“ปานเทพ” จ่อแสดงจุดยืนถึง นายกฯ ให้ปกป้องอธิปไตยไทย

กทม. 7 มิ.ย.-“ปานเทพ” เตรียมแสดงจุดยืนถึง นายกฯ ให้ปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเป็นรูปธรรม ชี้ รมว.กลาโหม ต้องติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก บอก “กัมพูชา” รุกล้ำ Thailand ไม่ใช่ No man’s land แนะยกเลิก MOU 2543 และเริ่มเจรจาพื้นที่ทับซ้อนใหม่จากดาวเทียม

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึง การยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ว่า ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินไปพร้อมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนักวิชาการรวมถึงประชาชน ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม​ แม้ตอนนี้จะมีคำแถลงจากกระทรวงกลาโหมหลายครั้ง แต่สิ่งที่ยังกังวลอยู่มาก คือสิ่งที่รัฐบาลไทยยังไม่ยืนยันผืนแผ่นดินไทยว่าอยู่ที่ไหน ในขณะที่ฝ่ายกองทัพยืนยันว่าแผ่นดินไทยอยู่ที่ไหนแต่อำนาจ การประท้วงอย่างเป็นทางการเพื่อไม่ให้เข้าข่ายกฎหมายปิดปาก ว่าแผ่นดินนั้นเป็นของประเทศไทย ต้องมาจากรัฐบาล ต้องมาจากกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่แค่กองทัพ​ ดังนั้น วันนี้เรายังไม่ได้ยินว่ามีการรุกล้ำแผ่นดินไทย ไม่ใช่ รุกล้ำ No man’s land รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะต้องแก้ไขคำนี้ ให้ถูกต้องก่อน ซึ่งเป็นกระดุมเม็ดแรก ว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังถูกรุกราน อธิปไตยของแผ่นดินไทย ถ้ามายืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เราจะกลับกระดุมเม็ดต่อไปผิดพลาดทั้งหมดในเวลาต่อมา


นายปานเทพ​ กล่าวว่าในวันอังคารที่ 10 มิถุนายนนี้จะไปยื่นข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล แต่จะยื่นเรื่องอะไรนั้นต้องรอดูสถานการณ์เพราะยังมีเวลาเหลืออีก 2-3 วัน แล้วหวังว่ารัฐบาลจะได้ฟังแล้วจะหนัก และทำในสิ่งที่เราได้พูดตั้งแต่วันนี้ให้เป็นรูปธรรม

“ณ ขณะนี้มีการรุกรานแผ่นดินไทยแล้วไม่ใช่ No man’s land แต่เป็น Thailand ต้องมีมาตรการ ในการประท้วงอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวงการต่างประเทศ ต้องมีมาตรการในการผลักดันออก หรือจับกุมผู้กระทำความผิด ประหนึ่งกรณีนายวีระ สมความคิด ที่เคยถูกจับกุม บริเวณจังหวัดสระแก้ว และถูกดำเนินคดีความในกัมพูชา ถูกจำคุกอยู่ 3 ปี ประเทศไทยก็ต้องปฏิบัติในมาตรการแบบเดียวกัน ไม่ใช่มีแต่ข้อสงสัยว่าพื้นที่ แผ่นดินไทยเป็น No man’s land แต่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ขอย้ำว่าการพูดว่าเป็น No man’s land เป็นผลเสียหายต่อประเทศไทย เพราะเท่ากับไม่ยืนยันว่านั่นคือแผ่นดินไทย เพราะ No man’s land ในข้อตกลงเกิดขึ้นได้ เนื่องมาจากการขีดเส้น 2 เส้น คือทางฝั่งกัมพูชาที่คิดรุกล้ำเข้ามาในประเทศไทย กับการขีดของประเทศไทยที่ต้องยืนหยัดในแผ่นดินตัวเอง การลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่อ้างว่าเป็น No man’s land จึงเท่ากับเป็นการรุกรานแผ่นดินไทย ต้องมีมาตรการชัดเจนและเป็นรูปธรรมซึ่งเราต้องดูปฏิกิริยารัฐบาล จากนี้จนถึงวันอังคาร” นายปานเทพ กล่าว


นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ต้องตระหนักว่าขณะนี้กัมพูชาต้องการอะไร คือต้องการไปศาลโลก และไม่ต้องการเจรจาใน JBC แต่กัมพูชายังกอด MOU 2543 ทำไมยังกอดอยู่ทั้งที่ไม่เจรจา เพราะเขากำลังอ้าง มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนซึ่งประเทศไทยไม่เคยยอมรับ และปรากฏอยู่ใน MOU 2543 ในกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด ไทยควรใช้โอกาสนี้ยกเลิก MOU2543 และกลับมาประชุม JBC ตามที่ควรจะเป็น ตามลักษณะลองติจูดละติจูดที่มองเห็นได้แล้วในดาวเทียม ถ้าเรายังปะปนกันอยู่ โดยยึดเอาแผนที่ฝรั่งเศส อยู่ใน MOU 2543 กัมพูชาจะคิดเสมอว่าประเทศไทยกำลังยอมรับ แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน อันเป็นเหตุทำให้ไทยสูญเสียเขาพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบ และจะลุกลามไปไกลกว่านี้

นายปานเทพกล่าวว่า มาตรการของเขาตอนนี้เขาทิ้งการประชุม JBC แต่จะกอดแผนที่ใน MOU 2543 ถ้าเราตระหนักรู้เรื่องนี้เราต้องใช้โอกาส ในการละเมิดการประชุม JBC ของฝ่ายไทยและกัมพูชา ดังนั้น MOU 2543 ต้องยกเลิก เพื่อนำไปสู่การเจรจา ที่ไม่ได้มีความคาดหวังเกินหลักแนวธรรมชาติระหว่างไทยกัมพูชา ขณะนี้กัมพูชามีเป้าหมายและความคาดหวัง เขตแดนเกินไปไกลกว่าสันปันน้ำ ยึดแผนที่ฝรั่งเศสเป็นตัวตั้งแล้วเขาดำเนินการแบบนี้มาโดยตลอด ตนเคยเตือนเรื่องนี้เมื่อ 14 ปีที่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ดังนั้นประเทศไทยมีหน้าที่ยืนหยัดและยืนยันแผ่นดินของตนเอง

” วันนี้ถือว่าคำแถลงการณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พัฒนาขึ้น ว่าจะปกป้องอธิปไตยแต่ ยังไม่ชัดเจน ว่าแผ่นดินไทยอยู่ที่ไหน ยังไม่กล้ายืนยันว่าแผ่นดินไทย อยู่ที่ไหน ยังไม่ประท้วงกัมพูชาไหว้รุกล้ำแผ่นดินไทยพูดแต่คำว่าNo man’s land ทั้งที่จึงเป็น Thailand ไม่ใช่ No man’s land” นายปานเทพกล่าว


เมื่อถามว่า นายภูมิธรรมให้อำนาจเหล่าทัพในการเปิดหรือปิดด่าน มองว่าช้าไปหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ช้าไป แต่ถือว่าเเป็นอนาจของกองทัพบกชัดเจนแล้ว ซึ่งกองทัพบกมีหน้าที่ในการใช้ทุกมาตราการในการปกป้องอธิปไตยให้ได้มากที่สุด แต่ไม่พอ เพราะการประท้วงอย่างเป็นทางการเพื่อไม่ให้เข้าข่ายกฎหมายปิดปาก เหมือนกรณีปราสาทเขาพระวิหาร รัฐไทยต้องเป็นฝ่ายประท้วงในนามรัฐบาลไทย หรือในนามกระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี เหมือนที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศ แต่วันนี้เรายังไม่ได้เสียงผู้นำรัฐบาลของประเทศไทยประกาศในเรื่องเหล่านี้ พูดแต่เราจะปกป้องอธิปไตยไทยแต่ไม่รู้ว่าแผ่นดินไทยอยู่ที่ไหน นี่คือจุดเปราะบางและจุดเสี่ยงที่สุด เราต้องการได้ยินเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ถ้าท่านทำไม่ได้ตนเชื่อว่าวันที่ 10 มิ.ย. จากผู้ที่ไปยื่นหนังสือจะไปไกลมากกว่าการเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติ ถ้ารัฐบาลทำไม่ได้อาจจะนำไปสู่ขับไล่รัฐบาลได้

เมื่อถามว่าประธานอาเซียนออกมาเป็นตัวกลางประสานระหว่าง 2 ประเทศ มองว่าจะทำให้ท่าทีของกัมพูชาอ่อนลงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ทุกประเทศที่จะเข้ามาช่วยเป็นตัวกลางเจรจา ยืนยันอีกครั้ง ว่าขณะนี้เรายังไม่ยืนยันว่าเราถูกละเมิดอธิปไตย เราไม่แสดงภาพถ่ายดาวเทียมว่ามีการรุกล้ำอย่างไรเพื่อให้สากลรับรู้ มีแต่ฝ่ายกัมพูชาเท่านั้น แต่ฝ่ายไทยปล่อยให้โซเชียลเป็นผู้ประกาศ ทางรัฐบาลยังไม่ประกาศอะไรเลย เท่ากับเรานิ่งเฉย ไม่ปฏิเสธ ซึ่งตรงนี้ตนเป็นห่วงว่าจะซ้ำรอยปราสาทเขาพระวิหาร ดังนั้นเราต้องการคำประกาศที่ชัดเจน ไม่ใช่คำอวดอ้างว่า เราสนับสนุนกองทัพ หรือเราปกป้องอธิปไตย แค่นั้นไม่พอ วันนี้ต้องการยืนยัน และยืนยันว่าแผ่นดินไทยอยู่ที่ไหน รุกล้ำอย่างไร และต้องสร้างความรับรู้ในทางสากล ปิดรับกลายเป็นความลับมืดดำ ไม่ให้ประชาชนรู้ แล้วจะชนะทางสากลได้อย่างไร

“ฉะนั้นอย่าทำการสู้รบแบบที่คิดว่าประชาชนรู้ไม่เท่าทัน อย่าคิดว่า ประชาชนหรือสากลจะต้องเชื่อ ในสิ่งที่ไม่มีความชัดเจน และย้ำว่าวันนี้ต้องการความชัดเจน”นายปานเทพกล่าว

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลควรจะต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อกดดันให้กัมพูชามาอยู่ในเวทีเจรจาที่ไม่เอาเปรียบ ประเทศไทย และสิ่งที่เราควรทำคือกระแสย้อนกลับ ให้รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น ประชาชนในฝั่งกัมพูชานั้นเดือดร้อน นี่คืออำนาจต่อรอง และอย่าคิดว่าไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด นั่นเป็นฝ่ายกองทัพพูด แต่รัฐบาลต้องต่อประโยคหลังให้ได้ เอกราชของไทยจะไม่ให้ใครข่มขี่ด้วย ไม่ใช่บอกแค่ว่าถึงเวลารบเราก็จะรบ ไม่พอ วันนี้มีการรุกล้ำเราต้องทำมากกว่านี้

เมื่อถามถึงโอกาสที่จะสูญเสีย 3 ประสาทตามแนวเขตแดนนั้น นายปานเทพ ยืนยันว่า 3 ปราสาทอยู่ในแนวสันปันน้ำของประเทศไทย ดังนั้นต้องใช้โอกาสนี้ยกเลิก MOU 2543 และเจรจาใหม่ เพื่อไม่ให้มีการซ้ำรอยกับปราสาทเขาพระวิหาร

“ถ้าตราบใดประเทศไทย ไม่บ้าจี้ไปรับอำนาจศาลโลกอีก เราก็ไม่มีทางให้ใครมาตัดสินเรา เพราะกฎบัตรสหประชาชาติก็ยืนยันว่าทุกประเทศมีอำนาจและอำนาจและมีความชอบธรรมในการปกป้องอำนาจอธิปไตยของตัวเอง ดังนั้นการปะทะชายแดนเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะเรามี กลไก JBC ที่เป็นเรื่องของ 2 ประเทศต้องคุยกัน ชาติอื่นอย่าปล่อยให้มายุ่ง เรามีบทเรียนราคาแพงหลายครั้ง ในการที่ชาติอื่นเข้ามายุ่ง เราต้องยืนหยัดในกฎบัตร อาเซียน หรือกฎบัตรสหประชาชาติ ว่าไม่ให้ชาติอื่นแทรกแซง และย้ำว่าสันติวิธีโดยที่เขานั่งทับ เส้นแผ่นดินไทยไปแล้ว เพราะถ้าการเจรจาไม่สำเร็จ เขาจะนั่งทับไปตลอดกาล การเจรจาได้เปรียบหรือเสียเปรียบพื้นที่เหล่านั้น จะต้องไม่มีใครเอาเปรียบประเทศไทย” นายปานเทพ กล่าว.-319​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย