“อนุทิน” ลุย​บ้านทุ่งสมเด็จ บอกนายกฯ ฝากให้กำลังใจ

อุบลราชธานี 8 มิ.ย. – “อนุทิน” ลุย​ ชายแดนบ้านทุ่งสมเด็จ ปลุกใจชาวบ้าน อย่าว่าแต่ตารางเมตรเดียว มิลเดียวก็ไม่ได้​ พร้อมกำชับ ผู้ว่าฯ อยู่ในพื้นที่ตลอด พร้อมทำศูนย์พักพิงให้ ไม่ใช่แค่ที่ซุกหัวนอน แต่ต้องเป็นบ้านหลังที่​ 2 ฝาก อส. – ชรบ. ดูแลบ้านเรือนหากเกิดการอพยพ หยอดคำหวานทหาร ดูแลเรื่องรบไปเลย​ มท.ดูเรื่องรักให้​ พร้อมพูดเป็นนัย​ ตอนนี้ต้องทิ้งการเมือง​ ความปลอดภัยประชาชนต้องมาก่อน​ ต้องไม่มีคำว่าทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีคำว่าเตะตัดขา บอก “นายกฯ” ฝากให้กำลังใจประชาชนด้วย​


นายอนุทิน ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขึ้น​เฮลิคอปเตอร์​ ปักเป้า พร้อมปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง​ ลงพื้นที่​จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยจุดแรกไปที่ศูนย์พัฒนาเขตพื้นที่ชายแดน บ้านทุ่งสมเด็จ ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี​ ทันทีที่มาถึง​ นายอนุทิน​ ได้รับฟังรายงานจากกองอาสารักษาดินแดน​ ก่อนจะเข้าไปสวมกอดให้กำลังใจ​ และเดินทักทาย​ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน​ หรือ​ ชรบ.​ ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้​ ทหาร​ ชรบ. อส.และหน่วยงานฝ่ายปกครอง​ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่​

จากนั้นนายอนุทิน​ ได้​กล่าวกับพี่น้องประชาชน​ โดยเริ่มจากการแนะนำ​ สส.จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง​ โดยพบว่ามี​ สส.ต่างพรรคมาด้วยคือ​ นายสมศักดิ์ บุญประชม สส.อุบลราชธานี​ พรรคไทรวมพลัง​ และนายวสวรรธ์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง​ มาต้อนรับด้วย​ ทำให้นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ นี่คนละพักกับตนนะ แต่วันนี้พรรคไม่มีมีแต่พวกคนไทยเท่านั้น​ วันนี้ถือว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องสุดท้าย เรื่องทุกข์เรื่องสุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด​ วันนี้แม้กระทั่งการเมืองก็ต้องผนึกกำลังกัน​ ป้องกันบ้านเมือง​ ป้องกันประเทศไทย​ ป้องกันพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัย​ เดี๋ยวทุกอย่างเรียบร้อย​ ค่อยไปฟัดกันใหม่​ วันนี้เดี๋ยวขอกอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยความรักกันก่อน​


นายอนุทิน​ กล่าวยอมรับว่า​ วันนี้ชื่นใจมาก ทุกคนยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีกำลังใจที่ดี มีความมั่นคงเชื่อมั่นว่า​ พี่น้องทหารของเราจะปกป้องดูแลอธิปไตยของประเทศของเราได้อย่างเต็มที่แน่นอน​ ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และรวมกำลังใจส่งไปยังพี่น้องทหารที่คอยตรึงกำลังอยู่ตามแนวชายแดน รับรองว่า​ จะไม่ให้ใครรุกรานเข้ามา อย่าว่าแต่ตารางเมตรเดียว หรือนิ้วเดียว มิลเดียว​ ก็เข้ามาไม่ได้ เชื่อมั่นในเจตนารมณ์และได้พูดคุยกับผู้บังคับบัญชาของทหารระดับสูงแล้ว ได้ทำความเข้าใจ และยืนยันในเรื่องของความพร้อมของกระทรวงมหาดไทยที่จะให้ความร่วมมือในการตรึงแนวหลัง หมายความว่า ดูแลพี่น้องประชาชนครอบครัวของพี่น้องทหาร เพื่อให้ไม่ต้องมีความวิตกกังวลใด ๆ

