กต. เรียกร้องกัมพูชาลดความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน

กระทรวงการต่างประเทศ 8 มิ.ย.-โฆษก กต. แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังสงบ หลังไทยออกมาตรการปิด-เปิด จุดผ่านแดน พร้อมเรียกร้องกัมพูชาลดความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน และใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหา กร้าว “กัมพูชา” ไม่ใช่ประเทศเดียวที่สื่อสาร แต่ “ไทย” ก็แจ้งข้อเท็จจริงให้มิตร-นานาประเทศรับทราบ ย้ำ “รัฐบาล-กองทัพ” ลงเรือลำเดียวกัน เอา “อธิปไตยแห่งรัฐ” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เหนือสิ่งอื่นใดแน่นอน


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชาว่า ตามที่มติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ มอบอำนาจให้ กองทัพภาคที่หนึ่งกองทัพภาคที่สองและกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ออกมาตรการควบคุม การปิดเปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทในพื้นที่ ที่รับผิดชอบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาและได้มีการออกคำสั่ง ในทุกจุดครบถ้วนตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนยังสงบ เรียบร้อยดี และตามที่ทหารได้ชี้แจงแล้ว ว่าไม่ได้ปิดด่านทั้งหมดทันที แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอน เหมาะสมตามแต่สถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ซึ่งแบ่งออกเป็น4 ขั้น ได้แก่ การผ่านแดน โดยจำกัดอนุญาตเฉพาะบุคคล ที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่ง แรงงานและความจำเป็นอื่น ๆ โดยจำกัดและเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย
ขั้นที่สองเป็นการปรับลดเพิ่มวันเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดน และกำหนด เวลาเข้าออกที่ชัดเจน ขั้นที่สาม ปิดจุดผ่านแดนบางจุด
และขั้นที่สี่คือการปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดน ในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤติ เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สำหรับจุดผ่านแดนชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการปรับเวลาปิด-เปิด เอกสารที่ต้องใช้ ข้อจำกัด ต่างๆ ในระยะนี้ ซึ่งแต่ละจุดจะกำหนดมาตรการแตกต่างกันไป ดังนี้
กองทัพภาคที่หนึ่งโดยกองกำลังบูรพาเป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดสระแก้ว
กองทัพภาคที่สองโดยกองกำลัง สุรนารีเป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุด ผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรน การค้าในจังหวัดอุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์


กองทัพเรือโดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดเป็นผู้กำหนดมาตรการ สำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดจันทบุรี โดยจุดผ่านแดนที่ไทยประกาศมีเป้าหมาย โดยพิจารณาจากความจำเป็นต่างๆ ในพื้นที่ซึ่งการจำกัดเวลาเปิด-ปิด เป็นไปเพื่อดูแลความปลอดภัย ของพี่น้องได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งมาตรการต่างๆ ถูกกำหนดขึ้นตามลักษณะเฉพาะ การใช้งานของแต่ละจุดผ่านแดน โดยเฉพาะการผ่านแดนที่เกิดขึ้นเป็นประจำและจำเป็นเพื่อให้ การค้าขาย การศึกษา การเข้ารับบริการทางการแพทย์อื่น ๆ ทำได้ตามปกติ

ทั้งนี้ฝ่ายไทยยืนยันมาตลอด ตั้งแต่ต้น และปฏิบัติ ว่าเราปฏิบัติตาม และพร้อมใช้กลไกทวิภาคีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชาหรือ เจบีซี ที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และยังคงปฏิบัติmou ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 ที่เป็นเอกสารทางกฎหมายและเป็นกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน ย่อมต้องยึดถือ รัฐบาลไทยขอยืนยัน ในความเชื่อมั่นว่าใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชา มีอยู่ระหว่างการเช่น การประชุมเจบีซี ที่จะ มาถึงนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อลดความตึงเครียดในสภาวะที่เปราะบางเช่นนี้ และเพื่อหาทางออกอย่างสันติ เคารพ ซึ่งกันและกันและด้วยความจริงใจต่อกัน เพื่อให้ชายแดนของเรากลับสู่ภาวะปกติ มีความสงบสุขและปลอดภัย ดังนั้นไทย จึงขอเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับความตึงเครียด ตลอดแนวชายแดน หันมาใช้กลไกทวิภาคี ให้เป็นประโยชน์สูงสุดเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามออกไป

จากนั้น เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยนายนิกรเดช ย้ำว่า การเปิดปิดด่าน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการค้า แต่การเปิดปิดด่านเป็นไปเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของคน อาจจะมีผลกระทบที่อาจจะเกิดกับการค้า ซึ่งเราได้คำนึงถึงไว้แล้วจึงได้มอบอำนาจให้แต่ละจุดภายใต้ทหารควบคุมและดูความเหมาะสม


“เรายังไม่ได้ปิดด่าน เราปรับเวลาการเปิดปิดด่าน แล้วจำกัดการเข้าออกของคน และไม่ใช่ทุกด่านเปิดปิดเวลาเดียวกันและจำกัดคนประเภทเดียวกัน แต่เราดูตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องใครได้รับผลกระทบมากน้อยกว่ากันนั้น เราก็ได้คำนึงถึง และผมขอตอบในส่วนของประเทศไทยเท่านั้น เราไม่มีปัญหาครับ” นายนิกรเดช กล่าว

เมื่อถามว่าท่าทีของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาตอกย้ำว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศ ดังนั้น ทางการไทยต้องทำความเข้าใจกับสังคมอย่างไรบ้าง นายนิกรเดช กล่าวว่า สาเหตุที่ตนออกมาแถลงข่าวทุกวันนี้ ก็พยายามเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยเข้าใจในจุดยืนของเรา สิ่งที่ตนพยายามพูดตอนนี้คืออยากจะให้พี่น้องประชาชนทราบว่าทั้งรัฐบาลและทหาร

“ตอนนี้มีแนวทางเดียวกัน ผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนไทยถูกนำมาเป็นตัวตั้งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่สิ่งอื่น และอธิปไตยแห่งรัฐก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดแน่นอน เพราะฉะนั้น ตอนนี้ทุกคนอยู่ในทิศทางเดียวกัน อยู่ในเรือลำเดียวกัน
และจะเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน อยากจะให้พี่น้องชาวไทยสบายใจได้ในระดับหนึ่งว่าเราไม่ได้ช้า เราทำ เรามีการหารือระหว่างหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานรัฐ เราเดินหน้ามาตรการทางทหารก็จริง แต่ก็มีการเดินหน้ามาตรการทางการทูตด้วยพร้อมกัน” นายนิกรเดช กล่าว

นายนิกรเดช ระบุว่า แม้จะมีมาตรการเรื่องการปิดด่านเกิดขึ้น แต่เราไม่ได้ทิ้งความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคี JBC ที่กำลังจะมาถึงให้เป็นทางออกอย่างสันติวิธี

นายนิกรเดช ยังยืนยันว่า เรื่องนี้นานาประเทศไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ประเทศไทย เพราะประเทศกัมพูชาไม่ใช่เป็นประเทศเดียวที่สื่อสาร แต่เราก็สื่อสารไปสู่ประเทศอาเซียน และมิตรประเทศอื่นๆ เราสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องบนพื้นฐานของความเป็นจริงว่ามีอะไรเกิดขึ้น และสิ่งที่เราสื่อสารคือเราจะจัดการปัญหาเองได้ เราจะจัดการปัญหาด้วยกลไกทวิภาคี ถึงจุดนี้เรายังไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากประเทศที่สาม

นายนิกรเดช กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศที่สามที่สนใจและอยากรู้ก็มี แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการสอบถามข้อเท็จจริง เพราะเขาก็เป็นมิตรประเทศในอาเซียน เช่น มาเลเซีย เป็นต้น เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงแจ้งให้ทราบถึงความเป็นจริงว่าอะไรเกิดขึ้น ตนคิดว่าไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงในชั้นนี้.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]