เปิดไทม์ไลน์ชายแดนไทย-กัมพูชา ลดเผชิญหน้า-ปะทะ

ทำเนียบ 10 มิ.ย.- “ณัฐพล” รมช.กห. เปิดไทม์ไลน์สกัดกั้นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ลดเผชิญหน้า-ปะทะ กัมพูชาขอทำเงียบๆ รับปิดด่านเป็นเวลาจำกัดคนเข้า แจงมีกฎอัยการศึกตามแนวชายแดนอยู่แล้ว แต่เน้นใช้มติ สมช. และเจบีซี


พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากทหารทั้ง 2 ฝ่าย ปรับเปลี่ยนกองกำลัง ว่า ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน 2568 นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้วันที่ 5 มิถุนายน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางไปพบกับรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่อรัญประเทศ ยืนยันว่าไม่ได้ข้ามไปที่กัมพูชา ข้อเสนอของรองนายกฯ ภูมิธรรม ชี้ให้ฝ่ายกัมพูชาเห็นว่า ประเด็นสำคัญมี 2 ข้อ คือ 1. กองกำลังเผชิญหน้ากันที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งรัฐบาลห่วงใยว่า ทหารที่มีอาวุธ หากเผชิญหน้ากันมีความเสี่ยงเกิดการปะทะตลอดเวลา 2. กัมพูชาจะยกเลิกอธิปไตยไปขึ้นศาลโลก ก็ให้ว่าไปตามขั้นตอน แต่ความจริงเราอยากให้เข้าสู่กระบวนการเจบีซี ไทยขอให้รองนายกรัฐมนตรีและกลาโหมทั้งสองฝ่าย ปรับกำลังเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า

สำหรับเหตุการณ์วันที่ 6 มิถุนายน นายกฯ มีบัญชาให้นายภูมิธรรม จัดการประชุม สมช. เพื่อให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพิจารณาร่วมกันว่า แนวทางปฏิบัติขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร และนายกรัฐมนตรีได้ร่วมประชุมด้วย ทางกองทัพและ สมช. เสนอให้มีการปิดด่านบางจุด ทำให้สื่อมวลชนและประชาชนที่ทราบข่าวล่วงหน้าพูดถึงประเด็นปิดจุดผ่านแดน แต่ความเป็นจริงในที่ประชุม สมช. เห็นว่าการเพิ่มมาตรการควบคุมมีความสำคัญ จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการ เพราะทหารกัมพูชาเคลื่อนย้ายกำลังมาบริเวณชายแดน มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ ทำให้ประชาชนตามแนวชายแดนเดือดร้อน รัฐบาลมีความห่วงใยเรื่องผลกระทบและความปลอดภัยของประชาชน และรัฐบาลห่วงใยว่าประชาชนที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต หรือปฏิบัติภารกิจในประเทศไทย จึงยังไม่ใช้มาตรการปิดผ่านแดน และที่ประชุมได้แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน


ขั้นตอนที่หนึ่ง การจำกัดการเข้าออกของบุคคล ได้แก่ ค้าขายตามแนวชายแดน แรงงาน การศึกษา การพยาบาล และด้านมนุษยธรรม ส่วนกลุ่มอื่นที่ไม่จำเป็น เช่น นักท่องเที่ยว นักพนัน รัฐบาลมองว่าไม่จำเป็น หากให้เข้าออกร้อยเปอร์เซ็นต์จะทำให้การดูแลความสงบชายแดนยากขึ้น จึงต้องจำกัดคนเข้า

ส่วนการยกระดับขั้นที่สอง คือ การจำกัดเวลาบริเวณด่านปอยเปต จากเปิด 06.00-22.00 น. ปัจจุบันลดเหลือ 08.00-16.00 น. ซึ่ง สมช. เห็นว่ามีความเหมาะสม

ขั้นตอนที่สาม หากจำเป็นต้องยกระดับจะมีการปิดจุดผ่านแดนบางจุด


ขั้นตอนที่สี่ ปิดตลอดแนวตั้งแต่ จังหวัดอุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ประชุมให้ความเห็นชอบทั้ง 4 ขั้นตอน ก่อนดำเนินการให้หารือเพื่อดูแนวทางกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และในช่วงเย็นวันที่ 6 มิถุนายน กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ประกาศว่า กัมพูชาจะไม่ถอนกำลังตามที่กระทรวงกลาโหมไทยได้เสนอ สมช. มองว่าไม่มีความคืบหน้า นายกฯ จึงสั่งการให้ดำเนินการยกระดับตามที่ สมช. เห็นชอบ กองทัพขอให้ยกระดับไปขั้นหนึ่งและสองในเวลาเดียวกัน จึงเกิดการจำกัดบุคคลเข้าออกตามชายแดน

นอกจากนี้ มีสื่อมวลชนบางสำนักเสนอข่าวว่า จังหวัดจันทบุรี มีการใช้กฎอัยการศึก แต่ความจริงอำเภอชายแดนรอบประเทศ ประกาศใช้กฎอัยการศึกทุกอำเภอ ด้วยอำนาจของกองทัพและทหารในพื้นที่สามารถใช้ได้ แต่ สมช. เห็นว่าปัจจุบันไม่สมควรใช้ จึงใช้มติของ สมช. เท่านั้น

ส่วนวันที่ 7 มิถุนายน ได้ดำเนินการมาตรการควบคุมขั้นที่หนึ่งและสอง ยังไม่มีการปิดจุดผ่านแดน ที่ปิดคือช่องทางธรรมชาติ และวันที่ 8 มิถุนายน รัฐบาลได้รับการติดต่อจากกัมพูชา ผ่าน ผบ.ทบ.ของไทย ตอบรับปรับกำลังในพื้นที่ปะทะ และอยากให้ดำเนินการอย่างเงียบๆ

อีกทั้งกัมพูชาเสนอว่า อยากให้รัฐบาลทั้งสองฝ่ายเชิญประชาชน สื่อมวลชน นักวิชาการ และนักการทหาร ลดข้อเสนอข้อมูลข่าวสารที่จะทำให้ประชาชนทั้งสองชาติเกลียดชังกัน และเวลา 10.00 น. ผบ.หน่วย ประสานไปยังกองกำลังสุรนารี ขอให้เข้ามาตรวจพื้นที่ เพื่อพิจารณาเรื่องการปรับกำลัง และขอให้กลบคูเลต ทางกัมพูชาก็ให้การตอบรับ คุยอย่างฉันมิตร-สันติ แม้สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง จุดเผชิญหน้ามีการปรับกำลังออกไป ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่กำลังส่วนอื่นยังอยู่ที่เดิม

พล.อ.ณัฐพล กล่าวถึงมาตรการที่ทำอยู่ว่า หากจะมีการยกระดับ ต้องดูท่าทีของกัมพูชา ซึ่งไทยเน้นแนวทางสันติในการใช้กลไกเจบีซี และต้องดูว่าท่าทีกลไกพัฒนาดีขึ้นหรือไม่ ก็จะมาพิจารณาในมาตรการควบคุมตามแนวชายแดนอีกครั้ง รัฐบาลมองในแง่ผลกระทบเรื่องความปลอดภัยของประชาชน นี่ไม่ใช่มาตรการกดดัน หากมีการเผชิญหน้า แต่ยังมีกำลังละลอกสองที่ต่างฝ่ายยังวางกำลัง นี่คือสิ่งที่ละเอียดอ่อน จึงขอคงมาตรการนี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]