“อนุทิน” ลุย​บ้านทุ่งสมเด็จ บอกนายกฯ ฝากให้กำลังใจ

อุบลราชธานี 8 มิ.ย. – “อนุทิน” ลุย​ ชายแดนบ้านทุ่งสมเด็จ ปลุกใจชาวบ้าน อย่าว่าแต่ตารางเมตรเดียว มิลเดียวก็ไม่ได้​ พร้อมกำชับ ผู้ว่าฯ อยู่ในพื้นที่ตลอด พร้อมทำศูนย์พักพิงให้ ไม่ใช่แค่ที่ซุกหัวนอน แต่ต้องเป็นบ้านหลังที่​ 2 ฝาก อส. – ชรบ. ดูแลบ้านเรือนหากเกิดการอพยพ หยอดคำหวานทหาร ดูแลเรื่องรบไปเลย​ มท.ดูเรื่องรักให้​ พร้อมพูดเป็นนัย​ ตอนนี้ต้องทิ้งการเมือง​ ความปลอดภัยประชาชนต้องมาก่อน​ ต้องไม่มีคำว่าทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีคำว่าเตะตัดขา บอก “นายกฯ” ฝากให้กำลังใจประชาชนด้วย​


นายอนุทิน ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขึ้น​เฮลิคอปเตอร์​ ปักเป้า พร้อมปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง​ ลงพื้นที่​จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยจุดแรกไปที่ศูนย์พัฒนาเขตพื้นที่ชายแดน บ้านทุ่งสมเด็จ ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี​ ทันทีที่มาถึง​ นายอนุทิน​ ได้รับฟังรายงานจากกองอาสารักษาดินแดน​ ก่อนจะเข้าไปสวมกอดให้กำลังใจ​ และเดินทักทาย​ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน​ หรือ​ ชรบ.​ ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้​ ทหาร​ ชรบ. อส.และหน่วยงานฝ่ายปกครอง​ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่​

จากนั้นนายอนุทิน​ ได้​กล่าวกับพี่น้องประชาชน​ โดยเริ่มจากการแนะนำ​ สส.จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง​ โดยพบว่ามี​ สส.ต่างพรรคมาด้วยคือ​ นายสมศักดิ์ บุญประชม สส.อุบลราชธานี​ พรรคไทรวมพลัง​ และนายวสวรรธ์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง​ มาต้อนรับด้วย​ ทำให้นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ นี่คนละพักกับตนนะ แต่วันนี้พรรคไม่มีมีแต่พวกคนไทยเท่านั้น​ วันนี้ถือว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องสุดท้าย เรื่องทุกข์เรื่องสุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด​ วันนี้แม้กระทั่งการเมืองก็ต้องผนึกกำลังกัน​ ป้องกันบ้านเมือง​ ป้องกันประเทศไทย​ ป้องกันพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัย​ เดี๋ยวทุกอย่างเรียบร้อย​ ค่อยไปฟัดกันใหม่​ วันนี้เดี๋ยวขอกอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยความรักกันก่อน​


นายอนุทิน​ กล่าวยอมรับว่า​ วันนี้ชื่นใจมาก ทุกคนยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีกำลังใจที่ดี มีความมั่นคงเชื่อมั่นว่า​ พี่น้องทหารของเราจะปกป้องดูแลอธิปไตยของประเทศของเราได้อย่างเต็มที่แน่นอน​ ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และรวมกำลังใจส่งไปยังพี่น้องทหารที่คอยตรึงกำลังอยู่ตามแนวชายแดน รับรองว่า​ จะไม่ให้ใครรุกรานเข้ามา อย่าว่าแต่ตารางเมตรเดียว หรือนิ้วเดียว มิลเดียว​ ก็เข้ามาไม่ได้ เชื่อมั่นในเจตนารมณ์และได้พูดคุยกับผู้บังคับบัญชาของทหารระดับสูงแล้ว ได้ทำความเข้าใจ และยืนยันในเรื่องของความพร้อมของกระทรวงมหาดไทยที่จะให้ความร่วมมือในการตรึงแนวหลัง หมายความว่า ดูแลพี่น้องประชาชนครอบครัวของพี่น้องทหาร เพื่อให้ไม่ต้องมีความวิตกกังวลใด ๆ

