“แสวง” มั่นใจไม่มีใครบีบ กกต. ชี้เหลือ 30 วัน สอบคดีฮั้ว สว.

สำนักงาน กกต. 9 มิ.ย.- “แสวง” เผย กกต. เหลือ 30 วัน สอบคดีฮั้ว สว. แต่ต่อเวลาได้ ไม่มีกฎหมายบังคับ ปัดโต้ข้อหามีส่วนได้เสียผ่านสื่อ ขอแจงกับหน่วยงานตรง ยันพร้อมถูกตรวจสอบ บอกไม่รู้ปม “อิทธิพร” ชิงลาออกก่อนครบวาระ มั่นใจ “นายพล ส.-นาย ส.” ไม่มีใครบีบ กกต.ได้


นายแสวง บุญมี ลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการดำเนินคดีฮั้วเลือกสว. ที่ถูกวิจารณ์ว่าล่าช้าว่า กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบในเรื่องความโปร่งใสและเที่ยงธรรม เราได้ดำเนินการตามอำนาจหน้า ซึ่งเป็นการดำเนินการตามระเบียบสืบสวนสอบสวนมาตลอดตั้งแต่มีการประกาศผล เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 67 โดยได้ทำงานร่วมกับดีเอสไอ ปปง. และตำรวจ และผ่านมาครึ่งปีก็มาทำเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง และวิธีการที่ดำเนินการในช่วงแรกเป็นการดำเนินคดี แยกเป็นราย ไม่มีเรื่องความสัมพันธ์เชื่อมโยง เมื่อปรับรูปแบบมาทำงานกับดีเอสไอ ที่มีกรรมการพิเศษ เราจะเห็นการทำงานเป็นภาพรวม ขณะนี้ยังอยู่ในการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนชุดที่ 26 ตั้งแต่ทำงานร่วมกันมาน่าจะประมาณ 90 วัน ขณะนี้ทำงานทุกวัน ซึ่งถือเป็นการเร่งรัด แต่การทำงานก็ต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่การเลือกสว.ว่าอาจจะสลับซับซ้อน มีหลายชั้น ตั้งแต่พื้นที่ ระดับอำเภอระดับจังหวัด ระดับประเทศ จึงอาจจะต้องใช้เวลา

สำหรับกรณีที่มีความกังวลเรื่องกรอบเวลาการดำเนินการในระยะเวลา 1 ปีนั้น นายแสวงกล่าวว่า เป็นกำหนดเวลาในระเบียบกกต. ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ แต่เป็นการกำหนดกรอบเวลาการทำงานเพื่อให้รีบเศษภายในหนึ่งปี จนมาถึงวันนี้น่าจะเหลือเวลาอีกประมาณ 30 วัน เข้าใจว่าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนก็เข้าใจในข้อจำกัดเรื่องนี้ดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าเวลาจะเกินก็ไม่เสียหายอะไร เพราะในกฎหมายไม่ได้เขียนเงื่อนเวลาไว้ เป็นเวลาเร่งรัดในการทำงานของกกต. ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนก็สามารถที่จะขยายเวลา โดยให้เหตุผลและความจำเป็นว่าทำไมจะไม่เสร็จ ภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ และเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สิ้นกระแสความมีความครบถ้วนสมบูรณ์และให้โอกาสทุกคนได้มาชี้แจง


ส่วนกระบวนการความเชื่อมโยงของเลขากกต.กับคนที่มีส่วนร่วมในการฮั้วสว. นั้น นายแสวงกล่าวว่า เราตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่และ เราเองก็ถูกตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์หากเห็นว่าการทำหน้าที่ เป็นของผู้อำนวยการการเลือกตั้งระดับประเทศไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเท่าที่สดับตรับฟัง มีการไปร้องอยู่หน่วยงาน เราก็ต้องไปชี้แจง แต่จะไม่ชี้แจงผ่านสื่อ เพราะเกรงว่า จะกลายเป็นการตอบโต้ แต่ยินดีและพร้อมรับการตรวจสอบทุกแห่ง

นายแสวง ยังกล่าวถีงกรณีที่ สว. สำรองขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะมีส่วนได้เสียว่า ผู้ร้องต้อง ชี้แจงว่าเลขากกต. มีส่วนได้เสียอะไรหรือไม่ ซึ่งก็ได้มีการตัดสินไปแล้วจาก 2-3 หน่วยงาน แต่ก็ยังมีการเรียกร้องอยู่ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่จะมาร้อง หรือกล่าวหา ก็ต้องมีกระบวนการ แต่ตนยังไม่มีโอกาสไปชี้แจง แต่ยืนยันว่าพร้อมจะถูกตรวจสอบและพร้อมที่จะไปชี้แจง

นายแสวง ยังปฏิเสธกรณีมีกระแสข่าวว่ามีมือที่มองไม่เห็น หรือมีนายพล ส. คอยสั่งการทำงานของกกต.และองค์กรอิสระ โดยระบุว่าไม่มีใครมาบีบกกต. แต่ที่อื่นตนไม่รู้


ส่วนกรณีที่ 92 สว.ร้องขอความเป็นธรรมต่อกกต.เกี่ยวกับการทำงานของคณะกรรมการไต่สวน ชุดที่ 26 นายแสวง กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ตั้งโดยคำสั่งกกต. ซึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่จนมาถึงปัจจุบันก็ยังไม่เห็นกกต.มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงอะไร

เมื่อถามว่าเลขาธิการกกต.จะต้องเข้าไปชี้แจง ในส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการฮั้วเลือกสว.หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเรียกมา รวมถึงคณะกรรมการ ไต่สวนชุดที่ 26 หรือกรณีที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งสมุทรปราการที่อ้างว่าวันเลือกระดับประเทศ ได้แจ้งเบาะแสโพยฮั้วสว. เข้าสถานที่เลือก แต่ตนไม่ได้ดำเนินการอะไร ซึ่งตนก็อยากจะชี้แจงกับทุกที่มีอำนาจ แต่ไม่อยากชี้แจงผ่านสื่อ เพราะจะเป็นการโต้กันไปโต้กันมา ฟรือแม้แต่เรื่องที่อดีตผู้ตรวจการเลือกตั้งสมุทรปราการได้อ้าง กกต.ก็ได้วินิจฉัยจบไปแล้ว

นายแสวง ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 จะมีการสรุปสำนวนและจะต้องเสนอต่อที่ประชุมกกต. พิจารณาในวันที่ 16 มิ.ย. ว่า ขณะที่อยู่ในชั้นคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งการดำเนินการต้องเป็นไปตามระเบียบสืบสวนที่มีขั้นตอนเพื่อเป็นหลักประกันทุกคนจะได้รับความเป็นธรรมไม่ว่าเรื่องอะไร ฉะนั้นจะข้ามขั้นตอนไม่ได้ ดังนั้นถ้าระดับคณะกรรมการสอบสวนเสร็จแล้ว ก็จะต้องเข้าสู่การพิจารณาในชั้นสำนักงาน และอนุวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและข้อโต้แย้งก่อนถึงไปสู่ที่ประชุมกกต.

เมื่อถามว่ากกต.มีนโยบายที่จะพิจารณาคดีนี้แบบแยกเป็นล็อต หรือรวมหมดของทุกคน นายแสวง กล่าวว่า สำนักงานยังไม่ทราบ เพราะยังเดินตามขั้นต่อระเบียบสืบสวนอยู่ ซึ่งตอนนี้เป็นอำนาจของคณะกรรมการสอบว่าจะเรียกใครเข้ามาชี้แจงทั้งเลขาธิการกกต.หรือกกต.ก็ยังไม่ทราบ มันเป็นความอิสระ แต่จะถูกตรวจสอบเป็นชั้นๆ ซึ่งมีทั้งหมด 4 ชั้น ไม่ใช่ว่าใครอยากจะทำอะไรก็ทำ และกกต.จะทราบการทำงานของคณะกรรมการไต่สวนก็ต่อเมื่อคณะกรรมไต่สวนชุดที่ 26 ขอขยายระยะเวลาการสอบ.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]