนายทรัมป์หลายร้อยคนเข้าร่วม รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สมาชิกสภาคองเกรส และครอบครัวทหาร ก่อนหน้านั้น นายทรัมป์ลงนามบังคับใช้ แพ็กเกจกฎหมายขนาดใหญ่ว่าด้วยการลดภาษีและการใช้จ่าย ในพิธีที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาว เพียงหนึ่งวันหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ได้อนุมัติร่างกฎหมายสำคัญนี้ไปอย่างฉิวเฉียด ซึ่งถือเป็นกฎหมายสำคัญประจำวาระที่สองของรัฐบาลทรัมป์ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะใช้เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการปราบปรามการเข้าเมืองของนายทรัมป์ ทำให้การลดภาษีในปี 2017 ของเขาเป็นไปแบบถาวร และคาดว่าจะทำให้ ชาวอเมริกันหลายล้านคนถูกตัดสิทธิ์จากการประกันสุขภาพ โดยร่างกฎหมายผ่านสภาฯ ด้วยคะแนนเสียง 218 ต่อ 214 หลังจากการอภิปรายที่เข้มข้นในสภา การผ่านร่างกฎหมายนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับทรัมป์และพันธมิตรพรรครีพับลิกัน ซึ่งโต้แย้งว่ากฎหมายจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็มองข้ามการวิเคราะห์ที่เป็นกลางซึ่งคาดการณ์ว่ากฎหมายจะเพิ่ม หนี้ของประเทศอีกกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ จากหนี้ปัจจุบันที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าสมาชิกสภาบางคนจากพรรคของนายทรัมป์จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนของร่างกฎหมายและผลกระทบต่อโครงการดูแลสุขภาพ แต่สุดท้ายแล้วมีเพียง ส.ส. รีพับลิกันเพียงสองคนจากทั้งหมด 220 […]