“รังสิมันต์” แนะตัดไฟฟ้าก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อให้ไทย

รัฐสภา 12 มิ.ย-“รังสิมันต์” เชื่อปมไทย-กัมพูชา คุยทวิภาคีสร้างบาดแผลน้อยที่สุด แนะตัดไฟฟ้าก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อให้ไทย พ่วงแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว บอก นายกฯ ต้องประกาศให้ชัด ความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุม กมธ.วันนี้ ที่จะมีการพูดคุยประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีผู้เข้าร่วมเข้าชี้แจง คือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ส่งผู้แทนมาชี้แจง โดยให้เหตุผลว่าติดเตรียมข้อมูลเข้าร่วมประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เป็นการประชุมลับ สืบเนื่องมาจากที่เราเคยลงพื้นที่ช่องจอม เราได้เห็นสภาพความเป็นจริง ว่าสถานการณ์ไทยกัมพูชาเป็นสถานการณ์ที่เราควรเตรียมพร้อม ทั้งในแง่ของยุทธศาสตร์ และทุกรูปแบบเอาไว้ ซึ่งการประชุมวันนี้ จะไม่มีการบันทึกการประชุม ไม่มีการถ่ายทอดสด ไม่ให้เลขานุการและที่ปรึกษาเข้าร่วม อยากให้ทุกฝ่ายได้คุยกับกมธ. อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา หวังว่าข้อมูลตรงนี้ จะเป็นประโยชน์ในการที่เราจะร่วมมือกัน ระหว่างผู้ปฏิบัติ รัฐบาล สภาฯ

“ในวิกฤตินี้เรามีความจำเป็นต้องรวมพลัง ในการที่จะแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าวิกฤตนี้ลุกลามบานปลาย และคิดว่าประชาชนตามแนวชายแดนเดือดร้อนก่อน ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จากการลงพื้นที่ที่จังหวัดสุรินทร์ ประชาชนเตรียมทำบังเกอร์ ดังนั้น สถานการณ์ตามแนวชายแดนตึงเครียดจริงๆ” นายรังสิมันต์กล่าว


นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนักวิชาการบางคนที่ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ได้ ซึ่งตอนนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรับปากว่าจะเข้ามาชี้แจง ดังนั้น จึงมองว่าวันนี้จะเป็นการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ทางสภาฯ กับทางฝ่ายบริหาร รวมถึงผู้ปฏิบัติ จะได้เห็นความร่วมไม้ร่วมมือกันในการแก้ปัญหานี้ พร้อมยืนยันว่าการทำสงครามการขัดกันด้วยอาวุธ ไม่จำเป็นต้องเป็นทางเลือก และยืนยันว่าทางออกที่จะพูดคุยกันแบบทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทย ยังเป็นทางออกที่เป็นไปได้ และเชื่อว่าเป็นทางออกที่จะสร้างบาดแผลให้กับทั้ง 2 ชาติน้อยที่สุด และการมองไปข้างหน้าที่ทำให้ 2 ประเทศ เห็นถึงความร่วมไม้ร่วมมือกัน โดยเฉพาะการค้าชายแดน ในเรื่องของเศรษฐกิจยังมีความเป็นไปได้ แต่ถ้าเราไปเลือกวิธีการอื่น ตนคิดว่าอนาคตที่จะมีความสัมพันธ์ร่วมมือเชิงบวกจะยิ่งยากเข้าไปเรื่อยๆ เพราะสุดท้ายมีผู้แพ้และผู้ชนะ มีผู้ที่ได้และเสีย สุดท้ายประชาชนตามแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ไม่มีใครได้อะไรเลย

ส่วนประเด็นที่จะสอบถามต่อหน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงมีประเด็นอะไรบ้างและเป็นประเด็นที่จะนำไปพูดคุยในโต๊ะเจรจา JBC ด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เกี่ยวพันกับเรื่องที่จะนำไปพูดคุย เราต้องเข้าใจว่าสุดท้ายกัมพูชาต้องการอะไร นี่คือคำถามที่ยังไม่มีใครได้คำตอบ เป็นคำถามสำคัญ ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น กัมพูชาต้องการอะไร ใช่ 3 ประสาท 1 ช่องบกจริงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราต้องพิจารณากันดีๆ ส่วนที่จะร้องไปศาลโลกจะเป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการจริงๆ ใช่หรือไม่ รวมถึงต้องเตรียมการเรื่องความมั่นคง เพราะมีภัยคุกคาม เช่น การจัดวางกองทัพมากน้อยแค่ไหน ส่วนนี้เราก็ต้องทราบ และยุทธศาสตร์ของเรา ที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งคืออะไร วันนี้ต้องคุยกันบนพื้นฐานของการมียุทธศาสตร์ และกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมทำอะไร รวมถึงแนวทางการเจรจาวันที่ 14 มิ.ย. นี้จะเป็นอย่างไร

“ภาพที่ออกมาวันนี้การประชุมวันที่ 14 มิ.ย. นี้ ดูเหมือนทางกัมพูชาจะไม่ค่อยอยากประชุมเท่าไหร่ เขาไม่รู้สึกถึงความสำคัญขนาดนั้น แสดงว่าเกิดจากแต้มต่อเราน้อยไปหรือไม่ ดังนั้น ถ้าเราอยากให้เครื่องไม้เครื่องมือในการเจรจาได้ผล เราต้องสร้างแต้มต่อในการเจรจาของประเทศไทยให้ได้มากที่สุด คือการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ถ้าเราไม่มีแต้มต่อตรงนี้สุดท้ายหากความขัดแย้งลุกลามบานปลายทุกฝ่ายมองไม่เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ มองไม่เห็นถึงความจำเป็นในการพูดคุย และใช้วิธีการขัดกันทางทหาร สุดท้ายประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่เคลื่อนไหวได้ยาก จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ตาม” นายรังสิมันต์กล่าว


เมื่อถามว่า ก่อนจะถึงวันที่ 14 มิ.ย. มีการปรับกำลังทหาร แล้วเราต้องใช้ไพ่ใดในการเจรจา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงทางทหารมีหลายส่วน ตนทราบดีว่าทางกัมพูชาได้เตรียมการเรื่องกำลังทหารมาโดยตลอดตั้งแต่มีประเด็นเรื่องเขาพระวิหาร ไม่ใช่แค่กำลังพล อาวุธ แต่รวมไปถึงการส่งกำลังบำรุงบริเวณชายแดนชาย ทางกัมพูชามั่นใจมากขึ้น แต่ในส่วนของไทยที่ถือความได้เปรียบมาตลอดคือเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน เราอาจจะได้ดุลการค้าเขา แต่เราต้องยอมรับว่ามีหลายภาคส่วนที่กัมพูชาเขามีความจำเป็น มีเศรษฐกิจที่อาจจะเทาหน่อย เช่น กาสิโน ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงแต่ธุรกิจนี้ได้ใช้ประโยชน์จากคนไทยที่ไปทำงาน ไฟฟ้า และอินเตอร์เน็ตจากไทย วันนี้มีข่าวออกมาว่าถ้าไทยตัดไฟฟ้าจะไม่ส่งผลกระทบกับกัมพูชา แต่ธุรกิจเหล่านี้ส่งผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่ตามแนวชายแดน นี่ถือเป็นไพ่ที่สำคัญที่จะใช้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ตัวที่ 1 คือแก้ปัญหาภายในประเทศ ปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ตัวที่ 2 เป็นการทำลายโครงสร้างแก๊งค์อาชญากรรมข้ามชาติ ตัวที่ 3 การสร้างแรงกดดัน และเพิ่มแต้มต่อให้กับการเจรจาของไทย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เราอย่าดูเบา เพราะล่าสุดมีการจับกุมชาวญี่ปุ่น 30 กว่าคน ดังนั้นเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เป็นแต้มต่อให้กับประเทศไทยไปพูดคุยในการแสวงหาพันธมิตร จากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ดังนั้นหากใครจะเอาเรื่องนี้เป็นจุดหลักการสร้างแต้มต่อ ในการเจรจาเราสร้างได้เยอะเลย อีกทั้ง ยังมีประเด็นเรื่องการรักษาพยาบาล การทำงานของแรงงานข้ามชาติที่วันนี้เราต้องการการบูรณาการ และเราต้องใช้กลไกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้เป็นประโยชน์ เบื้องต้นรัฐบาลต้องโฟกัสกับเรื่อง ความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชาก่อน

“ส่วนเรื่องภายในรัฐบาล ไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งพูด มันไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน วันนี้ต้องสร้างความเข้มแข็ง ความเป็นเอกภาพ” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องตัดไฟฟ้า ต้องทำการตัดก่อนประชุมJBC หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แล้วส่งผลกระทบต่อไทยวันนี้ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ยังมีอยู่ ตนยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเก็บเอาไว้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ถ้าเราตัดไปก่อนตนคิดว่าเป็นการเพิ่มแต้มต่อให้กับประเทศไทย แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบหลายด้าน แต่สุดท้ายประเทศไทยต้องตัดสินใจในเชิงนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้ ไม่เช่นนั้นปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ก็ไม่จบเสียที

