ทำเนียบ 11 มิ.ย.-ก.เกษตรฯ ห่วงใยพี่น้องเกษตรกร แนะเฝ้าระวังการรุกรานแมลงศัตรูพืช “แมลงศัตรูข้าว และ หนอนกอข้าว” ช่วงฤดูปลูกข้าว
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห่วงใยพี่น้องเกษตรกรและผู้ปลูกข้าว ประกาศแจ้งเตือนช่วงฤดูกาลปลูกข้าวให้เฝ้าระวัง แมลงศัตรูข้าว และหนอนกอข้าว เนื่องด้วยการปลูกข้าวของประเทศไทย จะเข้าสู่ช่วงระยะแตกกอ โดยมีพื้นที่ปลูกข้าว ถึง 8,028,956 ไร่ มักจะพบการเข้าทำลายของหนอนกอข้าว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายที่รุนแรงได้ ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาข้าวแตกกอถือเป็นช่วงที่สำคัญ ขอให้เกษตรกรหมั่นตรวจแปลงนาของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
โดยประเทศไทยมักพบการรุกรานพื้นที่ปลูกข้าวจากหนอนกอข้าว 4 ชนิด ได้แก่ หนอนกอสีครีม หนอนกอแถบลาย หนอนกอสีชมพู และหนอนกอแถบลายสีม่วง ซึ่งทั้ง 4 ชนิด เมื่อตัวโตเต็มวัยจะเป็นผีเสื้อกลางคืน โดยหนอนกอสีครีมเพศเมียจะวางไข่เป็นกลุ่มตามปลายใบข้าว ส่วนหนอนกอแถบลายเพศเมียจะวางไข่บริเวณโคนใบข้าว ส่วนใหญ่อยู่ใต้ใบข้าว สำหรับหนอนกอสีชมพูเพศเมียวางไข่เรียงเป็นแถวระหว่างกาบใบ และลำต้น ในส่วนของหนอนกอแถบลายสีม่วงเพศผู้ มองดูคล้ายมีรูปตัว Y อยู่ตรงกลางปีก ซึ่งต้นข้าวที่ถูกหนอนกอเข้าทำลาย ตัวหนอนจะเจาะเข้าทำลายกาบใบ ทำให้กาบในมีสีเหลือง หรือสีน้ำตาล จะเห็นเป็นอาการช้ำๆ โดยพบการทำลายหลังจากหว่านข้าวแล้วประมาณ 1 เดือนเป็นต้นไป เมื่อฉีกกาบใบดูจะพบตัวหนอน และเมื่อหนอนโตขึ้นจะเข้ากัดกินส่วนของลำต้น ทำให้เกิดอาการใบเหี่ยวในระยะแรก ใบและยอดที่ถูกทำลายจะเหลืองในระยะต่อมา ซึ่งการทำลายในระยะข้าวแตกกอนี้ ทำให้เกิดอาการยอดเหี่ยว (deadheart) ถ้าหนอนเข้าทำลายในระยะข้าวตั้งท้อง หรือหลังจากข้าวออกรวงจะทำให้เมล็ดข้าวลีบทั้งรวง รวงข้าวมีสีขาว เรียกอาการนี้ว่า ข้าวหัวหงอก (whitehead)
“ในช่วงฤดูกาลปลูกข้าว ขอให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เตรียมพื้นที่แปลงปลูกข้าว ด้วยวิธีการไถดินหลังเก็บเกี่ยว เพื่อทำลายหนอนและดักแด้ของหนอนกอข้าวที่อยู่ตามตอซัง และปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อจัดวงจรชีวิตของหนอนกอข้าว พร้อมทั้งใช้วิธีการดักล่อผีเสื้อหนอนกอข้าว (ตัวเต็มวัย) ด้วยวิธีการใช้แสงไฟเพื่อมาทำลาย ทั้งนี้ ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป เนื่องด้วยจากใบข้าวที่สวยจะดึงดูดให้หนอนกอชอบวางไข่ อย่างไรก็ตามหากพบว่าใบข้าวมีอาการยอดเหี่ยวมากกว่า 15% ในระยะหลังหว่านข้าวถึงแตกกอ ให้พ่นสารไซแอนทรานิลิโพรล 10% OD หรือคลอแรนทรานิลิโพรล 20% ร่วมกับไทอะมีทอกแซม 20% WG ตามอัตราที่แนะนำตามฉลาก” นายอนุกูล กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย