ทำเนียบ 10 มิ.ย.- นายกฯ ระบุปัญหาธุรกิจต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมายส่งผลกระทบโดยตรงกับคนไทย ลั่นไม่ใช่แค่ “จับผิด” หรือ “ปราบ” อย่างเดียว แต่คือการสร้างกติกาที่เป็นธรรมให้ทุกคน พร้อมเร่งดำเนินการ 5 ประเด็นสำคัญ
นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย ว่า ต้องเรียนตามตรงค่ะว่าปัญหาธุรกิจต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมายไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่สะสมมายาวนาน และส่งผลกระทบโดยตรงกับคนไทย ทั้งในฐานะผู้บริโภค ผู้ประกอบการที่ทำถูกต้อง
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ “จับผิด” หรือ “ปราบ” อย่างเดียว แต่คือการสร้างกติกาที่เป็นธรรมให้กับทุกคน
วันนี้ดิฉันได้เรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในการจัดการธุรกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะกรณี ‘การสวมสิทธิ์สินค้าไทย’ และ ‘การลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย’ ที่ต้องเร่งจัดการอย่างจริงจัง
โดยมี 5 ประเด็นที่เรากำลังเร่งดำเนินการ มีดังนี้ 1. จัดการ บริษัทนอมินี ที่ใช้คนไทยบังหน้า แต่ต่างชาติเป็นผู้ควบคุมจริง 2. ตรวจเข้ม มาตรฐานสินค้า เพราะประชาชนไม่ควรต้องเสี่ยงกับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ 3. แก้ปัญหา การสวมสิทธิ์สินค้าไทย เพราะแบรนด์ไทยต้องไม่ถูกฉวยโอกาส 4. ตรวจสอบ โรงงานต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมายในนิคมอุตสาหกรรม 5. ปราบปรามการ ถ่ายลำสินค้า ช่องโหว่สำคัญของการลักลอบนำเข้าหนีภาษี
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ผลการดำเนินงานล่าสุด การแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงมหาดไทย
- เก็บภาษี VAT จากสินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ได้แล้ว 1.87 ล้านบาท (ก.ค. 67 – พ.ค. 68)
- ดำเนินคดีสินค้าไม่ได้มาตรฐานไปแล้วกว่า 57,739 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,287 ล้านบาท (ข้อมูล ก.ย. 67-พ.ค. 68)
- ตรวจสอบสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ในมาตรการ Notice & Takedown กว่า 38,473 รายการ แจ้งเตือน 15,256 รายการ/เว็บไซต์ โดยได้ดำเนินการถอดสินค้าที่ผิดกฎหมายออกไปแล้วกว่า 14,967 รายการ/เว็บไซต์
นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าในการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ในการ ปิดช่องโหว่ทางการค้า อย่างเป็นระบบ
“ดิฉันขอย้ำว่า เราไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เพราะอยากปราบใครเป็นรายๆ แต่เพราะเราเชื่อว่า ประเทศไทยควรมีระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส แข่งขันได้ และให้ความเป็นธรรมกับคนไทยทุกคน ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกัน และดิฉันจะติดตามความคืบหน้านี้อย่างใกล้ชิดต่อไป” .-316 -สำนักข่าวไทย