ยื่นศาล​ รธน.​ถอดถอน “พิเชษฐ์” พ้นรอง ปธ.สภาฯ เปิดหลักฐานส่อทุจริต

พรรคประชาชน 6 มิ.ย.- “ภัณฑิล” เดินหน้ายื่นศาล​ รธน.​ถอดถอน “พิเชษฐ์” พ้นรองประธานสภาฯ เปิดหลักฐานส่อทุจริต ตั้งงบไปใช้ในเขตตัวเอง จัด 3 โครงการสัมมนาเกือบ 3 พันครั้งต่อปี แล้วโยกงบมาซ่อมสภา เจตนาใช้ภาษีประชาชนส่อขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 แถมปี 69 ยังของบซ้ำแบบเดิมอีกเกือบ 600 ล้าน


นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณียื่นเรื่องถอดถอน นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 สืบเนื่องจากการอภิปรายร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569​ โดยระบุว่านายพิเชษฐ์ มีพฤติกรรมลักษณะ ตั้งใจเอางบประมาณแผ่นดินไปแจกจ่ายกลุ่มเป้าหมายฐานเสียงของตนเองและพวกพ้องในรูปแบบการแจกทุนหรือเงินสนับสนุนโครงการ ให้ประชาชนโดยตรง โดยได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาคณะทำงาน ยกร่าง 4 โครงการ เมื่อเดือนตุลาคม 2566 คือ​ โครงการสภาผู้แทนบรรเทาทุกข์และความจำเป็นเร่งด่วน โครงการ พัฒนาศักยภาพประชาชนในระบอบประชาธิปไตย โครงการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น และโครงการส่งเสริมความมั่นคงอาชีพสตรี มูลค่ารวม 443 ล้านบาท ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ได้เห็นชอบ แต่สร้างความหนักใจ ให้ฝ่ายข้าราชการสำนักนโยบายและแผนจึงได้ขอความเห็น สำนักกฎหมายและสำนักการคลังของสภา ซึ่งเห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่สามารถทำได้เพราะขัดต่อข้อกฎหมายหลายข้อ อาทิ ไม่ มีรายละเอียด การใช้งบประมาณ และการกำหนดกิจกรรมโครงการหรือตัวชี้วัด ไม่เป็นไปตามระเบียบ การเบิกจ่าย ฝ่ายข้าราชการ จึงกลัวและเขียนดักคอไว้ ขณะที่สำนักกฎหมายของสภาพิจารณาว่าไม่ได้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของสภา ขัดต่อพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง2561 และขัดพ.ร.บ. วิธีงบประมาณ 2561รวมทั้งสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และ 185 ที่มี เจตนารมณ์ ไม่อยากให้สส.เข้าไปมีส่วนร่วมในการเสนอแปรญัตติหรือกระทำการใดๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกัยการใช้งบประมาณรายจ่าย และได้มีการแจ้งให้นายพิเชษฐ์รับทราบ ว่าหากยืนยันจะเสนอ จะต้องปรับแก้ไขรายละเอียดโครงการให้อยู่ภายใต้ขอบเขตหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปลี่ยนเป็นโครงการอบรมสัมมนา นายพิเชษฐ์จึงสั่งให้คณะทำงานปรับ เป็นรูปแบบโครงการสัมมนา 3 โครงการคือโครงการ พัฒนาศักยภาพเยาวชน มี 7 โครงการย่อย จัดสัมมนาประมาณ 800 ครั้งเป้าหมาย 80,000 คน โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน มี 2 โครงการย่อย ประมาณ 600 ครั้ง โครงการส่งเสริมบทบาทสตรีทางการเมือง กว่า 800 ครั้งมีผู้เข้าร่วมกว่า 40,000 คน และในโครงการมีความแปลกประหลาด หลายอย่าง ซึ่งเป็นการตั้งเป้าให้สูงจนเป็นไปไม่ได้ 2,294 ครั้ง ในเวลา 1 ปี ถ่ายใต้งบประมาณ 350 ล้านบาท แต่สุดท้ายคณะรัฐมนตรี ตัดงบ เหลือ 83 ล้านบาทแต่นายพิเชษฐ์ยังขอแปรงบเพิ่มสุดท้ายได้มา 178 ล้านบาท

นายภัณฑิล กล่าวอีกว่าเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วนายพิเชษฐ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการเพื่อกำกับดูแลและเห็นชอบการจัดโครงการโดยให้มีตัวเองและเพื่อนสส.พรรคเดียวกันจังหวัดเดียวกันเขตติดกันเป็นกรรมการ และเริ่มให้ประชาชนส่งคำขอเพื่อเริ่มใช้งบ ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าแบบฟอร์มในการขอ พิมพ์ในลักษณะเดียวกัน แต่ละโครงการมาจากจังหวัดเชียงราย ลายมือคล้ายกัน และเมื่อนำงบประมาณมาหารเฉลี่ย พบว่ายังต้องจัดสัมมนามากกว่า 1,300 ครั้งต่อปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้


นายภัณฑิล สรุปว่าการของบดังกล่าวเหมือนทราบอยู่แล้วว่าไม่สามารถดำเนินโครงการได้ จึงชี้ว่าเหมือนเป็นความตั้งใจโยกงบไปใช้ในโครงการอื่นตั้งแต่แรกเป็นเพียงการของบเผื่อไว้ก่อน โดยจะได้ไม่ต้องผ่านครม.ไม่ต้องผ่านขั้นตอนพ.ร.บ.งบประมาณปกติ และเปิดหลักฐานว่าจะทำโครงการ ปรับปรุงพื้นที่ ภูมิทัศน์ภายในและภายนอกอาคารรัฐสภา​ ทั้งทำน้ำพุสนามหญ้า​ ทางเดิน​ ไฟส่องสว่าง​ ห้องครัว โดยโยกงบโครงการอบรมสัมมนาที่มีอยู่ทั้ง 3 โครงการมาใช้แทน พร้อมมีข้อสังเกตว่า สำนักรักษาความปลอดภัยและสำนักอาคารสถานที่ซึ่งเป็นงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายพิเชษฐ์ที่ทำเรื่องขอโยกงบจากโครงการอบรมสัมมนามาใช้

นายภัณฑิล ยังระบุอีกว่า ในการจัดทำงบประมาณปี 2569 มีการขอมาในลักษณะดังกล่าว เพิ่มเป็น 594 ล้านบาทจากที่เคยขอ 350 ล้านบาทในงบประมาณปี 2568 ซึ่งจะต้องจัดสัมมนา 2,800 ครั้งใน 1 ปี และยังมีลักษณะเป้าหมายลงในพื้นที่ตัวเองและโยกงบไปทำอย่างอื่น เหมือนเช่นเดิม พรรคประชาชน จึงจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัย​ถอดถอนนายพิเชษฐ์ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร จากการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายการกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง ที่ห้ามไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อเข้าไปมีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายหรือไม่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเรื่องจริยธรรม แต่เป็นเรื่องของการทุจริต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมเอกสารคาดว่าจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในสัปดาห์หน้า​ ส่วนที่เคยบอกพ่อจะยื่นต่อป.ป.ช. นั้นกระบวนการต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งเห็นว่ามีผู้ได้รับผลกระทบเยอะจึงต้องรีบจัดการ

“ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าศาลรัฐธรรมนูญจัดวินิจฉัยอย่างไร เพราะขณะนี้สังคมตัดสินไปแล้ว การใช้งบประมาณแบบนี้ไม่ตอบโจทย์ประชาชน ทุจริตเอางบลงตัวเอง ฝ่ายนิติบัญญัติเรามีหน้าที่ในการออกกติกา ตรวจสอบงบประมาณ เราชงเองตบเองไม่ได้ เอาเงินเข้าเขตตัวเองแล้วก็มาแจกเงินจัดงาน เจตนาคือต้องการจะมีงบกลางของตัวเองเอาไว้ใช้ เงินภาษีจากประชาชนท่านจะเอาไปใช้แบบนี้ไม่ได้ ตั้งงบไว้แล้วเหลือติดก้นถุง” นายภัณฑิลกล่าว


นายภัณฑิล กล่าวว่า นายพิเชษฐ์พยายามจะนัดไปเดินสำรวจอาคารรัฐสภา แต่ไม่ได้ไป เราไม่เห็นถึงความจำเป็น และหลังการอภิปรายร่างกฎหมายงบประมาณปี 2569 นายพิเชษฐ์ ได้เดินมาหา พยายามที่จะมาพูดคุยด้วยแต่ก็มีเพื่อนส.สเยอะจึงไม่ได้คุยอะไรกันและไม่ได้มีความพยายามติดต่อหลังไมค์มาพูดคุยด้วยอีก.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย