“รังสิมันต์” แนะตัดไฟฟ้าก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อให้ไทย

รัฐสภา 12 มิ.ย-“รังสิมันต์” เชื่อปมไทย-กัมพูชา คุยทวิภาคีสร้างบาดแผลน้อยที่สุด แนะตัดไฟฟ้าก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อให้ไทย พ่วงแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว บอก นายกฯ ต้องประกาศให้ชัด ความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุม กมธ.วันนี้ ที่จะมีการพูดคุยประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีผู้เข้าร่วมเข้าชี้แจง คือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ส่งผู้แทนมาชี้แจง โดยให้เหตุผลว่าติดเตรียมข้อมูลเข้าร่วมประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เป็นการประชุมลับ สืบเนื่องมาจากที่เราเคยลงพื้นที่ช่องจอม เราได้เห็นสภาพความเป็นจริง ว่าสถานการณ์ไทยกัมพูชาเป็นสถานการณ์ที่เราควรเตรียมพร้อม ทั้งในแง่ของยุทธศาสตร์ และทุกรูปแบบเอาไว้ ซึ่งการประชุมวันนี้ จะไม่มีการบันทึกการประชุม ไม่มีการถ่ายทอดสด ไม่ให้เลขานุการและที่ปรึกษาเข้าร่วม อยากให้ทุกฝ่ายได้คุยกับกมธ. อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา หวังว่าข้อมูลตรงนี้ จะเป็นประโยชน์ในการที่เราจะร่วมมือกัน ระหว่างผู้ปฏิบัติ รัฐบาล สภาฯ

“ในวิกฤตินี้เรามีความจำเป็นต้องรวมพลัง ในการที่จะแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าวิกฤตนี้ลุกลามบานปลาย และคิดว่าประชาชนตามแนวชายแดนเดือดร้อนก่อน ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จากการลงพื้นที่ที่จังหวัดสุรินทร์ ประชาชนเตรียมทำบังเกอร์ ดังนั้น สถานการณ์ตามแนวชายแดนตึงเครียดจริงๆ” นายรังสิมันต์กล่าว


นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนักวิชาการบางคนที่ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ได้ ซึ่งตอนนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรับปากว่าจะเข้ามาชี้แจง ดังนั้น จึงมองว่าวันนี้จะเป็นการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ทางสภาฯ กับทางฝ่ายบริหาร รวมถึงผู้ปฏิบัติ จะได้เห็นความร่วมไม้ร่วมมือกันในการแก้ปัญหานี้ พร้อมยืนยันว่าการทำสงครามการขัดกันด้วยอาวุธ ไม่จำเป็นต้องเป็นทางเลือก และยืนยันว่าทางออกที่จะพูดคุยกันแบบทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทย ยังเป็นทางออกที่เป็นไปได้ และเชื่อว่าเป็นทางออกที่จะสร้างบาดแผลให้กับทั้ง 2 ชาติน้อยที่สุด และการมองไปข้างหน้าที่ทำให้ 2 ประเทศ เห็นถึงความร่วมไม้ร่วมมือกัน โดยเฉพาะการค้าชายแดน ในเรื่องของเศรษฐกิจยังมีความเป็นไปได้ แต่ถ้าเราไปเลือกวิธีการอื่น ตนคิดว่าอนาคตที่จะมีความสัมพันธ์ร่วมมือเชิงบวกจะยิ่งยากเข้าไปเรื่อยๆ เพราะสุดท้ายมีผู้แพ้และผู้ชนะ มีผู้ที่ได้และเสีย สุดท้ายประชาชนตามแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ไม่มีใครได้อะไรเลย

ส่วนประเด็นที่จะสอบถามต่อหน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงมีประเด็นอะไรบ้างและเป็นประเด็นที่จะนำไปพูดคุยในโต๊ะเจรจา JBC ด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เกี่ยวพันกับเรื่องที่จะนำไปพูดคุย เราต้องเข้าใจว่าสุดท้ายกัมพูชาต้องการอะไร นี่คือคำถามที่ยังไม่มีใครได้คำตอบ เป็นคำถามสำคัญ ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น กัมพูชาต้องการอะไร ใช่ 3 ประสาท 1 ช่องบกจริงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราต้องพิจารณากันดีๆ ส่วนที่จะร้องไปศาลโลกจะเป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการจริงๆ ใช่หรือไม่ รวมถึงต้องเตรียมการเรื่องความมั่นคง เพราะมีภัยคุกคาม เช่น การจัดวางกองทัพมากน้อยแค่ไหน ส่วนนี้เราก็ต้องทราบ และยุทธศาสตร์ของเรา ที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งคืออะไร วันนี้ต้องคุยกันบนพื้นฐานของการมียุทธศาสตร์ และกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมทำอะไร รวมถึงแนวทางการเจรจาวันที่ 14 มิ.ย. นี้จะเป็นอย่างไร

“ภาพที่ออกมาวันนี้การประชุมวันที่ 14 มิ.ย. นี้ ดูเหมือนทางกัมพูชาจะไม่ค่อยอยากประชุมเท่าไหร่ เขาไม่รู้สึกถึงความสำคัญขนาดนั้น แสดงว่าเกิดจากแต้มต่อเราน้อยไปหรือไม่ ดังนั้น ถ้าเราอยากให้เครื่องไม้เครื่องมือในการเจรจาได้ผล เราต้องสร้างแต้มต่อในการเจรจาของประเทศไทยให้ได้มากที่สุด คือการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ถ้าเราไม่มีแต้มต่อตรงนี้สุดท้ายหากความขัดแย้งลุกลามบานปลายทุกฝ่ายมองไม่เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ มองไม่เห็นถึงความจำเป็นในการพูดคุย และใช้วิธีการขัดกันทางทหาร สุดท้ายประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่เคลื่อนไหวได้ยาก จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ตาม” นายรังสิมันต์กล่าว


เมื่อถามว่า ก่อนจะถึงวันที่ 14 มิ.ย. มีการปรับกำลังทหาร แล้วเราต้องใช้ไพ่ใดในการเจรจา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงทางทหารมีหลายส่วน ตนทราบดีว่าทางกัมพูชาได้เตรียมการเรื่องกำลังทหารมาโดยตลอดตั้งแต่มีประเด็นเรื่องเขาพระวิหาร ไม่ใช่แค่กำลังพล อาวุธ แต่รวมไปถึงการส่งกำลังบำรุงบริเวณชายแดนชาย ทางกัมพูชามั่นใจมากขึ้น แต่ในส่วนของไทยที่ถือความได้เปรียบมาตลอดคือเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน เราอาจจะได้ดุลการค้าเขา แต่เราต้องยอมรับว่ามีหลายภาคส่วนที่กัมพูชาเขามีความจำเป็น มีเศรษฐกิจที่อาจจะเทาหน่อย เช่น กาสิโน ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงแต่ธุรกิจนี้ได้ใช้ประโยชน์จากคนไทยที่ไปทำงาน ไฟฟ้า และอินเตอร์เน็ตจากไทย วันนี้มีข่าวออกมาว่าถ้าไทยตัดไฟฟ้าจะไม่ส่งผลกระทบกับกัมพูชา แต่ธุรกิจเหล่านี้ส่งผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่ตามแนวชายแดน นี่ถือเป็นไพ่ที่สำคัญที่จะใช้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ตัวที่ 1 คือแก้ปัญหาภายในประเทศ ปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ตัวที่ 2 เป็นการทำลายโครงสร้างแก๊งค์อาชญากรรมข้ามชาติ ตัวที่ 3 การสร้างแรงกดดัน และเพิ่มแต้มต่อให้กับการเจรจาของไทย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เราอย่าดูเบา เพราะล่าสุดมีการจับกุมชาวญี่ปุ่น 30 กว่าคน ดังนั้นเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เป็นแต้มต่อให้กับประเทศไทยไปพูดคุยในการแสวงหาพันธมิตร จากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ดังนั้นหากใครจะเอาเรื่องนี้เป็นจุดหลักการสร้างแต้มต่อ ในการเจรจาเราสร้างได้เยอะเลย อีกทั้ง ยังมีประเด็นเรื่องการรักษาพยาบาล การทำงานของแรงงานข้ามชาติที่วันนี้เราต้องการการบูรณาการ และเราต้องใช้กลไกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้เป็นประโยชน์ เบื้องต้นรัฐบาลต้องโฟกัสกับเรื่อง ความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชาก่อน

“ส่วนเรื่องภายในรัฐบาล ไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งพูด มันไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน วันนี้ต้องสร้างความเข้มแข็ง ความเป็นเอกภาพ” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องตัดไฟฟ้า ต้องทำการตัดก่อนประชุมJBC หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แล้วส่งผลกระทบต่อไทยวันนี้ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ยังมีอยู่ ตนยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเก็บเอาไว้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ถ้าเราตัดไปก่อนตนคิดว่าเป็นการเพิ่มแต้มต่อให้กับประเทศไทย แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบหลายด้าน แต่สุดท้ายประเทศไทยต้องตัดสินใจในเชิงนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้ ไม่เช่นนั้นปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ก็ไม่จบเสียที

เมื่อถามว่า การทำงานทางการทูตต้องทำแบบเชิงรุกมากกว่านี้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ใช่ วันนี้เราต้องคุยกันตรงไปตรงมา สายตาทั่วโลกมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็ก และมองว่าไทยไปรังแกเขาหรือไม่ เขาพยายามเอากรณีการเสียชีวิตของทหารกัมพูชาที่ถูกยิงบริเวณชายแดน เพื่อบอกว่าไทยรังแกเขา ซึ่งไทยต้องมียุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ ทำให้จะต้องทำให้ต่างประเทศเห็นว่าความเป็นจริงคืออะไร ไทยไม่ได้ต้องการเริ่มต้นเรื่องนี้ กัมพูชาต่างหากที่เป็นผู้เริ่มต้น และไทยต้องมองถึงโอกาสและความเป็นไปได้ทางการทูต วันนี้เราคุยกับจีนแต่ทางกัมพูชามั่นใจเพราะได้รับอาวุธจากจีน ดังนั้น ต้องคุยจุดประสงค์กับจีนว่าต้องการอะไร ไม่ได้อาจจะมีเจตนาร้าย แต่จีนไม่ใช่ทุกอย่างของสมการนี้ เราต้องสร้างความเป็นไปได้ ทางการทูตใหม่ๆ เช่น ต้องคุยกับเวียดนาม หรือฝรั่งเศส เพื่อและอีกหลายประเทศเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ ประเทศไทยต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ถ้ากัมพูชาได้อาวุธ แล้วประเทศไทยจะโดดเดี่ยวหรือไม่ ต่อให้เราโดดเดี่ยวเราก็ต้องทำงานเชิงรุก

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราคาดหวังกับนายกฯ อยากเห็นนายกฯ มีบทบาทนำ ตอนนี้มีคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของเราและรัฐบาลพนมเปญ แต่ตนคิดว่านายกฯ ต้องใช้โอกาสนี้ประกาศให้ชัดว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว จะไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศชาติ ดังนั้น ถ้านายกฯ ทำเรื่องนี้ดี จะได้รับความนิยมที่ดี ซึ่งต้องจัดลำดับความสำคัญให้ดี อย่างการไปลงพื้นที่ที่ช่องจอมจังหวัดสุรินทร์เป็นเรื่องดี แต่ไม่เห็นด้วยกับหัวข้อที่พูดคุยเรื่องการเปิด-ปิดด่านให้ตรงกัน เพราะมองว่าไม่ใช่เวลา มีประเด็นอื่นที่สำคัญอีกมาก และนายกฯ ควรหยิบยกมาพูดคุย และสั่งการไปหน่วยความมั่นคง ซึ่งวันนี้สิ่งที่เราต้องการที่สุดคือ การลดความตึงเครียดกันทั้ง 2 ฝั่ง และทุกฝ่ายต้องกลับมาพูดคุยกันแบบทวิภาคี ถ้ากัมพูชายังยืนยันที่จะไปศาลโลก ตนคิดว่าคุยกันลำบาก ดังนั้น การจัดลำดับของรัฐบาล มีความสำคัญมากต่อการไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน ถ้าวันนี้ไม่มียุทธศาสตร์ วันที่ 14 มิ.ย. น่าจะลำบาก

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าในกรณีของกัมพูชาอาจเกี่ยวโยงกับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ รวมถึงมติของแพทยสภาในวันนี้ (12 มิ.ย.) นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องคดีจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ประชาชนไปพิจารณาจากสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ แต่สุดท้ายโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล หากพูดเรื่องการเมืองภายในประเทศคือความเชื่อมั่น หากประชาชนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะมีการใช้อำนาจหน้าที่ที่ตรงไปตรงมาชอบด้วยกฎหมายการบริหารของรัฐบาลทุกเรื่องก็จะยาก

“เป็นโจทย์ของรัฐบาล ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว เรื่องภายในครอบครัว ไม่ใหญ่กว่าเรื่องของผลประโยชน์ของชาติ เรื่องระบบกฎหมายกระบวนการยุติธรรม สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ดังนั้นรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ให้ได้ อย่างไรในคดีเรื่องชั้น 14 ก็จะเป็นปมปัญหาต่อไปอย่างแน่นอน เพราะนายกฯ บอกเองตอนเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าให้ฟังแพทยสภา เมื่อแพทยสภาออกมาอย่างนี้ อยากเห็นท่าทีที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร น่าจะจบแล้วหรือไม่ และกระบวนการที่ทำอยู่ต่อไป อยากให้ระวังให้ดีว่าอาจจะยิ่งทำลายความศรัทธาที่ประชาชนจะมีต่อกระบวนการยุติธรรมและต่อรัฐบาลเอง” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีการจับตามติแพทยสภา คดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ว่า จะต้องมองดูโดยเห็นว่าอาจจะไม่จบในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) แต่แพทยสภาจะต้องดูให้ดี เห็นว่าสุดท้ายควรให้เป็นไปตามผลทางวิทยาศาสตร์ หากไม่ได้เป็นไปตามเรื่องของการช่วยเหลือกันก็จบ แต่ประเด็นคือในวันนี้ดูแล้วรัฐบาลจะต้องแบกรับภาระในการอธิบายกับประชาชนให้ดี.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]