กต. เรียกร้องกัมพูชาลดความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน

กระทรวงการต่างประเทศ 8 มิ.ย.-โฆษก กต. แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังสงบ หลังไทยออกมาตรการปิด-เปิด จุดผ่านแดน พร้อมเรียกร้องกัมพูชาลดความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน และใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหา กร้าว “กัมพูชา” ไม่ใช่ประเทศเดียวที่สื่อสาร แต่ “ไทย” ก็แจ้งข้อเท็จจริงให้มิตร-นานาประเทศรับทราบ ย้ำ “รัฐบาล-กองทัพ” ลงเรือลำเดียวกัน เอา “อธิปไตยแห่งรัฐ” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เหนือสิ่งอื่นใดแน่นอน


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชาว่า ตามที่มติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ มอบอำนาจให้ กองทัพภาคที่หนึ่งกองทัพภาคที่สองและกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ออกมาตรการควบคุม การปิดเปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทในพื้นที่ ที่รับผิดชอบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาและได้มีการออกคำสั่ง ในทุกจุดครบถ้วนตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนยังสงบ เรียบร้อยดี และตามที่ทหารได้ชี้แจงแล้ว ว่าไม่ได้ปิดด่านทั้งหมดทันที แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอน เหมาะสมตามแต่สถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ซึ่งแบ่งออกเป็น4 ขั้น ได้แก่ การผ่านแดน โดยจำกัดอนุญาตเฉพาะบุคคล ที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่ง แรงงานและความจำเป็นอื่น ๆ โดยจำกัดและเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย
ขั้นที่สองเป็นการปรับลดเพิ่มวันเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดน และกำหนด เวลาเข้าออกที่ชัดเจน ขั้นที่สาม ปิดจุดผ่านแดนบางจุด
และขั้นที่สี่คือการปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดน ในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤติ เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สำหรับจุดผ่านแดนชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการปรับเวลาปิด-เปิด เอกสารที่ต้องใช้ ข้อจำกัด ต่างๆ ในระยะนี้ ซึ่งแต่ละจุดจะกำหนดมาตรการแตกต่างกันไป ดังนี้
กองทัพภาคที่หนึ่งโดยกองกำลังบูรพาเป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดสระแก้ว
กองทัพภาคที่สองโดยกองกำลัง สุรนารีเป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุด ผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรน การค้าในจังหวัดอุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์


กองทัพเรือโดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดเป็นผู้กำหนดมาตรการ สำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดจันทบุรี โดยจุดผ่านแดนที่ไทยประกาศมีเป้าหมาย โดยพิจารณาจากความจำเป็นต่างๆ ในพื้นที่ซึ่งการจำกัดเวลาเปิด-ปิด เป็นไปเพื่อดูแลความปลอดภัย ของพี่น้องได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งมาตรการต่างๆ ถูกกำหนดขึ้นตามลักษณะเฉพาะ การใช้งานของแต่ละจุดผ่านแดน โดยเฉพาะการผ่านแดนที่เกิดขึ้นเป็นประจำและจำเป็นเพื่อให้ การค้าขาย การศึกษา การเข้ารับบริการทางการแพทย์อื่น ๆ ทำได้ตามปกติ

ทั้งนี้ฝ่ายไทยยืนยันมาตลอด ตั้งแต่ต้น และปฏิบัติ ว่าเราปฏิบัติตาม และพร้อมใช้กลไกทวิภาคีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชาหรือ เจบีซี ที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และยังคงปฏิบัติmou ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 ที่เป็นเอกสารทางกฎหมายและเป็นกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน ย่อมต้องยึดถือ รัฐบาลไทยขอยืนยัน ในความเชื่อมั่นว่าใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชา มีอยู่ระหว่างการเช่น การประชุมเจบีซี ที่จะ มาถึงนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อลดความตึงเครียดในสภาวะที่เปราะบางเช่นนี้ และเพื่อหาทางออกอย่างสันติ เคารพ ซึ่งกันและกันและด้วยความจริงใจต่อกัน เพื่อให้ชายแดนของเรากลับสู่ภาวะปกติ มีความสงบสุขและปลอดภัย ดังนั้นไทย จึงขอเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับความตึงเครียด ตลอดแนวชายแดน หันมาใช้กลไกทวิภาคี ให้เป็นประโยชน์สูงสุดเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามออกไป

จากนั้น เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยนายนิกรเดช ย้ำว่า การเปิดปิดด่าน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการค้า แต่การเปิดปิดด่านเป็นไปเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของคน อาจจะมีผลกระทบที่อาจจะเกิดกับการค้า ซึ่งเราได้คำนึงถึงไว้แล้วจึงได้มอบอำนาจให้แต่ละจุดภายใต้ทหารควบคุมและดูความเหมาะสม


“เรายังไม่ได้ปิดด่าน เราปรับเวลาการเปิดปิดด่าน แล้วจำกัดการเข้าออกของคน และไม่ใช่ทุกด่านเปิดปิดเวลาเดียวกันและจำกัดคนประเภทเดียวกัน แต่เราดูตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องใครได้รับผลกระทบมากน้อยกว่ากันนั้น เราก็ได้คำนึงถึง และผมขอตอบในส่วนของประเทศไทยเท่านั้น เราไม่มีปัญหาครับ” นายนิกรเดช กล่าว

เมื่อถามว่าท่าทีของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาตอกย้ำว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศ ดังนั้น ทางการไทยต้องทำความเข้าใจกับสังคมอย่างไรบ้าง นายนิกรเดช กล่าวว่า สาเหตุที่ตนออกมาแถลงข่าวทุกวันนี้ ก็พยายามเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยเข้าใจในจุดยืนของเรา สิ่งที่ตนพยายามพูดตอนนี้คืออยากจะให้พี่น้องประชาชนทราบว่าทั้งรัฐบาลและทหาร

“ตอนนี้มีแนวทางเดียวกัน ผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนไทยถูกนำมาเป็นตัวตั้งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่สิ่งอื่น และอธิปไตยแห่งรัฐก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดแน่นอน เพราะฉะนั้น ตอนนี้ทุกคนอยู่ในทิศทางเดียวกัน อยู่ในเรือลำเดียวกัน
และจะเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน อยากจะให้พี่น้องชาวไทยสบายใจได้ในระดับหนึ่งว่าเราไม่ได้ช้า เราทำ เรามีการหารือระหว่างหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานรัฐ เราเดินหน้ามาตรการทางทหารก็จริง แต่ก็มีการเดินหน้ามาตรการทางการทูตด้วยพร้อมกัน” นายนิกรเดช กล่าว

นายนิกรเดช ระบุว่า แม้จะมีมาตรการเรื่องการปิดด่านเกิดขึ้น แต่เราไม่ได้ทิ้งความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคี JBC ที่กำลังจะมาถึงให้เป็นทางออกอย่างสันติวิธี

นายนิกรเดช ยังยืนยันว่า เรื่องนี้นานาประเทศไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ประเทศไทย เพราะประเทศกัมพูชาไม่ใช่เป็นประเทศเดียวที่สื่อสาร แต่เราก็สื่อสารไปสู่ประเทศอาเซียน และมิตรประเทศอื่นๆ เราสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องบนพื้นฐานของความเป็นจริงว่ามีอะไรเกิดขึ้น และสิ่งที่เราสื่อสารคือเราจะจัดการปัญหาเองได้ เราจะจัดการปัญหาด้วยกลไกทวิภาคี ถึงจุดนี้เรายังไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากประเทศที่สาม

นายนิกรเดช กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศที่สามที่สนใจและอยากรู้ก็มี แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการสอบถามข้อเท็จจริง เพราะเขาก็เป็นมิตรประเทศในอาเซียน เช่น มาเลเซีย เป็นต้น เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงแจ้งให้ทราบถึงความเป็นจริงว่าอะไรเกิดขึ้น ตนคิดว่าไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงในชั้นนี้.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]