นายอนุทิน​ กล่าวต่อด้วยว่า​ กระทรวงมหาดไทย โดยคำสั่งของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยความเห็นชอบของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะกำกับดูแลหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งเมื่อสักครู่โทรศัพท์เข้ามาหาตนเอง​ ว่า ขอบคุณมากที่มาที่นี่ และขอให้นำความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี มามอบให้กับพี่น้องชาวอุบลราชธานีทุกคน ว่า​ มีความห่วงใย และสั่งการให้ตนเองมาพบปะกับพี่น้อง และวันนี้เต็มที่ทั้งใจ และหน้าที่ภารกิจที่ต้องทำให้พ่อแม่พี่น้องมีขวัญกำลังใจที่ดี

“เมื่อสักครู่ถามคุณลุงคนนึงที่ใส่ชุด ชรบ. ว่ากลัวหรือไม่ แต่ลุงกลับตอบว่า “กลัวที่ไหนล่ะ” ขอเสียงปรบมือให้ ถือเป็นตัวแทนของคนไทย ในบางครั้งตนเองมาจะมาเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน แต่ในหลายโอกาส คนที่ได้รับกำลังใจ ได้รับขวัญกำลังใจคือพวกเราเอง ที่เห็นถึงความแน่วแน่คนไทยเรา พอมีภาวะการรุกรานเมื่อไหร่ ตนเองไม่เคยเห็นคนไทยกลัวเลย เพราะคำว่ากล้าหาญ อยู่ในสายเลือดอยู่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งความกล้าหาญที่จะรักษาอธิปไตยของบ้านเรา ต้องขอแสดงความชื่นชมทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดในอำเภอ และในวันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดแนวชายแดนมาครบหมด เพื่อเป็นการยืนยันว่าเรามีความพร้อม คนไทยทุกคนพร้อมให้มั่นใจว่า แนวหลังมีความพร้อมและความปลอดภัย”


ส่วนเรื่องการสร้างความมั่นใจให้กับพ่อแม่พี่น้อง ขอให้มีความมั่นใจว่าตนเอง จะมอบอำนาจเต็มให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ในการดูแล ทั้งเรื่องความปลอดภัย คุณภาพชีวิต หากเกิดความจำเป็นที่จะจะต้องออกมายังพักพิงชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ก็จะไม่มีมีความรู้สึกแตกต่างจากการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ที่บ้าน ตนเองหวังว่าคงไม่ต้องถึงจุดนั้น แต่หากจำเป็นต้องขอความร่วมมือพี่น้อง ตนเองจะให้ความยืนยันว่าทีมงาน อส. และ ชรบ. ที่เข้มแข็งของกระทรวงมหาดไทย จะดูแลบ้านเรือนเคหะสถานของพ่อแม่พี่น้องทุกคนเหมือนบ้านของเราเอง ไม่ต้องกังวลขอให้ปลอดภัยไว้ก่อน และลูกหลานของพวกเราต้องปลอดภัยทุกคน ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าทรัพย์สินใด ๆ

นายอนุทิน ระบุว่า ตนเองใช้มาตรฐานดูแลพี่น้องที่ออกมายังศูนย์พักพิงชั่วคราว ได้บอกผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นข้อสั่งการว่า ไม่ใช่ที่ซุกหัวนอน ต้องเป็นบ้านหลังที่สองของท่าน ซึ่งจะต้องมีความสะดวก มันไม่มีที่ไหนสบายเท่าบ้านเรา แต่ความสะดวก มาตรฐานสุขอนามัย อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค จะต้องมีมาตรฐานสมกับเป็นศักดิ์ศรีของประชาชนคนไทยในยามที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ไม่ปกติ

