ยื่นศาล​ รธน.​ถอดถอน “พิเชษฐ์” พ้นรอง ปธ.สภาฯ เปิดหลักฐานส่อทุจริต

พรรคประชาชน 6 มิ.ย.- “ภัณฑิล” เดินหน้ายื่นศาล​ รธน.​ถอดถอน “พิเชษฐ์” พ้นรองประธานสภาฯ เปิดหลักฐานส่อทุจริต ตั้งงบไปใช้ในเขตตัวเอง จัด 3 โครงการสัมมนาเกือบ 3 พันครั้งต่อปี แล้วโยกงบมาซ่อมสภา เจตนาใช้ภาษีประชาชนส่อขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 แถมปี 69 ยังของบซ้ำแบบเดิมอีกเกือบ 600 ล้าน


นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณียื่นเรื่องถอดถอน นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 สืบเนื่องจากการอภิปรายร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569​ โดยระบุว่านายพิเชษฐ์ มีพฤติกรรมลักษณะ ตั้งใจเอางบประมาณแผ่นดินไปแจกจ่ายกลุ่มเป้าหมายฐานเสียงของตนเองและพวกพ้องในรูปแบบการแจกทุนหรือเงินสนับสนุนโครงการ ให้ประชาชนโดยตรง โดยได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาคณะทำงาน ยกร่าง 4 โครงการ เมื่อเดือนตุลาคม 2566 คือ​ โครงการสภาผู้แทนบรรเทาทุกข์และความจำเป็นเร่งด่วน โครงการ พัฒนาศักยภาพประชาชนในระบอบประชาธิปไตย โครงการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น และโครงการส่งเสริมความมั่นคงอาชีพสตรี มูลค่ารวม 443 ล้านบาท ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ได้เห็นชอบ แต่สร้างความหนักใจ ให้ฝ่ายข้าราชการสำนักนโยบายและแผนจึงได้ขอความเห็น สำนักกฎหมายและสำนักการคลังของสภา ซึ่งเห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่สามารถทำได้เพราะขัดต่อข้อกฎหมายหลายข้อ อาทิ ไม่ มีรายละเอียด การใช้งบประมาณ และการกำหนดกิจกรรมโครงการหรือตัวชี้วัด ไม่เป็นไปตามระเบียบ การเบิกจ่าย ฝ่ายข้าราชการ จึงกลัวและเขียนดักคอไว้ ขณะที่สำนักกฎหมายของสภาพิจารณาว่าไม่ได้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของสภา ขัดต่อพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง2561 และขัดพ.ร.บ. วิธีงบประมาณ 2561รวมทั้งสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และ 185 ที่มี เจตนารมณ์ ไม่อยากให้สส.เข้าไปมีส่วนร่วมในการเสนอแปรญัตติหรือกระทำการใดๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกัยการใช้งบประมาณรายจ่าย และได้มีการแจ้งให้นายพิเชษฐ์รับทราบ ว่าหากยืนยันจะเสนอ จะต้องปรับแก้ไขรายละเอียดโครงการให้อยู่ภายใต้ขอบเขตหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปลี่ยนเป็นโครงการอบรมสัมมนา นายพิเชษฐ์จึงสั่งให้คณะทำงานปรับ เป็นรูปแบบโครงการสัมมนา 3 โครงการคือโครงการ พัฒนาศักยภาพเยาวชน มี 7 โครงการย่อย จัดสัมมนาประมาณ 800 ครั้งเป้าหมาย 80,000 คน โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน มี 2 โครงการย่อย ประมาณ 600 ครั้ง โครงการส่งเสริมบทบาทสตรีทางการเมือง กว่า 800 ครั้งมีผู้เข้าร่วมกว่า 40,000 คน และในโครงการมีความแปลกประหลาด หลายอย่าง ซึ่งเป็นการตั้งเป้าให้สูงจนเป็นไปไม่ได้ 2,294 ครั้ง ในเวลา 1 ปี ถ่ายใต้งบประมาณ 350 ล้านบาท แต่สุดท้ายคณะรัฐมนตรี ตัดงบ เหลือ 83 ล้านบาทแต่นายพิเชษฐ์ยังขอแปรงบเพิ่มสุดท้ายได้มา 178 ล้านบาท

นายภัณฑิล กล่าวอีกว่าเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วนายพิเชษฐ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการเพื่อกำกับดูแลและเห็นชอบการจัดโครงการโดยให้มีตัวเองและเพื่อนสส.พรรคเดียวกันจังหวัดเดียวกันเขตติดกันเป็นกรรมการ และเริ่มให้ประชาชนส่งคำขอเพื่อเริ่มใช้งบ ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าแบบฟอร์มในการขอ พิมพ์ในลักษณะเดียวกัน แต่ละโครงการมาจากจังหวัดเชียงราย ลายมือคล้ายกัน และเมื่อนำงบประมาณมาหารเฉลี่ย พบว่ายังต้องจัดสัมมนามากกว่า 1,300 ครั้งต่อปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้


นายภัณฑิล สรุปว่าการของบดังกล่าวเหมือนทราบอยู่แล้วว่าไม่สามารถดำเนินโครงการได้ จึงชี้ว่าเหมือนเป็นความตั้งใจโยกงบไปใช้ในโครงการอื่นตั้งแต่แรกเป็นเพียงการของบเผื่อไว้ก่อน โดยจะได้ไม่ต้องผ่านครม.ไม่ต้องผ่านขั้นตอนพ.ร.บ.งบประมาณปกติ และเปิดหลักฐานว่าจะทำโครงการ ปรับปรุงพื้นที่ ภูมิทัศน์ภายในและภายนอกอาคารรัฐสภา​ ทั้งทำน้ำพุสนามหญ้า​ ทางเดิน​ ไฟส่องสว่าง​ ห้องครัว โดยโยกงบโครงการอบรมสัมมนาที่มีอยู่ทั้ง 3 โครงการมาใช้แทน พร้อมมีข้อสังเกตว่า สำนักรักษาความปลอดภัยและสำนักอาคารสถานที่ซึ่งเป็นงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายพิเชษฐ์ที่ทำเรื่องขอโยกงบจากโครงการอบรมสัมมนามาใช้

นายภัณฑิล ยังระบุอีกว่า ในการจัดทำงบประมาณปี 2569 มีการขอมาในลักษณะดังกล่าว เพิ่มเป็น 594 ล้านบาทจากที่เคยขอ 350 ล้านบาทในงบประมาณปี 2568 ซึ่งจะต้องจัดสัมมนา 2,800 ครั้งใน 1 ปี และยังมีลักษณะเป้าหมายลงในพื้นที่ตัวเองและโยกงบไปทำอย่างอื่น เหมือนเช่นเดิม พรรคประชาชน จึงจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัย​ถอดถอนนายพิเชษฐ์ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร จากการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายการกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง ที่ห้ามไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อเข้าไปมีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายหรือไม่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเรื่องจริยธรรม แต่เป็นเรื่องของการทุจริต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมเอกสารคาดว่าจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในสัปดาห์หน้า​ ส่วนที่เคยบอกพ่อจะยื่นต่อป.ป.ช. นั้นกระบวนการต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งเห็นว่ามีผู้ได้รับผลกระทบเยอะจึงต้องรีบจัดการ

“ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าศาลรัฐธรรมนูญจัดวินิจฉัยอย่างไร เพราะขณะนี้สังคมตัดสินไปแล้ว การใช้งบประมาณแบบนี้ไม่ตอบโจทย์ประชาชน ทุจริตเอางบลงตัวเอง ฝ่ายนิติบัญญัติเรามีหน้าที่ในการออกกติกา ตรวจสอบงบประมาณ เราชงเองตบเองไม่ได้ เอาเงินเข้าเขตตัวเองแล้วก็มาแจกเงินจัดงาน เจตนาคือต้องการจะมีงบกลางของตัวเองเอาไว้ใช้ เงินภาษีจากประชาชนท่านจะเอาไปใช้แบบนี้ไม่ได้ ตั้งงบไว้แล้วเหลือติดก้นถุง” นายภัณฑิลกล่าว


นายภัณฑิล กล่าวว่า นายพิเชษฐ์พยายามจะนัดไปเดินสำรวจอาคารรัฐสภา แต่ไม่ได้ไป เราไม่เห็นถึงความจำเป็น และหลังการอภิปรายร่างกฎหมายงบประมาณปี 2569 นายพิเชษฐ์ ได้เดินมาหา พยายามที่จะมาพูดคุยด้วยแต่ก็มีเพื่อนส.สเยอะจึงไม่ได้คุยอะไรกันและไม่ได้มีความพยายามติดต่อหลังไมค์มาพูดคุยด้วยอีก.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]