นายอนุทิน​ กล่าวต่อด้วยว่า​ กระทรวงมหาดไทย โดยคำสั่งของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยความเห็นชอบของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะกำกับดูแลหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งเมื่อสักครู่โทรศัพท์เข้ามาหาตนเอง​ ว่า ขอบคุณมากที่มาที่นี่ และขอให้นำความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี มามอบให้กับพี่น้องชาวอุบลราชธานีทุกคน ว่า​ มีความห่วงใย และสั่งการให้ตนเองมาพบปะกับพี่น้อง และวันนี้เต็มที่ทั้งใจ และหน้าที่ภารกิจที่ต้องทำให้พ่อแม่พี่น้องมีขวัญกำลังใจที่ดี

“เมื่อสักครู่ถามคุณลุงคนนึงที่ใส่ชุด ชรบ. ว่ากลัวหรือไม่ แต่ลุงกลับตอบว่า “กลัวที่ไหนล่ะ” ขอเสียงปรบมือให้ ถือเป็นตัวแทนของคนไทย ในบางครั้งตนเองมาจะมาเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน แต่ในหลายโอกาส คนที่ได้รับกำลังใจ ได้รับขวัญกำลังใจคือพวกเราเอง ที่เห็นถึงความแน่วแน่คนไทยเรา พอมีภาวะการรุกรานเมื่อไหร่ ตนเองไม่เคยเห็นคนไทยกลัวเลย เพราะคำว่ากล้าหาญ อยู่ในสายเลือดอยู่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งความกล้าหาญที่จะรักษาอธิปไตยของบ้านเรา ต้องขอแสดงความชื่นชมทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดในอำเภอ และในวันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดแนวชายแดนมาครบหมด เพื่อเป็นการยืนยันว่าเรามีความพร้อม คนไทยทุกคนพร้อมให้มั่นใจว่า แนวหลังมีความพร้อมและความปลอดภัย”


ส่วนเรื่องการสร้างความมั่นใจให้กับพ่อแม่พี่น้อง ขอให้มีความมั่นใจว่าตนเอง จะมอบอำนาจเต็มให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ในการดูแล ทั้งเรื่องความปลอดภัย คุณภาพชีวิต หากเกิดความจำเป็นที่จะจะต้องออกมายังพักพิงชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ก็จะไม่มีมีความรู้สึกแตกต่างจากการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ที่บ้าน ตนเองหวังว่าคงไม่ต้องถึงจุดนั้น แต่หากจำเป็นต้องขอความร่วมมือพี่น้อง ตนเองจะให้ความยืนยันว่าทีมงาน อส. และ ชรบ. ที่เข้มแข็งของกระทรวงมหาดไทย จะดูแลบ้านเรือนเคหะสถานของพ่อแม่พี่น้องทุกคนเหมือนบ้านของเราเอง ไม่ต้องกังวลขอให้ปลอดภัยไว้ก่อน และลูกหลานของพวกเราต้องปลอดภัยทุกคน ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าทรัพย์สินใด ๆ

นายอนุทิน ระบุว่า ตนเองใช้มาตรฐานดูแลพี่น้องที่ออกมายังศูนย์พักพิงชั่วคราว ได้บอกผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นข้อสั่งการว่า ไม่ใช่ที่ซุกหัวนอน ต้องเป็นบ้านหลังที่สองของท่าน ซึ่งจะต้องมีความสะดวก มันไม่มีที่ไหนสบายเท่าบ้านเรา แต่ความสะดวก มาตรฐานสุขอนามัย อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค จะต้องมีมาตรฐานสมกับเป็นศักดิ์ศรีของประชาชนคนไทยในยามที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ไม่ปกติ

