ทำเนียบ 10 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำผลเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา เรียบร้อยดี เผยคุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี งัดเทคนิค จริงใจเจรจา จนกัมพูชาปรับทัพ บอกรับทราบ “สนธิ” ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลรักษาอธิปไตย ลั่นแก้ทีละปม ไม่เหมารวม MOU 44 พร้อมขอบคุณ จนท.ทุกหน่วย ขอ ปชช.มั่นใจไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายผลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่มีความขัดแย้งกัน และปฏิบัติงานร่วมกันหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี
โดยในระดับนโยบาย รัฐบาลได้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพในพื้นที่ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้พูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำว่าทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน ทั้งไทยและกัมพูชา และตนเองก็ได้พูดคุยกับพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานองคมนตรี ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็มีการประสานงานและเจรจากันเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน ซึ่งผลลัพธ์คือเราสามารถเจรจากันด้วยสันติวิธี ทำให้ไม่ต้องมีการปะทะที่รุนแรงเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ในระดับพื้นที่ หน่วยงานความมั่นคง และกองทัพ ได้ประสานกับผู้นำเหล่าทัพของกัมพูชาหลายครั้ง เพื่อพูดคุยเจรจาบริเวณชายแดน ซึ่งแต่ละหน่วยก็มีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการพูดคุยก็เป็นไปด้วยดี และสมเด็จฯฮุน เซน ก็ได้ประสานงานส่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ และพลเอกญึก บุญชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ไข และมาดูบริเวณที่มีการพิพาทกัน โดยได้มาดูเองและรายงานสมเด็จฯฮุน เซน ซึ่งก็เข้าใจตรงกันมากขึ้น อีกทั้งได้มีการปรับกำลังพลในพื้นที่พิพาท ให้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ในบริเวณที่มีการพิพาท ส่วนพื้นที่อื่น ยังมีกำลังพลตามเดิม
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำ เรื่องการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือ JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ได้มีการยืนยันทุกระดับมายังกระทรวงการต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศ โดยยืนยันว่าจะมีการประชุมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนที่กัมพูชามีความประสงค์จะส่งเรื่องไปยัง เขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก รัฐบาลไทยยืนยันไม่รับเขตอำนาจศาลโลก โดยที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการผ่านวิธีทางการทูต ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ดี เป็นที่ยอมรับในเวทีสากล ผลลัพธ์ที่ออกมาดีมาโดยตลอด และเรื่องนี้ในบางครั้งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณชนได้ เพราะเป็นการเคารพการพูดคุยเรื่องข้อมูลของทั้ง 2 ประเทศ นี่คือสิ่งจำเป็นที่อาจจะไม่สามารถรายงานได้ตลอด
ขณะที่เรื่องมาตรการระหว่างชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการกำชับให้เปิด-ปิดด่านตามกรอบระยะเวลา ไม่ได้มีการปิดถาวรตามที่มีข่าวออกมา เพราะทราบดีว่ามีการค้าขายระหว่างประเทศ หากปิดก็จะมีผลกระทบกับประชาชน ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการรัดกุมเรื่องเวลาเปิด-ปิด
นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการเจรจาครั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าหน่วยทุกคน ซึ่งรายงานตรงมาที่ตนตลอดเวลา และบางอย่างยังไม่ให้นายกฯออกมาเปิดเผยเพราะจะเกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดีได้ มีหลายเรื่องที่ข้อมูลเล็ดลอดออกไป ซึ่งได้พูดคุยกับทางกัมพูชา ก็ตกลงกันได้ เข้าใจซึ่งกันและกัน และขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน ในการสื่อข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่สร้างความแตกแยกกันเองภายในประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและความมั่นใจแก่ประชาชน ว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยสันติวิธี และผู้ประกอบการตรงนั้นก็จะได้มีความมั่นใจ และรัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งว่าการเจรจาทั้งหมดนี้ ผ่านไปด้วยดี เน้นย้ำว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับประชาชนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรี บอกได้หรือไม่ว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ค่ะ
เมื่อถามว่า จะมั่นใจกับท่าทีกัมพูชาได้อย่างไรเพราะล่าสุดได้มีแถลงการณ์ ที่จะมีการปรับกำลัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเราสื่อสารเรื่องนี้กันหลายส่วน เช่น ไม่อยากใช้คำว่าถอยทั้งสองฝ่าย แต่เป็นการปรับกำลัง โดยจากการคุยเป็นการปรับกำลังทั้งคู่ เป็นการให้เกียรติทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เฉพาะกัมพูชาของเราก็ปรับกำลังเช่นกัน ขณะเดียวกันเราก็พร้อมรับมือเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปะทะแบบไหนเราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน อย่างที่เคยบอกว่ามีเหตุการณ์ก็ต้องเตรียมความพร้อม
เมื่อถามว่า มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลรักษาอธิปไตย ได้เห็นหนังสือแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รับทราบแล้วแต่ยังไม่ได้เห็นหนังสือ รัฐบาลรับฟังทุกความคิดเห็น ขณะเดียวกันทางกองทัพ ได้วางกำลังดูแลอยู่แล้ว เรารับฟังทุกข้อเสนอ
ส่วนในข้อเรียกร้องของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ต้องการให้รัฐบาลยกเลิก MOU 44 ด้วยจะมีการนำมาพิจารณาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นเป็น MOU 43 โดยนายกรัฐมนตรี ได้ถามกลับว่าจะเอามาเหมารวมกันหมดเลยใช่หรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า MOU 44 ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาจะถือโอกาสนำมาพิจารณายกเลิกเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราขอพิจารณาเป็นเรื่องๆไป เหมือนที่ยืนยันกับทางกัมพูชา ขอโฟกัสที่เรื่องข้อพิพาทตรงนี้ ไม่ใช่เอาทุกเรื่องมาปนกันหมด ไม่อย่างนั้นจะไม่ชัดเจนในแต่ละหัวข้อ แต่แน่นอน เรื่องที่ยังมีปัญหาหรือยังไม่จบ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายบริหารต้องพิจารณาดูแลในรายละเอียดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลจะแก้ทีละปม ทีละจุดใช่หรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ใช่ค่ะ แก้ทีละปม ทีละจุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มีไม้เด็ดอะไรในการคุยต่อรอง กับพลเอกฮุน มาเนตและ สมเด็จฮุนเซน ถึงได้ยอมปรับกำลัง นายกรัฐมนตรี “ยิ้ม” พร้อมกับกล่าวว่า คุยตามความจริงใจ ว่าเรามีความจริงใจแบบนี้ และไม่ต้องการเห็นคนทั้งสองประเทศมีปัญหากัน ต้องการความสงบ และไปเร่งเครื่องเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า เพราะไม่อยากให้เป็นสนามรบ .-316 -สำนักข่าวไทย