เมื่อถามว่า การทำงานทางการทูตต้องทำแบบเชิงรุกมากกว่านี้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ใช่ วันนี้เราต้องคุยกันตรงไปตรงมา สายตาทั่วโลกมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็ก และมองว่าไทยไปรังแกเขาหรือไม่ เขาพยายามเอากรณีการเสียชีวิตของทหารกัมพูชาที่ถูกยิงบริเวณชายแดน เพื่อบอกว่าไทยรังแกเขา ซึ่งไทยต้องมียุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ ทำให้จะต้องทำให้ต่างประเทศเห็นว่าความเป็นจริงคืออะไร ไทยไม่ได้ต้องการเริ่มต้นเรื่องนี้ กัมพูชาต่างหากที่เป็นผู้เริ่มต้น และไทยต้องมองถึงโอกาสและความเป็นไปได้ทางการทูต วันนี้เราคุยกับจีนแต่ทางกัมพูชามั่นใจเพราะได้รับอาวุธจากจีน ดังนั้น ต้องคุยจุดประสงค์กับจีนว่าต้องการอะไร ไม่ได้อาจจะมีเจตนาร้าย แต่จีนไม่ใช่ทุกอย่างของสมการนี้ เราต้องสร้างความเป็นไปได้ ทางการทูตใหม่ๆ เช่น ต้องคุยกับเวียดนาม หรือฝรั่งเศส เพื่อและอีกหลายประเทศเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ ประเทศไทยต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ถ้ากัมพูชาได้อาวุธ แล้วประเทศไทยจะโดดเดี่ยวหรือไม่ ต่อให้เราโดดเดี่ยวเราก็ต้องทำงานเชิงรุก

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราคาดหวังกับนายกฯ อยากเห็นนายกฯ มีบทบาทนำ ตอนนี้มีคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของเราและรัฐบาลพนมเปญ แต่ตนคิดว่านายกฯ ต้องใช้โอกาสนี้ประกาศให้ชัดว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว จะไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศชาติ ดังนั้น ถ้านายกฯ ทำเรื่องนี้ดี จะได้รับความนิยมที่ดี ซึ่งต้องจัดลำดับความสำคัญให้ดี อย่างการไปลงพื้นที่ที่ช่องจอมจังหวัดสุรินทร์เป็นเรื่องดี แต่ไม่เห็นด้วยกับหัวข้อที่พูดคุยเรื่องการเปิด-ปิดด่านให้ตรงกัน เพราะมองว่าไม่ใช่เวลา มีประเด็นอื่นที่สำคัญอีกมาก และนายกฯ ควรหยิบยกมาพูดคุย และสั่งการไปหน่วยความมั่นคง ซึ่งวันนี้สิ่งที่เราต้องการที่สุดคือ การลดความตึงเครียดกันทั้ง 2 ฝั่ง และทุกฝ่ายต้องกลับมาพูดคุยกันแบบทวิภาคี ถ้ากัมพูชายังยืนยันที่จะไปศาลโลก ตนคิดว่าคุยกันลำบาก ดังนั้น การจัดลำดับของรัฐบาล มีความสำคัญมากต่อการไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน ถ้าวันนี้ไม่มียุทธศาสตร์ วันที่ 14 มิ.ย. น่าจะลำบาก

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าในกรณีของกัมพูชาอาจเกี่ยวโยงกับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ รวมถึงมติของแพทยสภาในวันนี้ (12 มิ.ย.) นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องคดีจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ประชาชนไปพิจารณาจากสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ แต่สุดท้ายโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล หากพูดเรื่องการเมืองภายในประเทศคือความเชื่อมั่น หากประชาชนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะมีการใช้อำนาจหน้าที่ที่ตรงไปตรงมาชอบด้วยกฎหมายการบริหารของรัฐบาลทุกเรื่องก็จะยาก

“เป็นโจทย์ของรัฐบาล ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว เรื่องภายในครอบครัว ไม่ใหญ่กว่าเรื่องของผลประโยชน์ของชาติ เรื่องระบบกฎหมายกระบวนการยุติธรรม สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ดังนั้นรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ให้ได้ อย่างไรในคดีเรื่องชั้น 14 ก็จะเป็นปมปัญหาต่อไปอย่างแน่นอน เพราะนายกฯ บอกเองตอนเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าให้ฟังแพทยสภา เมื่อแพทยสภาออกมาอย่างนี้ อยากเห็นท่าทีที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร น่าจะจบแล้วหรือไม่ และกระบวนการที่ทำอยู่ต่อไป อยากให้ระวังให้ดีว่าอาจจะยิ่งทำลายความศรัทธาที่ประชาชนจะมีต่อกระบวนการยุติธรรมและต่อรัฐบาลเอง” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีการจับตามติแพทยสภา คดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ว่า จะต้องมองดูโดยเห็นว่าอาจจะไม่จบในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) แต่แพทยสภาจะต้องดูให้ดี เห็นว่าสุดท้ายควรให้เป็นไปตามผลทางวิทยาศาสตร์ หากไม่ได้เป็นไปตามเรื่องของการช่วยเหลือกันก็จบ แต่ประเด็นคือในวันนี้ดูแล้วรัฐบาลจะต้องแบกรับภาระในการอธิบายกับประชาชนให้ดี.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]