ส่วนเรื่องการช่วยเหลือต่าง ๆ และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ แล้วอย่าลืมว่ามี สส. อยู่เต็มจังหวัดให้บอก สส. ก่อน จะได้ใช้งานผู้แทนของท่าน เวลานี้จะเป็นเวลาพิสูจน์ความทุ่มเทความไว้วางใจของพ่อแม่พี่น้องที่ได้เลือกบุคคลเหล่านี้มาเป็นผู้แทนของท่าน เขาจะต้องดูแลในทุกเรื่อง เพื่อให้พี่น้องไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายหรือขาดเหลือสิ่งใด และเชื่อว่า สส. จะประสานมายังส่วนกลางได้

“นายกฯ ฝากมาบอกพี่น้อง ซึ่งบางครั้งนายกฯ ก็เรียกตนว่าท่านรองฯ บางครั้งก็เรียกตนว่าอา โดยท่านนายกฯ ฝากตนเองมาบอกว่า “อา อิ๊งค์เป็นห่วง แล้วก็ส่งกำลังใจมาให้ ฝากบอกพ่อแม่พี่น้องว่านายกฯ หรือว่า พ่อแม่พี่น้องราษฎรในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศที่มีปัญหาอยู่ ถือว่าเป็นผู้เสียสละเพราะความอดทนอดกลั้นของพวกท่าน ถ้าไม่ออกมาโวยวายออกมาประท้วง ไม่ออกมาว่า กล่าวรัฐบาลหรือทำให้ขวัญใจของคนทำงานและประชาชนทั่วประเทศได้มีความมั่นใจว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเกินไปกว่าที่เราจะควบคุมได้ เราจะให้อย่างเต็มที่ เหลือแต่ว่าขาดอะไรอีก เราก็จะมาเติมให้กับพวกท่าน ถือเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลจะมาดูแลให้เกิดความสบายใจที่สุดให้กับพ่อแม่พี่น้อง ตนเองขอขอบคุณจริงๆ ในความร่วมมือของทุกฝ่าย”

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ไม่มีใครที่คิดว่า จะต้องยอม ถ้าไทยประเทศไทยจะต้องสูญเสียอะไร ไม่มีทางยอม ถ้ายอมแล้วเราเดือดร้อน ดินแดนเสียหาย ศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทยเสียหาย ซึ่งตรงนี้เลยจุดมาแล้ว ต้องต่อสู้พิทักษ์บ้านเมืองของอย่างเต็มกำลังความสามารถ เรื่องของความสัมพันธ์อะไร ก็เป็นเรื่องของคนที่เจรจาได้ในความสัมพันธ์ แต่เรื่องการรักษาชาติบ้านเมืองเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ไม่มีใครคิดต่างในวันนี้ เราเห็นตรงกัน

“เพราะฉะนั้นประเทศของเรา อย่าว่าแต่ร้อยเมตรเลย หนึ่งมิลก็เข้ามาไม่ได้”

นายอนุทิน ยังฝากถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านว่า อย่าพึ่งไปเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ทหาร ให้ผลพวงลบกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่ไปเก็บของป่า อย่างตนเองจะไปลงพื้นที่ชายแดน ก็ไปไม่ได้ เพราะเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ทหารตรึงกำลังอยู่ เราก็ต้องให้ความร่วมมือ ขนาดตนเองมายังต้องเชื่อเขาเลย เพราะถ้าไปแล้วเขาวอกแวกหรือเสียสมาธิ เราต้องให้ความร่วมมือ ย้ำว่า หน้าที่มหาดไทยตอนนี้คือแนวหลัง สำรวจครอบครัวพี่น้องทหารตามแนวชายแดน ว่าต้องการอะไรจะได้ไม่มีความกังวล ทั้งเรื่องความปลอดภัยการสัญจรไปมาการใช้ชีวิตเราจะประชาสัมพันธ์ผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. ขอให้ความร่วมมือในช่วงนี้ เชื่อว่ามันไม่นานรัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เห็นด้วยกับสงคราม แต่เรายังมีความหวังว่าความสัมพันธ์ที่ดีทั้งสองประเทศจะได้กลับมา แต่ต้องไม่กลับมาเพราะเราต้องยอม หรือเสียเปรียบ เราต้องเข้าใจกัน ด้วยความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย

นายอนุทิน ยืนยันว่า เราไม่ทิ้งกันอย่างแน่นอน ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องอยู่ในจังหวัดจนกว่าสถานการณ์จะสงบ ตนเองจะไม่เรียกประชุมใน กทม. เป็นอันขาด หากติดภารกิจต้องประชุมออนไลน์ ต้องอยู่กับพี่น้องเพื่อประชาชนในพื้นที่

“ถ้าไม่ใช่เรื่องรบ เป็นเรื่องรัก คือรักประชาชน รักชาวบ้าน น้องเอง น้อง มท. เอง จะคอยดูแลให้พี่ทหาร พี่ทหารอย่าให้ใครรุกล้ำเข้ามา”

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตนเองโตมาในยุคของการต่อสู้คอมมิวนิสต์ ซึ่งรับฟังเพลงปลุกใจมาตลอด อยากให้พี่น้องลองเปิดฟังเพลงปลุกใจ จะได้รักชาติ รักบ้านเมือง หวงแหนบ้านเมืองของเรา เพราะฉะนั้นบางทีเราต้องรู้สึกครั้งหนึ่งในชีวิต เราสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยของประเทศของเรา ราชอาณาจักรของเรา รักษาสถาบันของเรา ครั้งหนึ่งในชีวิตมันก็ไม่เสียชาติเกิด หน้าที่การปกป้องรักษาบ้านเมืองไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งหรือฝ่ายใด แต่เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน

“อยากให้พี่น้องร่วมมือร่วมใจสมัครสมานสามัคคีเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียว เราต้องไม่มีคำว่าทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีคำว่าเตะตัดขา ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องรักกัน พร้อมยกตัวอย่างเพลง หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเรามารักกัน เชื่อว่า วันนี้การเมืองจะต้องมีความสมัครสมานสามัคคี”

ขณะที่​ นายอำเภอน้ำยืน ได้รายงานสถานการณ์ชายแดนด้วย​ ว่า 28 กุมภาพันธ์ บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ที่ศาลาตรีมุขมีการเผา ทำให้หลังจากนั้น สถานการณ์ชายแดนตลอดแนวของกัมพูชา และไทย มีความตึงเครียด กัมพูชาก็มีใช้กำลังทหาร และอาวุธเข้ามา เช่นเดียวกับทหารไทย ที่นำกำลังทหารเข้ามาเช่นเดียวกัน จนเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เกิดการปะทะกันขึ้นของทหาร 2 ฝ่าย ระยะเวลาประมาณ 10 นาที โดยผลจากการประทะครั้งนี้ ทำให้ทหารกัมพูชาใช้ชีวิต 1 นาย หลังจากนั้น ในพื้นที่ชายแดน กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ก็มีการเตรียมกำลังพลพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่เพื่อที่จะตรึงกำลังในการปกป้องอธิปไตยของแต่ละฝ่าย ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอน้ำยืน 3 ตำบล 40 กว่าหมู่บ้าน มีความตื่นตระหนกจากสถานการณ์ และเกิดความกังวล เพราะทหารวิ่งทุกวัน โดยสถานการณ์ดังกล่าว เราไม่ประมาท ได้เตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุการณ์การประทะกันเกิดขึ้น มีศูนย์พักพิงที่นำพี่น้องไปอยู่ในอำเภอเดชอุดม กว่า 64 ศูนย์ และมี ชรบ. อส. คอยทำความเข้าใจกับประชาชนในการติดตามข่าว และมีสติในการฟังข้อมูลข่าวสาร และเน้นให้ฟังข้อมูลจากทางราชการเป็นสำคัญ หากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในอนาคต เราพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนให้มีความปลอดภัย ให้อยู่ห่างไกลจากพื้นที่ปะทะของแนวชายแดน.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]