ส่วนเรื่องการช่วยเหลือต่าง ๆ และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ แล้วอย่าลืมว่ามี สส. อยู่เต็มจังหวัดให้บอก สส. ก่อน จะได้ใช้งานผู้แทนของท่าน เวลานี้จะเป็นเวลาพิสูจน์ความทุ่มเทความไว้วางใจของพ่อแม่พี่น้องที่ได้เลือกบุคคลเหล่านี้มาเป็นผู้แทนของท่าน เขาจะต้องดูแลในทุกเรื่อง เพื่อให้พี่น้องไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายหรือขาดเหลือสิ่งใด และเชื่อว่า สส. จะประสานมายังส่วนกลางได้

“นายกฯ ฝากมาบอกพี่น้อง ซึ่งบางครั้งนายกฯ ก็เรียกตนว่าท่านรองฯ บางครั้งก็เรียกตนว่าอา โดยท่านนายกฯ ฝากตนเองมาบอกว่า “อา อิ๊งค์เป็นห่วง แล้วก็ส่งกำลังใจมาให้ ฝากบอกพ่อแม่พี่น้องว่านายกฯ หรือว่า พ่อแม่พี่น้องราษฎรในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศที่มีปัญหาอยู่ ถือว่าเป็นผู้เสียสละเพราะความอดทนอดกลั้นของพวกท่าน ถ้าไม่ออกมาโวยวายออกมาประท้วง ไม่ออกมาว่า กล่าวรัฐบาลหรือทำให้ขวัญใจของคนทำงานและประชาชนทั่วประเทศได้มีความมั่นใจว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเกินไปกว่าที่เราจะควบคุมได้ เราจะให้อย่างเต็มที่ เหลือแต่ว่าขาดอะไรอีก เราก็จะมาเติมให้กับพวกท่าน ถือเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลจะมาดูแลให้เกิดความสบายใจที่สุดให้กับพ่อแม่พี่น้อง ตนเองขอขอบคุณจริงๆ ในความร่วมมือของทุกฝ่าย”

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ไม่มีใครที่คิดว่า จะต้องยอม ถ้าไทยประเทศไทยจะต้องสูญเสียอะไร ไม่มีทางยอม ถ้ายอมแล้วเราเดือดร้อน ดินแดนเสียหาย ศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทยเสียหาย ซึ่งตรงนี้เลยจุดมาแล้ว ต้องต่อสู้พิทักษ์บ้านเมืองของอย่างเต็มกำลังความสามารถ เรื่องของความสัมพันธ์อะไร ก็เป็นเรื่องของคนที่เจรจาได้ในความสัมพันธ์ แต่เรื่องการรักษาชาติบ้านเมืองเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ไม่มีใครคิดต่างในวันนี้ เราเห็นตรงกัน

“เพราะฉะนั้นประเทศของเรา อย่าว่าแต่ร้อยเมตรเลย หนึ่งมิลก็เข้ามาไม่ได้”

นายอนุทิน ยังฝากถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านว่า อย่าพึ่งไปเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ทหาร ให้ผลพวงลบกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่ไปเก็บของป่า อย่างตนเองจะไปลงพื้นที่ชายแดน ก็ไปไม่ได้ เพราะเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ทหารตรึงกำลังอยู่ เราก็ต้องให้ความร่วมมือ ขนาดตนเองมายังต้องเชื่อเขาเลย เพราะถ้าไปแล้วเขาวอกแวกหรือเสียสมาธิ เราต้องให้ความร่วมมือ ย้ำว่า หน้าที่มหาดไทยตอนนี้คือแนวหลัง สำรวจครอบครัวพี่น้องทหารตามแนวชายแดน ว่าต้องการอะไรจะได้ไม่มีความกังวล ทั้งเรื่องความปลอดภัยการสัญจรไปมาการใช้ชีวิตเราจะประชาสัมพันธ์ผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. ขอให้ความร่วมมือในช่วงนี้ เชื่อว่ามันไม่นานรัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เห็นด้วยกับสงคราม แต่เรายังมีความหวังว่าความสัมพันธ์ที่ดีทั้งสองประเทศจะได้กลับมา แต่ต้องไม่กลับมาเพราะเราต้องยอม หรือเสียเปรียบ เราต้องเข้าใจกัน ด้วยความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย

นายอนุทิน ยืนยันว่า เราไม่ทิ้งกันอย่างแน่นอน ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องอยู่ในจังหวัดจนกว่าสถานการณ์จะสงบ ตนเองจะไม่เรียกประชุมใน กทม. เป็นอันขาด หากติดภารกิจต้องประชุมออนไลน์ ต้องอยู่กับพี่น้องเพื่อประชาชนในพื้นที่

“ถ้าไม่ใช่เรื่องรบ เป็นเรื่องรัก คือรักประชาชน รักชาวบ้าน น้องเอง น้อง มท. เอง จะคอยดูแลให้พี่ทหาร พี่ทหารอย่าให้ใครรุกล้ำเข้ามา”

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตนเองโตมาในยุคของการต่อสู้คอมมิวนิสต์ ซึ่งรับฟังเพลงปลุกใจมาตลอด อยากให้พี่น้องลองเปิดฟังเพลงปลุกใจ จะได้รักชาติ รักบ้านเมือง หวงแหนบ้านเมืองของเรา เพราะฉะนั้นบางทีเราต้องรู้สึกครั้งหนึ่งในชีวิต เราสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยของประเทศของเรา ราชอาณาจักรของเรา รักษาสถาบันของเรา ครั้งหนึ่งในชีวิตมันก็ไม่เสียชาติเกิด หน้าที่การปกป้องรักษาบ้านเมืองไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งหรือฝ่ายใด แต่เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน

“อยากให้พี่น้องร่วมมือร่วมใจสมัครสมานสามัคคีเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียว เราต้องไม่มีคำว่าทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีคำว่าเตะตัดขา ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องรักกัน พร้อมยกตัวอย่างเพลง หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเรามารักกัน เชื่อว่า วันนี้การเมืองจะต้องมีความสมัครสมานสามัคคี”

ขณะที่​ นายอำเภอน้ำยืน ได้รายงานสถานการณ์ชายแดนด้วย​ ว่า 28 กุมภาพันธ์ บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ที่ศาลาตรีมุขมีการเผา ทำให้หลังจากนั้น สถานการณ์ชายแดนตลอดแนวของกัมพูชา และไทย มีความตึงเครียด กัมพูชาก็มีใช้กำลังทหาร และอาวุธเข้ามา เช่นเดียวกับทหารไทย ที่นำกำลังทหารเข้ามาเช่นเดียวกัน จนเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เกิดการปะทะกันขึ้นของทหาร 2 ฝ่าย ระยะเวลาประมาณ 10 นาที โดยผลจากการประทะครั้งนี้ ทำให้ทหารกัมพูชาใช้ชีวิต 1 นาย หลังจากนั้น ในพื้นที่ชายแดน กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ก็มีการเตรียมกำลังพลพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่เพื่อที่จะตรึงกำลังในการปกป้องอธิปไตยของแต่ละฝ่าย ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอน้ำยืน 3 ตำบล 40 กว่าหมู่บ้าน มีความตื่นตระหนกจากสถานการณ์ และเกิดความกังวล เพราะทหารวิ่งทุกวัน โดยสถานการณ์ดังกล่าว เราไม่ประมาท ได้เตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุการณ์การประทะกันเกิดขึ้น มีศูนย์พักพิงที่นำพี่น้องไปอยู่ในอำเภอเดชอุดม กว่า 64 ศูนย์ และมี ชรบ. อส. คอยทำความเข้าใจกับประชาชนในการติดตามข่าว และมีสติในการฟังข้อมูลข่าวสาร และเน้นให้ฟังข้อมูลจากทางราชการเป็นสำคัญ หากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในอนาคต เราพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนให้มีความปลอดภัย ให้อยู่ห่างไกลจากพื้นที่ปะทะของแนวชายแดน.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]