“วิโรจน์” ขอ ปชช. ดึงสติ หลังมีกระแสเรียกร้องรัฐประหาร

รัฐสภา​ 9 มิ.ย. – “วิโรจน์” ลั่น เร็วไปเรียกสถานการณ์คลี่คลาย รับมาตรการจูงใจกลับสู่โต๊ะเจรจาได้ผล ถาม “กัมพูชา” มีความชอบธรรมอะไรเอาเรื่องขึ้นศาลโลก เรียกร้องให้เคารพ MOU43 หลังกัมพูชาเข้าข่ายละเมิด ขอ ปชช. ดึงสติกลับมา หลังมีกระแสเรียกร้องรัฐประหาร ชี้ “ภูมิธรรม” ขอบคุณกัมพูชา เป็นมารยาททางการทูต


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ที่ดูเหมือนจะคลี่คลายลงแล้ว ว่า เร็วเกินไปที่จะเรียกว่าคลี่คลาย แต่เรียกว่ากลับไปสู่สถานการณ์ที่เริ่มจะมีแนวทางในการเจรจาเป็นเหตุเป็นผลได้ แสดงว่ามาตรการในการจูงใจให้กัมพูชากลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งถือว่าได้ประสิทธิผลตามสมควร

เมื่อถามว่าทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาอยากให้ประเทศไทยขึ้นศาลโลกอยู่นั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า การคลี่คลายข้อพิพาทหรือความขัดแย้งของประเทศที่มีพรมแดนติดกัน ตนคิดว่าการหารือจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งสองประเทศมากกว่า และหากวิเคราะห์จริง ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากฝั่งไทยที่มีข้อเสนอใหม่ หรือเรียกร้องอะไรที่แตกต่างไปจาก MOU 2543 แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่ดำเนินการเข้าข่ายละเมิด MOU 2543 ที่ตกลงร่วมกัน


“ต้องยืนยันว่ากัมพูชาจะมีความชอบธรรมอะไร ที่จะนำเอาข้อพิพาทนี้ไปสู่การคลี่คลายในเวทีอื่น เพราะว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิด MOU 43 และข้อเรียกร้องจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมเลย เราเรียกร้องให้กัมพูชาเคารพ MOU 43 เราและเขาได้ลงนามร่วมกันโดยสมัครใจ ดังนั้นเราต้องมองสถานการณ์ให้ออก” นายวิโรจน์กล่าว

ส่วนจะมีเรื่องการเมืองในประเทศเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงจะมีทั้งการเมืองในประเทศ การเมืองระหว่างประเทศ และไม่ละทิ้งประเด็นที่เกี่ยวพันกับประเทศมหาอำนาจด้วยแต่เรื่องนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แล้วต้องระมัดระวังในการให้ความเห็นแต่ต้องผูกทั้ง 3 เรื่องเข้าด้วยกัน

นายวิโรจน์ ระบุว่า อาจจะมีมาตรการที่ชัดเจนออกมา อย่างเช่นตอนนี้บางคนเรียกว่ามาตรการกดดัน แต่ตนขอเรียกว่ามาตรการในการสร้างแรงจูงใจให้กัมพูชากลับมาสู่โต๊ะเจรจาดีกว่า ซึ่งประเทศไทยจะต้องมีมาตรการในระยะยาวได้ หรือจนกว่ากัมพูชาจะกลับเข้ามาเจรจาในกรอบ MOU 2543 ดังนั้นตนคิดว่ารัฐบาลต้องเตรียมอนุมัติกรอบงบประมาณ หรือ งบกลาง ที่จะมาสนับสนุนให้ผู้ประกอบการปรับตัวหรือนำมาชดเชยเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ย้ำว่ารัฐบาล ต้องยืนระยะมาตรการกดดันต่าง ๆเหล่านี้ให้ได้และพร้อมที่จะดำเนินมาตรการตลอดไป ตราบใดที่ทางกัมพูชายังไม่เจรจา


เมื่อถามว่าทางสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อถกปัญหานี้เป็นอย่างไรบ้างนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ซึ่งตนก็เคยเสนออยู่แล้ว ไม่ว่าจะในสภาผู้แทนราษฎรหรือประชุมร่วมกันของทั้ง 2 สภาก็ยินดี รัฐบาลก็จะได้มีข้อเสนอแนะแนวทางที่เป็นเอกภาพมากขึ้น เป็นความร่วมมือกันระหว่างอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร

ส่วนมองอย่างไรที่ขณะนี้มีกระแสในโลกโซเชียลที่ออกมาเรียกร้องให้มีการรัฐประหารนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องย้ำว่าการคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศสิ่งสำคัญที่สุดคือความชอบธรรมและเป็นความชอบธรรมในเวทีโลกที่ประเทศของเราสามารถอธิบายกับนานาอารยประเทศได้

“ดังนั้นหากเราทำลายประชาธิปไตยด้วยน้ำมือของเราเอง แล้วได้รัฐบาลใหม่ที่ได้จากการฉกฉวยโอกาสทำรัฐประหาร ซึ่งรัฐบาลเช่นนั้นจะไม่มีที่ยืนบนเวทีโลกเลย ไม่มีความชอบธรรมใด ๆ ในการไปเจรจากับมิตรประเทศหรือประเทศอื่น ๆ เลย และจะเป็นรัฐบาลที่ไม่มีใครในโลกยอมรับก็จะเข้าทางฝั่งกัมพูชาหรือสิ่งที่ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต้องการทันที” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ ยังกล่าวว่า เราต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าสิ่งที่ สมเด็จฯ ฮุน เซน และ พลเอกฮุน มาเนต ต้องการคืออะไร ต้องการทำลายความชอบธรรมของประเทศไทยในศาลโลก ในเวทีโลก ฉะนั้นเราต้องดึงสติกลับมา เพราะกัมพูชาเขาเป็นคนละเมิด MOU 43 ซึ่งเป็นเสมือนข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ระหว่างไทยและกัมพูชา และหากคิดแบบเป็นกลางข้อตกลงนี้ไทยและกัมพูชาทำร่วมกันโดยความสมัครใจ ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิดแต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็ดำเนินการตาม MOU 43 ไปได้ด้วยดี ความผาสุก ความเป็นอยู่ การอยู่ดีกินดี และการค้าการขายระหว่างประชาชนที่อยู่ในแนวพรมแดนของทั้งสองฝ่ายก็พัฒนาไปตามลำดับไม่ได้มีปัญหา

นายวิโรจน์ ระบุว่า วันนี้เราต้องยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด MOU 43 และกลับท้าทายที่จะไปขึ้นศาลโลกอย่างนี้ จริง ๆ แล้วตนเองคิดว่าความชอบธรรมในการดำเนินการเช่นนั้นของฝั่งรัฐบาลกัมพูชานั้นไม่มีเลย ดังนั้นตนเองขอยืนยันว่าเราต้องดำรงความชอบธรรมย้ำว่าการอดทนอดกลั้นและแสวงสันติวิธีในการคลี่คลายข้อพิพาทถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่เราจะต้องทำคือ ดำรงไว้ซึ่งความชอบธรรมของประเทศไทยด้วยในขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินมาตรการอื่น ๆ ควบคู่เพื่อจูงใจให้รัฐบาลกัมพูชาเข้าใจถึงสถานการณ์และยินดีที่จะมาร่วมโต๊ะเจรจาภายใต้เงื่อนไขที่สมเหตุสมผล และการหยิบยื่นข้อเสนอที่มันเป็นจริงได้

ซึ่งเราต้องยืนยันว่าประเทศไทยของเรายังไม่มีข้อเรียกร้องอะไรใหม่ ๆ ประเทศไทยไม่มีข้อเสนออะไรที่กัมพูชารับไม่ได้เรายังยืนยันเหมือนเดิมว่ากลับมาที่ MOU 43 ที่ทั้งสองประเทศ ได้ลงนามร่วมกันด้วยความสมัครใจ

“ผมคิดว่าเราต้องดำรงไว้ซึ่งความชอบธรรมของประเทศไทยตรงนี้และอย่าถูกแรงยั่วยุ ท้าทายแล้วใช้กำลังโดยไม่จำเป็น ใช้กำลัง และใช้การปะทะโดยไม่เข้าเงื่อนไขที่เรากำหนดเอาไว้ ซึ่งฝั่งสมเด็จฯ ฮุน เซน และ พลเอกฮุน มาเนต ก็จะหยิบยกเพื่อบั่นทอนความชอบธรรมของเรา” นายวิโรจน์ กล่าว

วันนี้ตนเองอยากให้รัฐบาลสื่อสารให้ชัดสื่อสารทั้งกับคนไทยทั้งชาวกัมพูชาทั้งชาวโลกและชาวอาเซียนให้รู้ว่าประเทศไทยเราไม่ได้เรียกร้องอะไรใหม่ใหม่ไม่ได้หยิบยื่นข้อเสนออะไรที่กัมพูชารับไม่ได้เราเพียงแต่ยึดมั่นใน MOU 43 ที่ทั้งสองประเทศได้ตกลงร่วมกันและสถานการณ์ปัจจุบันนี้เป็นฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาต่างหากที่ละเมิดข้อตกลง MOU 43

อย่างไรก็ตามตนเองเชื่อว่ารัฐบาล จนวินาทีนี้ก็เดินเกมได้เข้าร่องเข้ารอยแต่ต้องเดินเกมได้ในระยะยาว ไม่ใช่แค่ใช้กฎอัยการศึกเพียงอย่างเดียว เพราะกองทัพก็จะมีอำนาจเฉพาะเรื่องความมั่นคงและควบคุมพื้นที่ แต่การอนุมัติงบประมาณการกำหนดมาตรการทางการคลังการกำหนดมาตรการทางการทูตที่ต้องทำควบคู่กันนั้นกฎอัยการศึกไม่ได้ให้อำนาจกับกองทัพดังนั้น วันนี้ตนเองคิดว่านายกรัฐมนตรีต้อง จะต้องเร่งอนุมัติงบกลางเพื่อเข้ามาชดเชยเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการในแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบได้แล้วเพื่อให้มาตรการดังกล่าวสามารถทำให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวได้ และยืนระยะที่จะกดดันอย่างนั้นได้อย่างต่อเนื่องและตลอดไปตราบใดก็ตามที่ฝั่งรัฐบาลกัมพูชายังคงไม่เคารพ MOU 2543

สำหรับการสื่อสารที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ใช้คำขอบคุณรัฐบาลกัมพูชา ตรงนี้สะท้อนนัยยอะไรหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในเรื่องของการรักษามารยาททางการทูต ซึ่งตนเองคิดว่าเรารับได้ ที่ผ่านมาจะสังเกตได้ว่าประชาชนไทยจะไปจับจ้องอริยาบท จะไปจับจ้องคำพูดของนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี แต่เหตุผลเพราะประชาชนไม่เห็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมเท่านั้นเอง

ซึ่งหากมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมออกมาต่อเนื่องที่สามารถกดดันหรือสร้างแรงกดดันให้กัมพูชาก้าวมาสู่โต๊ะเจรจาอย่างสมเหตุสมผลคิดว่าประชาชนจะเข้าใจพิธีการที่ต้องทำอย่างเป็นทางการ ก็ต้องมีความจำเป็นที่จะต้องรักษามารยาททางการทูต คิดว่าอย่าไปจับจ้องจับผิดอย่างนั้นเลย ดูที่มาตรการ ที่เป็นทางการและผลสัมฤทธิ์ของมัน เชื่อว่าตอนนี้กำลังเดินเข้าไปสู่เส้นทางที่ ทำให้เราบรรลุถึงผลได้ และวันนี้สังคมไทย ต้องดึงเข้ามาสู่จุดที่ว่าเราต้องการบรรลุวัตถุประสงค์ด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“จิรายุ” ไม่เชิญแล้ว “ไมเคิล” บอก “จบข่าวไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย”

กทม. 17 ส.ค. – “จิรายุ” ยันรัฐบาลเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี ดูจุดกัมพูชาถล่มพื้นที่พลเรือน ส่วนกรณี “ไมเคิล” บอก “จบข่าว” ไม่เชิญมาแล้ว หลังอ้างตัวเป็น “สื่อประจำทำเนียบขาว” ที่แท้เป็นล็อบบี้ยิสต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้า ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะเชิญสื่อมวลชนระดับโลกไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ที่ไลฟ์สดชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้วยการเซตฉากและกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว “สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลมีการไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตนเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้พบว่านายไมเคิล ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึงประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป” นายจิรายุ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]